จากกรณีที่มีชายรายหนึ่งร้องเรียนพนักงานสอบสวน เพื่อให้สอบสวนหาความจริงกับเจ้าของสถาบันกวดวิชานักเรียนนายร้อยแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ หลังจาก ด.ช.ฐปกร ทรัพย์สิน หรือ น้องชายแดน อายุ 15 ปี เข้าไปพักอยู่อาศัยเพื่อศึกษาในการเตรียมตัวสอบนักเรียนนายร้อยที่สถาบันดังกล่าว แล้วได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องส่งเข้าห้องไอซียูรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แพทย์ระบุว่าร่างกายได้รับความบอบช้ำอย่างมาก ทั้งจากอวัยวะภายนอกและภายใน จนเสียชีวิตเมื่อกลางดึกที่ 13 มิ.ย. 62 (อ่าน : พ่อแฉอีก ลูกตายในสถานกวดวิชาเจอแผลที่อัณฑะ ด้านครูโต้แค่ล้มฟาดบันได )
วันที่ 15 มิ.ย. 62 นางเบญจรัตน์ ศักดิ์โสภิษฐ์ ชาวบ้านในหมู่บ้าน ซึ่งบ้านตั้งอยู่จุดที่กลุ่มนักเรียนวิ่งผ่านประจำ เปิดเผยว่า ตนเองอยู่ที่หมู่บ้านนี้มาเพียงไม่กี่เดือน แต่พอทราบว่าในหมู่บ้านมีเปิดสอนกวดวิชาทหาร แต่ไม่ทราบว่าบ้านที่เป็นข่าวคือกวดวิชาที่นี่ ที่ผ่านมาเคยเห็นกลุ่มเด็กราว 10 คน วิ่งออกกำลังกายช่วงเย็นบ้าง ซึ่งปกติก็จะเห็นเด็กวิ่งกันปกติ ร่าเริง ไม่ดูมีปัญหา หรือดูเหมือนเก็บกด สภาพร่างกายของเด็ก ๆ ตนก็เห็นปกติไม่มีร่องรอยบาดแผลอะไร ที่ผ่านมาก็ไม่เคยทราบเรื่องว่าบ้านดังกล่าวมีปัญหา
ด้านนางศรีประไพ พันธ์มหา เล่าว่า ได้เคยส่งลูกชายไปเรียนยังสถาบันดังกล่าวเช่นกัน โดยอยู่ได้เพียง 5 วัน ลูกชายถูกรุมทำร้ายโดยครูและเพื่อนนักเรียนด้วยกัน และโดนทุกวันจนทนไม่ไหวจนต้องปีนรั้วหนีออกมาจากสถาบันดังกล่าว ตอนที่หนีออกมาได้ปีนเข้าไปยังบ้านข้างเคียงจนเจ้าของบ้านนึกว่าเป็นขโมยจึงแจ้ง รปภ.หมู่บ้าน เมื่อสอบถามจึงทราบสาเหตุจึงได้แจ้งสถาบันดังกล่าวให้ครูมารับตัว ตอนที่ครูมารับตัวยังตบหน้าลูกชายอีก 2 ครั้งและจะตบอีก แต่ยามห้ามไว้และพากลับสถาบัน เมื่อลูกชายแจ้งมาจึงรีบไปรับตัว ตอนไปรับตัวลูกชายกลับบ้านได้พาลูกไปตรวจร่างกายพบว่ามีรอยฟกช้ำทั่วร่างกายโดยเฉพาะบริเวณลำตัว เมื่อสอบถามพบว่าถูกทำร้ายร่างกายโดยครูและเพื่อนที่สถาบัน จึงไม่ได้ให้ลูกชายกลับไปเรียนอีก
ขณะที่ ด.ช.ตี๋ (นามสมมติ) เคยอยู่โรงเรียนเดียวกับน้องชายแดนที่เสียชีวิต ออกมาเปิดเผยว่า รู้สึกหดหู่ใจและเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเพื่อน แต่ตอนที่น้องชายแดนได้รับบาดเจ็บหนักตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เนื่องจากได้ขอลาออกจากสถาบันไปก่อนหน้านี้แล้ว จึงไม่สามารถระบุได้ว่าใครคือผู้กระทำ โดยในสถาบันแห่งนี้ มีผู้มาเก็บตัวเพื่อศึกษาอยู่รวมกันกว่า 10 คน ซึ่งก็จะทยอยสับเปลี่ยนไปตลอด และยอมรับว่ามีการเขม่นไม่ชอบกันระหว่างเพื่อนที่เรียน จนถึงขั้นมีการชกต่อยกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยถึงขั้นยกพวกรุมตีกัน ยกเว้นจะมีนักเรียนหัวโจกเพียงแค่ 3 คน ที่มีความสนิทสนมกับเจ้าของสถาบัน และชอบใช้ความรุนแรงก่อเหตุรุมชกต่อยกับเพื่อนด้วยกัน ซึ่งหลาย ๆ ครั้ง หากไม่ชอบหน้าใคร เด็ก 3 คนนี้จะไปขออนุญาตกับเจ้าของสถาบันเพื่อไปหาเรื่องรุมทำร้าย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจ เพราะเจ้าของสถาบันอนุญาตให้ทำได้ แต่ทำแค่หอมปากหอมคอ ไม่ให้ทำร้ายหนัก จึงทำให้ตนรับไม่ได้กับเรื่องนี้
ขณะที่ นายเอี่ยม (นามสมมติ) รปภ.ของหมู่บ้านที่ติดกับที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ตนเองเป็นคนเข้าไปพบกับเด็กชายที่ปีนกำแพงหนี ระบุว่าวันที่เกิดเหตุ (20 เม.ย.) ช่วงเวลาราว 20.00 น. ตนเองกำลังปั่นจักรยานตรวจในหมู่บ้าน จังหวะนั้น รปภ.ประจำป้อมวิทยุมาแจ้งว่ามีคนปีนกำแพงลูกบ้านเข้ามา คาดว่าเป็นโจร ตนเองจึงไปตรวจสอบ เมื่อตนไปถึง เห็นเด็กผู้ชายกำลังปีนกำแพงจากบ้านหนึ่งมาที่อีกบ้านหนึ่ง โดยมีกระเป๋าสัมภาระมาด้วย ก่อนที่เด็กผู้ชายคนนั้นจะปีนออกมาที่ถนนหน้าหมู่บ้าน ซึ่งตนจอดรถอยู่จึงได้สอบถามจนทราบว่า เด็กชายคนนั้นปีนหนีออกมาจากบ้านติวเตอร์ หนีครู เพราะว่าตัวเองถูกทำร้าย ถูกซ้อม พร้อมกับเด็กชายคนนั้นถอดเสื้อให้ตนดู พบมีรอยช้ำแดงตามร่างกาย 2-3 แห่ง อีกทั้งยังพบแผลที่สันจมูก คาดว่าถูกชกมา
เด็กชายยังเล่าว่าตัวเองถูกทำโทษ ถูกนักเรียนในกลุ่มทำร้าย ตนยังถามว่าทำไมไม่หนีออกหน้าหมู่บ้านของตัวเอง ซึ่งเด็กชายบอกว่าหากออกหน้าหมู่บ้าน กลุ่มนักเรียนที่เรียนด้วยกันก็จะเห็น จึงเลือกปีนกำแพงหนี ตอนนั้นเด็กชายมีท่าทีเหมือนตนตื่นเต้น จึงพาตัวเด็กชายส่งตามขั้นตอน มีการแจ้งตำรวจ 191 ซึ่งตำรวจมารอที่หน้าหมู่บ้านแล้ว อีกทั้งเมื่อออกมาถึงหน้าหมู่บ้าน พบกับนายณัฐพล เจ้าของบ้านที่เปิดติวเตอร์ พร้อมกับเด็ก ๆอีกราว 4-5 คน มารอที่หน้าหมู่บ้านแล้ว
เมื่อเด็กชายเดินมาถึง นายณัฐพลเดินปรี่เข้ามาที่เด็กชาย จากนั้นใช้มือตบหน้าเด็ก 2 ครั้งต่อหน้าต่อตาตน ตบค่อนข้างแรง และถามเด็กว่าหนีทำไม พวกตนก็ช่วยกันห้ามและกันตัวออกจากเด็ก จากนั้นก็นำตัวไปที่สถานีตำรวจเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ซึ่งตนไม่ทราบข้อมูลจุดนั้น ส่วนตัวคิดว่าการกระทำเช่นนี้รุนแรงเกินไป ตนเองเห็นพฤติกรรมเช่นนี้ เชื่อว่าเด็กอาจจะถูกซ้อมจริง แต่ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์เด็กปีนข้ามรั้วมาเช่นนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเวลา 20.45 น. ระหว่างทีมข่าวกำลังรอสัมภาษณ์เจ้าของบ้านกวดวิชา พบรถยนต์ของ นายณัฐพลขับเข้ามาพร้อมครอบครัว 3 คน โดยเปิดกระจกบอกทีมข่าวเพียงว่า ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ เนื่องจากจะมีผลกับรูปคดี ก่อนจะเดินเข้าบ้านไปทันที เบื้องต้นนายณัฐพลมีสีหน้าที่เรียบเฉย ส่วนคนในครอบครัวปฏิเสธการให้ข้อมูลทุกเรื่อง
https://youtu.be/o3ScLsTwMNk
ความเห็น 37
มีเรื่อง เล่า
เฮ้ย มันถึงขนาดนั้นเลยเกรอ แค่โรงเรียนกวดวิชาทหารแค่นี้ แม่ง พวกมึงที่โรงเรียนและผู้คุมผู้ฝึกสอนมันบ้าพลังหรือปล่าวบ้าทหารจนเข้าเส้นบ้าความรุนแรง แค่นี้ แค่กวดวิชา แต่ถ้าถึงโรงเรียนนายร้อยละจะไม่โดนหนักกว่านี้เหรอ นี่แค่กวดวิชาแค่นี้ ห่าพวกมึงมันบ้าพลังบ้าระเบียบการบ้าทหาร มันบ้ากันทั้งกวดวิชาเหรอวะ ห่า
16 มิ.ย. 2562 เวลา 18.10 น.
ส.อ.ฤทธิไกร ศ.
ใครที่เข้าใจว่าเป็นหน่วยงานรัฐ หรือผู้มีอิทธิพล ไม่ใช่นะครับ
นี่ไม่ใช่หน่วยงานเกี่ยวกับทหารนะครับ
ชาวบ้านธรรมดาตาสีตาสา หรือใครก่อตั้งหรือเปิดสอนก็ได้ครับ (แต่เจ้าของอาจรู้จักกับน.ยศใหญ่อยู่บ้าง เพื่อใช้เงินค่าฝากเด็ก)
และไม่มีสิทธิ์ทำร้ายร่างกายใครด้วย ยังมีสิทธิ์แค่บุคคลธรรมดา ถ้าทำร้ายร่างกายเช่น แค่ตบ ก็สามารถแจ้งความกับตร.ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ทันที
แต่เขาอาจกักห้ามออก
ตรงนี้ก็เป็นอีกความผิด ข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว
16 มิ.ย. 2562 เวลา 02.29 น.
โหดตั้งแต่ก่อนเข้า...เข้าวัดก่อน ก่อนเข้าโรงเรียน
16 มิ.ย. 2562 เวลา 02.26 น.
SUPERMAN
บ้านติวเตอร์คนนี้ อยุ่ไหน
ขอพิกัดหน่อย..!!!
เผื่ออยากไปเรียนบ้าง..!
จะได้ไปสมัคร
รบกวนใครทราบพิกัดขอหน่อยนะครับ..!
16 มิ.ย. 2562 เวลา 01.51 น.
banyath suwannakorn
สมัยนี้ยังมี พวกเอี่ยหลงยุกต์อยู่อีกเหรอ ไม่เข้าใจผู้ปกครองส่งลูกหลานเข้าไปได้อย่างไร
16 มิ.ย. 2562 เวลา 01.45 น.
ดูทั้งหมด