การได้เข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกอาจเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่สำหรับนักกีฬาหลาย ๆ คน พวกเขาพร้อมที่จะทุ่มเทแรงกายแรงใจฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเป็นปี ๆ เพื่อที่จะโชว์ความสามารถ และเป้าหมายก็คือนำเหรียญรางวัลกลับบ้านเกิดไปให้ได้ แต่ทว่าในโมเมนต์ที่เต็มไปด้วยความการเชือดเฉือน การเอาชนะ ก็ยังคงมีเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละปีที่ทำให้เราได้เห็นว่าเกมกีฬาจะสมบูรณ์แบบไปไม่ได้หากขาดน้ำใจของเหล่านักกีฬา อย่างเช่นเหตุการณ์จากโอลิมปิกปี 1936 ที่กรุงเบอร์ลินนี้..
ในแมตช์แข่งขันกระโดดค้ำถ่อหรือกีฬากระโดดสูงโดยการใช้ไม้ยาวค้ำ มีนักกีฬาทั้งหมด 4 คนที่เข้าชิงเหรียญในรอบไฟนอลนี้ ประกอบด้วยชาวอเมริกัน 2 และชาวญี่ปุ่นอีก 2 คน ซึ่งจากการเก็บผลคะแนน เหรียญทองก็ตกเป็นของ นายเอิร์ล เมโดว์ส หนึ่งในนักกีฬาชาวอเมริกันอย่างขาดลอยด้วยสถิติความสูงอันน่าประทับใจถึง 4.35 เมตร
Do you know the story behind the 'medals of friendship'? 🎥https://t.co/oA6a8zGP0z #friendship #Olympic pic.twitter.com/J3VIzx15zg
— Athlete365 (@Athlete365) June 11, 2017
ตำแหน่งที่ 2 และ 3 เลยเป็นการตัดสินผลคะแนนจากนักกีฬาที่เหลือ โดยในกลุ่มนี้มี นายชูเฮ นิชิดะ และ นายซูเอโอะ โอเอะ สองตัวแทนทีมชาติจากประเทศญี่ปุ่นอยู่ด้วย ทั้งคู่ไม่ได้เป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมทีมธรรมดา ๆ แต่พวกเขาคือเพื่อนรักที่คอยเป็นแรงผลักดันให้กันและกัน ที่น่าตลกก็คือดูเหมือนกับว่าพระเจ้าต้องการจะทดสอบมิตรภาพของเพื่อนสนิทคู่นี้ เพราะว่าผลคะแนนของนายนิชิดะและนายโอเอะ ออกมาเท่ากันเป๊ะ ๆ กรรมการจึงขอให้พวกเขาแข่งใหม่อีกรอบเพื่อตัดสินว่าใครจะได้ที่ 2 และที่ 3 แต่ด้วยความเคารพในความมุ่งมั่นพยายามของอีกฝ่าย นายนิชิดะและนายเอโอะเลยปฏิเสธการรีแมตช์และขอให้พวกเขาแชร์เหรียญเงินหรือตำแหน่งที่ 2 นี้ด้วยกัน
ถึงอย่างไร กฎของเกมกีฬาก็ยังคงต้องถูกรักษาไว้ตามแบบแผน กรรมการปฏิเสธคำขอของพวกเขาและให้ทีมญี่ปุ่นเป็นคนตัดสินเอาเองว่าใครจะได้รางวัลไหน ซึ่งผลสรุปออกมาว่าทางทีมมอบเหรียญเงินให้กับนิชิดะ ส่วนนายโอเอะก็ครองเหรียญทองแดงไป
มีหลาย ๆ ทฤษฎีที่พยายามหาเหตุผลให้กับผลการตัดสินครั้งนี้ หลาย ๆ คนเชื่อว่าที่นิชิดะคู่ควรกับเหรียญเงินมากกว่าเพราะสถิติการกระโดดของเขาเกิดขึ้นในครั้งแรก ในขณะที่นายโอเอะทำคะแนนได้ในการกระโดดครั้งที่ 2 แต่ก็มีอีกหนึ่งข้อสันนัษฐานที่บอกว่านายโอเอะอาจเป็นผู้เสียสละตำแหน่งที่ 2 ให้กับรุ่นพี่ของเขา เพราะตัวเขาเองอายุเด็กกว่านายนิชิดะถึง 4 ปี และยังมีโอกาสในการกลับมาแข่งขันอีกหลายปีมากกว่า แต่ถึงกระนั้น สิ่งที่ทั้งคู่ได้ทำหลังจากพาเหรียญโอลิมปิกกลับไปยังญี่ปุ่นได้สำเร็จแล้ว ก็ทำให้เกิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ขึ้น…
友情のメダルを見ることできました。Do you know about this story??@Tokyo2020 pic.twitter.com/rFBwWEYhJK
— Koji Murofushi PhD 室伏広治 (@KojiMurofushi) November 27, 2017
ทั้งคู่ตัดสินใจไปหาช่างจิวเวลรี่ ขอให้ช่างตัดเหรียญของทั้งคู่ออกเป็นครึ่งชิ้น แล้วนำชิ้นส่วนคนละครึ่งของเหรียญเงินและเหรียญทองแดงมาหลอมรวมกัน กลายเป็น 'Medals of Friendship' หรือเหรียญรางวัลแห่งมิตรภาพที่เกิดขึ้นครั้งแรกตั้งแต่กีฬาโอลิมปิกได้จัดมา และเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าทั้งคู่ได้เห็นคุณค่าของความอดทนพยายามของอีกฝ่ายมากกว่าตำแหน่งที่ถูกตัดสินให้ได้รับ
นั่นไม่ได้หมายถึงว่าทั้งนิชิดะและโอเอะจะหยุดกับการแข่งขันเพียงเท่านั้น ทั้งคู่เตรียมฝึกฝนเพื่อลงแข่งในปี 1940 อีกครั้ง แต่เกมก็ถูกยกเลิกไปก่อนเนื่องด้วยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เกิดขึ้นระหว่างนั้น อีกครั้งที่พวกเขาตั้งใจจะลงแข่งก็คือโอลิมปิกในปี 1952 แต่นายโอเอะก็ดันเสียชีวิตในสงครามไปเสียก่อน ส่วนนายนิชิดะมีชีวิตอยู่จนถึงอายุ 87 ปี เขาเสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวในปี 1997 และหลังจากนั้น เหรียญแห่งมิตรภาพ ก็ได้ถูกบริจาคไปให้กับพิพิธภัณฑ์ของมหาวิทยาลัยวาเซดะในโตเกียว ซึ่งเป็นโรงเรียนของตัวนิชิดะด้วย
ถึงจะไม่ได้ลงแข่งอีกครั้งตามที่หวังเอาไว้ แต่ทั้งคู่ก็ได้ทำให้ทั้งโลกได้รับรู้ถึงมิตรภาพอันสวยงามที่เกิดขึ้นระหว่างนักกีฬา 2 คน กีฬาอาจไม่ได้หมายถึงการห้ำหั่นเอาชนะ แต่เป็นการทำงานแบบทีมและการให้เกียรติ เคารพในความสามารถของกันและกัน
อ้างอิง
ความเห็น 40
kris Senamart๗๘
BEST
สวยงามมากครับ
28 ก.ค. 2564 เวลา 04.26 น.
Pa'Ple
BEST
ประเทศเค้าถึงเจริญ
28 ก.ค. 2564 เวลา 05.15 น.
greeny
BEST
น้ำใจนักกีฬา
28 ก.ค. 2564 เวลา 05.51 น.
MoM and Dad
สุดยอด
28 ก.ค. 2564 เวลา 05.18 น.
Joannie
ยอดเยี่ยม ตื้นตันใจสุดๆ
28 ก.ค. 2564 เวลา 05.37 น.
ดูทั้งหมด