สำนักข่าวต่างประเทศรายงานตรงกันว่าคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 ม.ค.) ราฮาฟ โมฮาเหม็ด อัล-เคนูน หญิงชาวซาอุดีอาระเบีย วัย 18 ปี ได้รับการอนุมัติให้เดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย เพื่อไปพำนักที่ประเทศแคนาดาในสถานะผู้ลี้ภัยแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าเธอมีทางเลือกจะเดินทางไปยังออสเตรเลียที่อนุมัติให้เธอลี้ภัยเช่นเดียวกัน
จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา เปิดเผยระหว่างแถลงข่าว ยืนยันว่าทางการแคนาดายินดีให้ราฮาฟได้พำนักที่แคนาดาในสถานะผู้ลี้ภัยแล้ว “แคนาดามีความชัดเจนว่าเราจะยืนหยัดเพื่อสิทธิมนุษยชนและสิทธิสตรีทั่วโลก เมื่อสหประชาชาติประสานงานมา เราจึงตอบรับราฮาฟเป็นผู้ลี้ภัย”
ราฮาฟโพสต์รูปพาสปอร์ตตัวเองบนเครื่องบินและข้อความผ่านทวิตเตอร์ Rahaf Mohammed رهف محمد ว่า “#ประเทศที่สาม #ฉันทำได้” โดยก่อนหน้านี้ก็ได้โพสต์ข้อความขอบคุณคนทั่วโลกที่มาให้กำลังใจ โดยเธอสัญญาว่าจะเป็นคนที่ดีขึ้น
#3rd country ✈️❤️❤️🍷 #i_did_it 💪🏼 pic.twitter.com/rFsqZpM02O
— Rahaf Mohammed رهف محمد (@rahaf84427714) January 11, 2019
I would like to thank you people for supporting me and saiving my life. Truly I have never dreamed of this love and support
You are the spark that would motivate me to be a better person❤️❤️❤️🗽— Rahaf Mohammed رهف محمد (@rahaf84427714) January 11, 2019
พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยกับรอยเตอร์สว่าราฮาฟเดินทางด้วยเครื่องบินของสายการบินโคเรียนแอร์ จากกรุงเทพฯ สู่โทรอนโต ประเทศแคนาดา โดยแวะต่อเครื่องที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ ระบุว่าการตัดสินใจไปประเทศแคนาดาในครั้งนี้เป็นความต้องการของราฮาฟ และเธอยังคงปฏิเสธการขอเข้าพบของพ่อและพี่ชาย โดยทั้งพ่อและพี่ชายของราฮาฟเดินทางกลับคูเวตแล้ว
สำหรับกรณีของราฮาฟ โมฮาเหม็ด อัล-เคนูน สตรีชาวซาอุดีอาระเบีย วัย 18 ปี กลายเป็นที่สนใจของทั่วโลกในชั่วข้ามคืน หลังจากที่เธอถูกกักตัวในสนามบินสุวรรณภูมิ โดยเจ้าหน้าที่สถานทูตซาอุดีอาระเบียได้ยึดพาสปอร์ต ทำให้เธอไม่สามารถเดินทางต่อไปยังออสเตรเลียเพื่อขอลี้ภัยได้ เธอแสดงความหวาดกลัวผ่านทวิตเตอร์ว่าเธออาจถูกครอบครัวฆ่าหรือถูกดำเนินคดีเพราะการหนีแต่งงานและละทิ้งศาสนาอิสลาม ซึ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรงในซาอุดีอาระเบีย
กรณีของราฮาฟอาจไม่ได้รับความสนใจจากทั่วโลกดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบันหากเธอไม่สามารถใช้งานทวิตเตอร์ได้ เพราะหลังจากที่ข่าวแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว ทางการไทยจึงถูกจับตาจากนานาชาติและองค์กรสิทธิมนุษยชนทั่วโลก ส่งผลให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติได้เข้ามาคุ้มครองเธอในฐานะผู้ลี้ภัย และรัฐบาลไทยจำเป็นต้องเลิกล้มแผนส่งตัวเธอกลับไปหาครอบครัวที่คูเวต
ปัจจุบันทวิตเตอร์ของราฮาฟมีผู้ติดตามถึง 138,000 คน ทั้งๆ ที่เธอเพิ่งเริ่มทวีตครั้งแรกในวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากที่เธอถูกกักตัวอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยในรายละเอียดบุคคลของเธอเขียนไว้ว่า “Don’t let anyone break your wings, you’re free. fight and get your RIGHTS!”
“อย่าให้ใครมาหักปีกของคุณ คุณมีอิสระ จงต่อสู้เพื่อสิทธิของคุณเอง!”
ภาพ: twitter.com/rahaf84427714
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
ความเห็น 52
เกิดเป็นหญิงประเทศแถบนี้น่าเห็นใจ.. ไม่มีสิทธิมีเสียงอะไร
13 ม.ค. 2562 เวลา 00.49 น.
เมี้ยง
ซาอุแน่จริงเอาเรื่องแคนนาดาสิ ทิ้งศาสนานี่เรื่องใหญ่โตกว่าเพชรขี้แมวเม็ดเดียวนะ
13 ม.ค. 2562 เวลา 00.06 น.
nawinkoh
รับไปเยอะๆนะ ขอให้ในนั้นมีพวก is ติดไปด้วย
12 ม.ค. 2562 เวลา 17.53 น.
me
My friend from Saudi,so suffer to be a woman there,she cried when she told me about woman’s rights.
12 ม.ค. 2562 เวลา 17.02 น.
🚔Bank🚔 D.D.90S
ดีแล้วที่ได้ลี้ภัย!!! ขืนกลับไปก็ตายแน่นอนเพราะศาสนาบัญญัติแต่ละข้อเอาเปรียบผู้หญิง “เลวจริงๆ” ลืมมันไปซะกับศาสนาอิสลาม ขอให้เธอเริ่มนับถือศาสนาใหม่ที่ต้องการนะ
12 ม.ค. 2562 เวลา 16.44 น.
ดูทั้งหมด