นายจาตุรรต์ ฉายแสง โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กโต้ ท่านใหม่ ม.จ.จุลเจิม ยุคล ปมวิจารณ์คนไทยที่เดินทางกลับประเทศ ระบุ ชาติของผมคือประชาชน
วันที่ 5 เม.ย. นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าว มจ.จุลเจิม ยุคล วิจารณ์ผม ผมขอชี้แจงถึงท่านทางเพจนี้เพื่อให้ผู้สนใจได้ทราบทั่วกันครับ
เรียน ม.จ.จุลเจิม ยุคล ที่เคารพ
ผมได้อ่านข้อความที่ท่านได้กรุณาวิพากษ์วิจารณ์ผมจากข่าวสดออนไลน์วันที่ 4 เมย.แล้ว ขอน้อมรับคำวิจารณ์นั้นด้วยความเคารพ ผมถือหลักว่าเมื่อใครก็ตามวิจารณ์ผม ผมก็ต้องรับฟัง เมื่อมีผู้อาวุโสวิจารณ์ ผมจึงยิ่งต้องรับฟังครับ
ผมมีเรื่องที่จะขอเรียนชี้แจงอยู่บ้าง 3-4 ประเด็นดังนี้
1.ผมเห็นด้วยกับท่านว่าประเทศไทยกำลังเผชิญโรคร้ายอันตรายที่หนักที่สุดในรอบ 100 ปี
ตั้งแต่เริ่มมีการติดเชื้อในไทยและมีผู้รับผิดชอบระดับสูงกล่าวว่า "ก็แค่ไข้หวัดธรรมดา" ผมก็ได้แสดงความเห็นไว้ว่าเมื่อเจอกับวิกฤต เราควรจะคิดถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไว้ก่อน จะได้ไม่ประมาท หลังจากนั้นก็ได้พยายามเสนอความเห็นให้นึกถึง Worst case scenario อยู่เสมอ
2.ผมเห็นด้วยอีกเช่นกันที่ท่านกล่าวว่า "หมอ พยาบาล จนท.สาธารณสุขทำงานกันอย่างหนักหน่วง น่าเห็นใจและควรให้กำลังใจเขาเหล่านั้น”
2.1 ผมได้รับทราบความเหนื่อยยากและความเสี่ยงที่หมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ประสบอยู่มาตลอดทั้งการได้ข้อมูลโดยตรงจากเพื่อนและลูกเพื่อนที่เป็นหมอและพยาบาลและจากข่าวทั่วไปและได้พยายามให้กำลังใจพวกเขาอยู่เสมอ
2.2ผมได้เสนอแต่ต้นว่าจะต้องเตรียมสถานที่อุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือที่จำเป็นโดยเฉพาะอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อให้เพียงพอ โดยเฉพาะได้เห็นบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขจำนวนมากในหลายประเทศต้องเจ็บป่วยและเสียชีวิต
2.3ล่าสุดก็ยังเสนอให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณสัก 3,000 ล้านบาทให้โรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศซึ่งจากประสบการณ์ในการทำงานของผมและศึกษาข้อมูลปัจจุบันแล้ว ผมเห็นว่าสามารถทำได้ทันที
2.4ผมได้เสนอความเห็นไว้ว่าระบบสาธารณสุขของไทยมีมาตรฐานสูงก็จริง แต่ไม่ควรปล่อยให้มีผู้ติดเชื้อมากขึ้นๆจนเกินกำลังของหมอพยาบาลและเจ้าหน้าที่ ข้อนี้เกี่ยวข้องไปยังหัวข้อต่อไป
3.การจำกัดการเดินทางจากประเทศเสี่ยงเข้ามาในประเทศไทยและการกักตัว
3.1ตั้งเริ่มเกิดการระบาดใหญ่ในจีน ผมได้เสนอให้ยกเลิก Visa on arrival และงดให้วีซ่านักท่องเที่ยวจากประเทศเสี่ยง อนุญาตเฉพาะผู้ที่มีความจำเป็นยิ่งยวดเท่านั้น
3.2ต่อมาผมก็ได้เสนอให้กำหนดประเทศเสี่ยงให้ทันสถานการณ์และเสนอให้ห้ามชาวต่างประเทศที่เดินทางมาจากประเทศเสี่ยงเข้าประเทศยกเว้นกรณีจำเป็นยิ่งยวด และให้ใช้มาตรการกักตัวที่เข้มงวดกับทั้งชาวต่างประเทศและคนไทย ซึ่งก็คือมาตรการที่รัฐบาลประกาศในเวลาประมาณ 2 เดือนต่อมา
4.คนไทยต้องมีสิทธิ์กลับประเทศ
4.1เมื่อเกิดกรณีแรงงานจากเกาหลีใต้และนักศึกษาบางกลุ่มกลับมาจากประเทศเสี่ยง มีการเสนอความเห็นกันว่าไม่ควรให้คนเหล่านี้กลับประเทศไทย ผมจึงได้เสนอความเห็นว่า "คนไทยทุกคนต้องมีสิทธิ์กลับประเทศ” เพราะเป็นสิทธิที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ
4.2เมื่อมีการออกระเบียบว่าคนไทยจะขึ้นเครื่องกลับประเทศไทยได้ต้องมีใบรับรองแพทย์ Fit to fly และใบรับรองจากสถานทูต ผมทราบว่าเรื่องนี้เป็นอุปสรรคขัดขวางการเดินทางกลับประเทศของคนไทยและไม่มีประเทศไหนเขาทำกัน ประเทศต่างๆมีแต่รีบช่วยให้คนไทยกลับประเทศ ผมจึงยืนยันว่าคนไทยมีต้องสิทธิ์กลับประเทศและรัฐบาลควรรีบช่วยให้คนไทยกลับตั้งแต่เนิ่นๆ ปล่อยนานไปจะยิ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อและเขาก็ได้กลับอยู่ดี
4.3เมื่อรัฐบาลประกาศชะลอการกลับประเทศของคนไทยออกไป 14 วัน ผมเห็นว่าการชะลอก็คือการห้ามชั่วคราวซึ่งไม่ถูกต้อง การห้ามชั่วคราวนี้ทำให้คนไทยหลายคนตกค้างอยู่กับความเสี่ยงและลำบากอยู่ในต่างประเทศ ตกเครื่องก็มี ติดอยู่ตามชายแดนก็มี
ในข้อ 4.1-4.3 นี้แหละครับเป็นที่มาของการที่ผมทวีตข้อความยืนยันว่าคนไทยต้องมีสิทธิ์กลับประเทศอีกครั้งซึ่งเป็นข้อความที่ท่าน(มจ.จุลเจิม ยุคล)ใช้มาวิจารณ์ผม
เกาะติดข่าวโควิด กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account
ผมทวีตข้อความนี้แลกเปลี่ยนกับผู้ที่กำลังวิจารณ์ระเบียบเรื่อง Fit to fly การชะลอคนไทยเข้าประเทศและการหยุดรับเครื่องบินเข้าไทยระหว่างวันที่ 4-6 เมย. ไม่ได้หมายถึงกรณีกลุ่มคนไทยจากต่างประเทศกลับเข้ามาสุวรรณภูมิแล้วถูกปล่อยกลับบ้านไปดังที่เป็นข่าวอยู่ คนกลุ่มนี้เขากลับเข้าประเทศมาได้แล้ว จึงไม่มีประเด็นที่ผมจะต้องไปยืนยันสิทธิในการเข้าประเทศให้อีก
สำหรับกรณีกลุ่มคนไทยที่ถูกปล่อยไปและต่อมาก็เข้าสู่ระบบกักตัวของทางราชการนั้น ผมไม่ใช่ไม่เห็นด้วยที่จะกักตัวอย่างข้มงวด ผมเองก็เสนอให้กักตัวอย่างเข้มงวดมาตลอด ผมได้แสดงความเห็นเรื่องนี้ไว้ในเพจนี้และในทวิตเตอร์ในแง่มุมต่างๆแล้ว ทุกครั้งก็ยืนยันเสมอว่าเขาควรได้รับการกักตัวตามระเบียบใหม่
ท่านจุลเจิมที่คารพ
เรื่องทั้งหมดก็เป็นดังที่กราบเรียนข้างต้น ที่ท่านวิจารณ์ผมก็ด้วยหลักเหตุผลและความปรารถนาดีต่อบ้านเมืองที่ต้องการให้ประเทศพ้นจากอันตรายของโรคร้าย ไม่ต้องการให้มีการแพร่เชื้อมากๆและต้องการให้กำลังใจหมอพยาบาลและเจ้าหน้าที่
ผมเข้าใจความปรารถนาดีของท่านและผมก็มีความปรารถนาเช่นเดียวกัน เพียงแต่ที่ท่านวิจารณ์ผมครั้งนี้อาจเกิดจากความเข้าใจคลาดเคลื่อนเนื่องจากไม่ทราบที่มาที่ไปของข้อความที่ท่านหยิบมาวิจารณ์ ผมจึงจำเป็นต้องชี้แจง โดยไม่มีความโกรธเคืองหรือน้อยใจใดๆ
ที่ท่านกล่าวว่า “ผมก็เป็นเจ้าของประเทศเหมือนกันและเป็นคนไทยคนหนึ่ง ที่อาจจะรักประเทศไทยมากกว่าคุณ…” นั้น ผมก็ไม่โกรธครับ ผมจะโกรธได้อย่างไร ท่านก็ไม่ถึงกับว่าผมไม่รักประเทศ ผมทราบว่าท่านรักประเทศมาก ถ้าผมจะรักประเทศน้อยกว่าท่านไปสักนิด ก็อาจจะยังรักชาติมากอยู่เหมือนกัน
เพียงแต่ในยามนี้เวลานึกถึงคำว่า “ชาติ" ผมก็จะนึกถึงประชาชนทั้งประเทศที่กำลังเผชิญปัญหาอยู่ด้วยกัน นึกถึงหมอพยาบาลเละเจ้าหน้าที่ท่ีต้องลำบาก นึกถึงผู้ป่วยและเสียชีวิต นึกถึงคนที่จะต้องอดอยากยากจนกันอีกมาก และก็นึกถึงคนไทยที่ต้องติดค้างอยู่ในต่างประเทศไกลๆและตามชายแดนอย่างเอน็จอนาถด้วย เชื่อว่าท่านก็คงนึกถึงคนทั้งหลายเหล่านี้เช่นกัน
วกมาถึงคนติดค้างอยู่ต่างประเทศอีกจนได้ ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมเห็นว่าเข้ามาแล้วควรกักตัวอย่างเข้มงวด เข้มงวดกว่าที่ผ่านๆมา ซึ่งผมเสนอเรื่องนี้มาเป็นเดือนๆแล้วครับ
ด้วยความเคารพ
จาตุรนต์ ฉายแสง
5 เมษายน 2563
ความเห็น 99
pen369
BEST
แล้วไอ้พวกที่กลับมาแล้วหนีการกักตัวไม่รับผิดชอบต่อสังคม ท่านอ๋อยจะว่าอย่างไรคะ
05 เม.ย. 2563 เวลา 05.43 น.
คำพูดสวนหรู ประดิษฐ์มาให้ประชาชนเคลิ้ม ทำอะไรบ้างหรือป่าว
05 เม.ย. 2563 เวลา 05.53 น.
GяέέηÇţŽёη..¸.•´ɱc
เพ้อ ....
05 เม.ย. 2563 เวลา 05.48 น.
ชาติ แมนเมือง
ถึงว่าครับ พ่อหลวง ร.9 ท่านรักประชาชนของท่านเหมือนกับลูกของท่าน ประชาชนหมายถึงชาตินั่นเอง ถ้าไม่มีประชาชนก็ไม่มีชาติ ผมคิดถูกป่าวครับ!!!
05 เม.ย. 2563 เวลา 06.41 น.
Tanabodi
ท่านใหม่น่าจะไปอยู่ต่างประเทศ
05 เม.ย. 2563 เวลา 05.19 น.
ดูทั้งหมด