(14 พฤษภาคม 2564) ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยผลการศึกษาประสิทธิผลการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของวัคซีนโรคโควิด-19 ทั้งสองชนิดที่ฉีดในคนไทย ของศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่า "ทั้งวัคซีนของซิโนแวค และวัคซีนของแอสตราเซเนกา สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีมาก ผู้ได้รับวัคซีนเกือบทุกรายสามารถสร้างแอนติบอดีในระดับสูง โดย 97.26% ของผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตราซิเนกาเข็มแรกแล้ว 4 สัปดาห์ และ 99.49% ของผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคสองเข็มแล้ว 4 สัปดาห์ สามารถสร้างแอนติบอดีต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้"
ในการศึกษานี้ ได้ทำการตรวจวัดระดับแอนติบอดีต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเลือด ด้วยวิธี Roche Elecsys Electrochemiluminescence lmmunoassay (ECLIA) ซึ่งแบ่งการวิเคราะห์ เป็นกลุ่มต่างๆ ได้แก่ -กลุ่มผู้ป่วยที่เคยติดเชื้อโควิด โดยเจาะเลือดหลังจากนั้น 4-8 สัปดาห์ เพื่อดูว่าการติดเชื้อโดยธรรมชาติจะสามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้สร้างแอนติบอดีต่อเชื้อโควิด-19 ได้หรือไม่-กลุ่มที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน-กลุ่มที่ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา โดยเจาะเลือดก่อนฉีด และหลังฉีดเข็มที่หนึ่งแล้ว 4 สัปดาห์
-กลุ่มที่ฉีดวัคซีนซิโนแวค โดยเจาะเลือดก่อนฉีด, หลังฉีดเข็มที่หนึ่งแล้ว 3 สัปดาห์ และหลังฉีดเข็มที่สองแล้ว 4 สัปดาห์ผลการตรวจวัดระดับแอนติบอดี และ % ตรวจพบแอนติบอดีในกลุ่มต่างๆ ซึ่งบ่งถึงการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน เป็นดังนี้กรณีที่การติดเชื้อโดยธรรมชาติ-กลุ่มผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อและไม่ได้ฉีดวัคซีน 0% (ทุกรายตรวจไม่พบแอนติบอดีต่อเชื้อ)-กลุ่มผู้เคยมีการติดเชื้อโดยธรรมชาติ ตรวจพบแอนติบอดี 92.40% (243 ใน 263 ราย) และมีปริมาณเฉลี่ย 60.9 unit/ml
วัคซีนของแอสตราซิเนกา-ก่อนฉีดวัคซีน 0% (ทุกรายตรวจไม่พบแอนติบอดีต่อเชื้อ)-หลังฉีดเข็มแรก 4 สัปดาห์ ตรวจพบแอนติบอดี 97.26% (71 ใน 73 ราย) และมีปริมาณเฉลี่ย 47.5 unit/ml-ยังไม่มีผลการตรวจหลังฉีดเข็มที่สอง เนื่องจากยังไม่ถึงกำหนดเวลาฉีดเข็มที่สองเมื่อวิเคราะห์ตามกลุ่มอายุและตามเพศของผู้ฉีดวัคซีนแอสตราซิเนกาโดยละเอียดแล้ว พบว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนแอสตราซิเนกาเข็มแรก เป็นเวลา 4 สัปดาห์นั้น-เพศชาย ตรวจพบแอนติบอดี 93.55% (29 ใน 31 ราย) และมีปริมาณเฉลี่ย 32.9 unit/ml-เพศหญิง ตรวจพบแอนติบอดี 100% (42 ใน 42 ราย) และมีปริมาณเฉลี่ย 62.3 unit/ml-กลุ่มอายุ 18-59 ปี ตรวจพบแอนติบอดี 100% (44 ใน 44 ราย) และมีปริมาณเฉลี่ย 67.2 unit/ml-กลุ่มอายุมากกว่า 60 ปี ตรวจพบแอนติบอดี 93.11 % (27 ใน 29 ราย) และมีปริมาณเฉลี่ย 28.1 unit/ml
วัคซีนของซิโนแวก-ก่อนฉีดวัคซีน 0% (ทุกรายตรวจไม่พบแอนติบอดีต่อเชื้อ)-หลังฉีดเข็มแรก 3 สัปดาห์ ตรวจพบแอนติบอดี 65.96% (124 ใน 188 ราย) และมีปริมาณเฉลี่ย 1.9 unit/ml
-หลังฉีดเข็มที่สอง 4 สัปดาห์ ตรวจพบแอนติบอดี 99.49% (196 ใน 197 ราย) และมีปริมาณเฉลี่ย 85.9 unit/mlดังนั้น วัคซีนซิโนแวก สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีมาก โดยเริ่มสร้างแอนติบอดีหลังฉีดเข็มแรก (ระดับยังต่ำ) และเพิ่มมากขึ้นหลังฉีดครบสองเข็ม ซึ่ง 99.49% ของผู้ที่ฉีดครบสองเข็มแล้วสามารถสร้างแอนติบอดีในระดับสูงมากสรุปว่า วัคซีนทั้งสองชนิดสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีมาก ผู้ได้รับวัคซีนเกือบทุกรายสามารถสร้างแอนติบอดีในระดับสูง โดย 97.26% ของผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตราซิเนกาเข็มแรกแล้ว 4 สัปดาห์ และ 99.49% ของผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวกสองเข็มแล้ว 4 สัปดาห์ สามารถสร้างแอนติบอดีต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้แหล่งข้อมูล: ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสนับสนุนการวิจัยโดย: สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และบริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ความเห็น 69
Sung
BEST
ยี่ห้ออะไรไม่เกี่ยง อยากฉีดเร็วที่สุด
15 พ.ค. 2564 เวลา 06.27 น.
Gaw's
BEST
แสดงว่าวัคซีนจีน
เหมาะกับคนไทย
15 พ.ค. 2564 เวลา 06.04 น.
กี้ร์ ศักยภาพผมพร้อม
เกาหลีใต้ประกาศว่าถ้าใครฉีด ซิโนแวคซ์ เข้าประเทศเกาหลีใต้ต้องกักตัวทันที 14 วัน แต่ถ้าฉีดยี่ห้ออื่นไม่ต้องกักตัว ตอบมาสาธารณสุขไทย ????
15 พ.ค. 2564 เวลา 06.33 น.
ไม่ต้องพูดไรมาก ใครอยากฉีดก็ฉีดไปเถอะ ข้าพเจ้า ขอรอ มาเดอร์น่า กับ ไฟเซอร์ เท่านั้น ถ้า ซีโนแวค กับ แอสต้า ดีจริง คนทั้งโลกเขาคงให้การยอมรับไปแล้วหละ แต่นี้ ถ้าได้เปนแบบนั้นไม่
15 พ.ค. 2564 เวลา 06.09 น.
Phusaroj
ตอนนี้วัคซีนฉุกเฉินทุกยี่ห้อเสี่ยงหมด บริษัทผู้ผลิตไม่รับผิดชอบหากเกิดผลข้างเคียง แอสตร้ากับซิโนแวคที่ไทยมีอยู่ใครไม่ฉีดผมฉีดแน่นอน ผมเชื่อหมอผมไม่เขื่อผู้รู้ ไม่เถียงว่าไฟเซอร์กับโมเดอร์น่าดี แต่ผมไม่เสี่ยงชีวิตเพื่อที่จะรอฉีดสองยี่ห้อนี้ ปีหน้าค่อยว่ากัน
15 พ.ค. 2564 เวลา 06.41 น.
ดูทั้งหมด