โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ภูมิภาค

ประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 18 “ประชากรและสังคม 2567”

สยามรัฐ

อัพเดต 02 ก.ค. เวลา 13.11 น. • เผยแพร่ 02 ก.ค. เวลา 13.11 น.
ประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 18 “ประชากรและสังคม 2567”

สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล จัดการประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 18 “ประชากรและสังคม 2567” ภายใต้แนวคิด “ประชากรและความยั่งยืน: ประเด็นสำคัญทางนโยบาย” (Population and Sustainability: Key Policy Highlight)

สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล มุ่งสร้างองค์ความรู้ด้านประชากรและสังคมอย่างต่อเนื่องทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ สอดคล้องกับบริบททางสังคมที่เปลี่ยนแปลงและเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา สถาบันฯ ดำเนินบทบาทสำคัญทางวิชาการให้กับสังคมไทย ด้วยการพัฒนาสร้างเสริมการศึกษาวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ที่หลากหลายในลักษณะสหวิทยาการด้านประชากรและสังคม อีกทั้งนำเสนอความรู้และข้อค้นพบสำคัญ ๆ จากการศึกษาวิเคราะห์วิจัย ไปเผยแพร่ทั้งในแวดวงวิชาการ ผู้กำหนดนโยบาย สื่อมวลชน และสาธารณชนทั่วไป เพื่อเป็นข้อเสนอแนะเชิงรุก ในการเตรียมความพร้อมรับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงในมิติต่างๆ ทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม สุขภาพ วัฒนธรรม และการเมือง อย่างต่อเนื่องทั้งในระดับประเทศ และในภูมิภาคต่างๆ ของโลก

วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล จัดการประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 18 “ประชากรและสังคม 2567” ภายใต้แนวคิด “ประชากรและความยั่งยืน: ประเด็นสำคัญทางนโยบาย” (Population and Sustainability: Key Policy Highlight) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีในการนำเสนอข้อมูล ผลงานวิจัย การหารือและแลกเปลี่ยนมุมมองทั้งในเชิงวิชาการและเชิงนโยบายจากอาจารย์ นักวิจัยของสถาบันฯ ผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก และผู้เข้าร่วมประชุมที่มาจากหลากหลายสาขาในประเด็นที่เชื่อมโยงกันระหว่างความท้าทายทางด้านประชากรกับวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน

ในปีนี้ ได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอื้อมพร มัชฌิมวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายการคลัง มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นประธานกล่าวเปิดการประชุมฯ พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.เฉลิมพล แจ่มจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวต้อนรับ จากนั้น ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ ประธานกรรมการแพลตฟอร์ม Youth in Change ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “อารยธรรมบนทางสองแพร่ง: ความยั่งยืนกับอนาคตของมนุษยชาติ” (Civilization at the Crossroads: Sustainability & Our Human Future) ณ ห้องประชุมประชาสังคมอุดมพัฒน์ (101) ชั้น 1 สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา และรูปแบบออนไลน์

ในโอกาสนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.เฉลิมพล แจ่มจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล เข้าร่วมเสวนาโต๊ะกลม หัวข้อ “การพัฒนาที่ยั่งยืนกับนโยบายประชากรและสังคม” ร่วมกับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ชล บุนนาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Move) คุณพร้อมบุญ พานิชภักดิ์ เลขาธิการมูลนิธิรักษ์ไทย และคุณวรวรรณ พลิคามิน รองเลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)

ในงานประชุมดังกล่าว มีการนำเสนอบทความวิชาการจำนวน 3 ประเด็นหลัก ในมิติที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้แก่ มิติด้านการเกิด เด็ก และครอบครัว มิติด้านสุขภาพ อาหาร และสิ่งแวดล้อม และมิติด้านการย้ายถิ่นของประชากรต่างอารยธรรม

ซึ่งประเด็นที่ได้จากการประชุมวันนี้ นำไปสู่ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนอันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและประชากรในปัจจุบัน สามารถสรุปได้ดังต่อไปนี้

1. นโยบายด้านประชากรและครอบครัว
• ควรมีการส่งเสริมการมีบุตรผ่านมาตรการสนับสนุนทางการเงินและสวัสดิการ เช่น เงินอุดหนุนเลี้ยงดูเด็ก การลดหย่อนภาษี รวมถึงการขยายระยะเวลาการลาคลอดและลาเลี้ยงดูบุตร ส่งเสริมการลาของบิดา
• พัฒนาศูนย์ดูแลเด็กเล็กที่มีคุณภาพและราคาเหมาะสม โดยเฉพาะสำหรับเด็กอายุ 0-2 ปี
• สร้างสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและครอบครัว (Work-life balance) ผ่านนโยบายการทำงานที่ยืดหยุ่น

2. นโยบายด้านผู้สูงอายุ
• พัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว โดยเน้นการดูแลในชุมชน (Community-based care)
• ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานของผู้สูงอายุ ผ่านการปรับปรุงกฎหมายแรงงาน และสร้างแรงจูงใจทางภาษี
• สร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ (Age-friendly environment) ทั้งในด้านที่อยู่อาศัย การคมนาคม และพื้นที่สาธารณะ
• พัฒนาระบบประกันการดูแลระยะยาว (Long-term care insurance) เพื่อรองรับค่าใช้จ่าย ในการดูแลผู้สูงอายุ

3. นโยบายด้านสุขภาพและสาธารณสุข
• พัฒนาระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบาง
• ส่งเสริมการป้องกันโรคและการสร้างเสริมสุขภาพ โดยเน้นการลดพฤติกรรมเสี่ยงและการมีกิจกรรมทางกาย
• พัฒนาระบบเฝ้าระวังและตอบสนองต่อโรคอุบัติใหม่และภัยพิบัติทางธรรมชาติ
• ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการติดตามสุขภาพและการให้บริการทางการแพทย์ทางไกล (Telemedicine)

4. นโยบายด้านการศึกษาและพัฒนาทักษะแรงงาน
• ปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาให้เน้นทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 และสอดคล้องกับความต้องการ ของตลาดแรงงาน
• ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง (Lifelong learning and upskilling)
• พัฒนาระบบการศึกษาทางเลือก เช่น การเรียนการสอนแบบผสมผสาน (Blended learning) และการเรียนรู้ตามอัธยาศัย
• สร้างความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษาและภาคธุรกิจในการพัฒนาหลักสูตรและฝึกอบรม

5. นโยบายด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม
• ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี AI และหุ่นยนต์ในการดูแลผู้สูงอายุและเพิ่มประสิทธิภาพในภาคการผลิต
• พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อเชื่อมโยงบริการสำหรับผู้สูงอายุและครอบครัว
• สนับสนุนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อรองรับสังคมสูงวัย เช่น เทคโนโลยีสุขภาพ และ assistive technologies

6. นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน
• ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
• พัฒนาระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพและลดการปล่อยมลพิษ
• ส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ
• พัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities) ที่ใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการทรัพยากร อย่างมีประสิทธิภาพ

7. นโยบายด้านการย้ายถิ่นและแรงงานต่างชาติ
• พัฒนาระบบคัดกรองและจัดการแรงงานต่างชาติที่มีประสิทธิภาพ
• สร้างแรงจูงใจเพื่อดึงดูดแรงงานทักษะสูงจากต่างประเทศ เช่น การให้วีซ่าพิเศษ สิทธิประโยชน์ ทางภาษี
• ส่งเสริมการบูรณาการทางสังคมของแรงงานต่างชาติ ผ่านการศึกษาภาษาและวัฒนธรรมไทย
• พัฒนานโยบาย "Massive Immigration Policy" ที่มีการกระจายอำนาจและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน

8. นโยบายด้านความเท่าเทียมและการลดความเหลื่อมล้ำ:
• พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขและการศึกษาในพื้นที่ห่างไกล
• ส่งเสริมการกระจายรายได้ผ่านระบบภาษีและสวัสดิการสังคม
• สนับสนุนการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับทุกกลุ่มประชากร
• พัฒนานโยบายที่ตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้พิการ ชนกลุ่มน้อย

ทั้งนี้ การนำนโยบายเหล่านี้ไปปฏิบัติ จำเป็นต้องมีการบูรณาการระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามอ่านบทความวิจัยสั้น (Research brief) จากงานประชุมได้ที่ https://ipsr.mahidol.ac.th/post_research/ipsrconference2024/
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทรศัพท์ 02-441-0201-4 ต่อ 202

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 0

ยังไม่มีความเห็น