โฆษก ศบค.แจงไทม์ไลน์"ทหารอียิปต์- ด.ญ.9 ขวบ"ติดเชื้อโควิด-19
เมื่อวันที่ 13 ก.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)กล่าวถึงไทม์ไลน์ของทหารอียิปต์อายุ 43 ปี ติดเชื่อโควิด-19 ว่า ในวันที่ 6 ก.ค. เดินทางออกจากสนามบินไคโร ประเทศอียิปต์ ไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 7 ก.ค. เดินทางจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไปปากีสถาน 8 ก.ค. เดินทางถึงท่าอากาศยานอู่ตะเภา เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง 9 ก.ค. ออกจากโรงแรม จ.ระยองไปท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาเพื่อบินไปทำภารกิจทางทหารที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ไป-กลับวันเดียวกัน กลับเข้าที่พักในโรงแรมจ.ระยอง 10 ก.ค. ได้มีทีมเจ้าหน้าที่ในหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ (CDCU)เข้าคัดกรองอาการของคณะเดินทางและลูกเรือ เพื่อเก็บตัวอย่างส่งตรวจ จำนวน 31 ราย และในวันที่ 11 ก.ค. คณะเดินทางออกจากประเทศไทยกลับอียิปต์ ซึ่งผลตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่ชัดเจน จึงตรวจซ้ำอีกครั้ง จนกระทั่งวันที่ 12 ก.ค. ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันพบเชื้อ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ศบค. ชุดเล็กมีการหารือว่า ถึงแม้จะเป็นคนที่เป็นลูกเรือที่มาจากต่างชาติเข้ามายังประเทศไทย ในข้อกำหนดที่เป็นลักษณะเฉพาะขึ้นมา และขณะนี้มีการเปิดสายการบินหลายสาย เดิมใช้สนามบินสุวรรณภูมิ แต่ในครั้งนี้ได้มาลงที่สนามบินอู่ตะเภา จึงทำให้มาตรการของการคุมเข้มในข้อดังกล่าวต้องมีการทบทวนและปฏิบัติกันใหม่ ซึ่งโรงแรมที่ จ.ระยองแห่งนี้ถือเป็นสถานที่ที่สัมผัสกับผู้ที่พบเชื้อ ดังนั้น มาตรการการเข้าไปสอบสวนโรคจะต้องครอบคลุมโรงแรมนี้ทั้งหมด โดยอธิบดีกรมควบคุมโรคได้รับข้อสั่งการจาก รมว.สาธารณสุข ให้ออกมาตรการคุมเข้มเรื่องดังกล่าว เพื่อการตรวจสอบโดยละเอียด ถึงแม้ผู้ที่พบผลตรวจจะเดินทางกลับไปแล้วก็ตาม นอกจากนี้ ทีมสอบสวนโรคจะเข้าไปสอบสวนโรคในพื้นที่สัมผัสที่ทางกลุ่มลูกเรือได้เดินทางไป อีกทั้งสำนักงานเขตสุขภาพ จ.ระยองและทีมส่วนกลางจะเข้าไปร่วมสอบสวนโรคด้วย เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ จ.ระยอง
โฆษก ศบค. ยังกล่าวถึงไทม์ไลน์ผู้ป่วยเด็กหญิงอายุ 9 ขวบ จากภูมิภาคแอฟริกา เดินทางมาพร้อมกับครอบครัวคณะทูต โดยในวันที่ 7 ก.ค. มารดานำผู้ป่วยและครอบครัวรวม 5 คน ไปตรวจหาเชื้อก่อนเดินทางที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ผลตรวจทุกคนไม่พบเชื้อ เดินทางถึงไทยวันที่ 10 ก.ค. เวลา 05.40 น. คัดกรองไม่มีอาการ เก็บตัวอย่างส่งตรวจผลพบเชื้อ แต่บิดานำส่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ มีการตรวจซ้ำ ผลพบเชื้อ สมาชิกที่เหลือกักกันในที่พำนักแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และในวันที่ 11 ก.ค. ผลตรวจพบปอดอักเสบ จึงส่งต่อผู้ป่วยมารักษาต่อที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งรายดังกล่าวอยู่ในประเภทที่ 3 คือ คณะทูต คณะกงสุล องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้แทนรัฐบาล หรือหน่วยงานของรัฐต่างประเทศที่มาปฏิบัติงานที่ประเทศไทย ซึ่งจะอยู่ในมาตรการข้อ 4 ให้เข้ารับการกักกันในที่พำนักของบุคคลดังกล่าว ภายใต้การดูแลของหน่วยงานต้นสังกัดเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน ซึ่งรัฐต้องกำหนดมาตรการโดยละเอียดและครอบคลุมเพราะเป็นความเสี่ยง
ความเห็น 31
Anuchit
เตือนจังคนไทยการ์ดอย่าตก แล้วทหารติดเชื้อผ่านการกักตัวมาได้ยังไง รัฐบาลห่วยหละหลวมแล้วคอยตามแก้ตลอด กับคนไทยเข้มงวดเหมือนทาส
13 ก.ค. 2563 เวลา 23.37 น.
surachai
นี่ละคนสำคัญผู้ใหญ่นายโตบ้านเมืองเราชอบให้ความสำคัญไม่ต้องตรวจเข้มไม่กักตัวให้อยูในที่ทางที่จัดไว้ แต่ชาวบ้านธรรมดากักไม่ให้ออกไปเจออะไร สองมาตรฐานจึงเกิดเรื่องไม่คาดคิดเป็นประจำ
14 ก.ค. 2563 เวลา 00.00 น.
surachit
ไอ้ตัวแพร่เชื้อ ที่แท้จริง คือรัฐบาล กับกองทัพ นิว นอมอล กับข้อยกเว้น อภิสิทธิ์ชน 157 อยู่ไหน รับผิดชอบอย่างไร ลาออก ไปซะ
13 ก.ค. 2563 เวลา 23.57 น.
Prasert
ไหนบอกจำเป็นต้องมี พรก. ฉุกเฉินเพื่อควบคุม โควิด
14 ก.ค. 2563 เวลา 00.04 น.
Aof 606
วัวหายล้อมคอก
13 ก.ค. 2563 เวลา 23.37 น.
ดูทั้งหมด