เนื่องจากการถือหุ้นสื่อ บริษัทวี-ลัค มีเดีย จำกัด เข้าลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. โดยก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และสั่ง"ธนาธร"หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. เมื่อวันที่ 23 พ.ค. โดยไต่สวนพยาน 10 ปาก ไปเมื่อ18 ต.ค.62 ก่อนนัดอ่านคำวินิจฉัย
แน่นอนว่าคำวินิจฉัยออกได้เพียง 2 หน้าเท่านั้น หาก "ธนาธร" ไม่ผิดก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ได้ตามปกติ แต่หากชี้ขาดว่ามีความผิด "ธนาธร" ต้องพ้นสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. แต่สถานะหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยังคงอยู่
หลังจากนั้น กกต.จะนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มาพิจารณาประกอบในการตัดสินใจว่าจะดำเนินคดีทางอาญากับ "ธนาธร" หรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ กกต.ได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเปิดโอกาสให้ "ธนาธร-ผู้เกี่ยวข้อง" ได้ชี้แจงและแสดงพยานหลักฐานไปแล้ว
ทั้งนี้การดำเนินคดีอาญา กกต.จะต้องส่งคำร้องให้"ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง"เป็นผู้วินิจฉัยว่าการกระทำของ "ธนาธร" ว่าเข้าข่ายความผิดทางอาญาตามมาตรา 151 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.หรือไม่
หากเห็นว่า "ธนาธร" รู้ตัวว่าไม่มีสิทธิ์แล้วยังสมัครรับเลือกตั้ง จะต้องระวางโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท และถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 20 ปี
"ธนาธร-อนาคตใหม่" รู้ว่าในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ โอกาสรอดมีน้อยมาก ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงต้องออกมาเคลื่อนไหว เพื่อทำความเข้าใจกับ "แฟนคลับ" สร้างอารมณ์ร่วมให้กับคนในสังคม ด้วยการจัดแถลงข่าวหลายเวที ตีไพ่สู้ขาดใจหวังเตรียมสะสม "กำลังพล-มวลชน" เอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ
ไทม์ไลน์ "ธนาธร-อนาคตใหม่" เคลื่อนเกมเริ่มตั้งแต่ วันที่ 15 พ.ย.2562 โดย"ธนาธร" ออกมาแถลงปิดคดีถือหุ้น บริษัทวี-ลัค มีเดีย โดยชี้แจงสาระสำคัญ 4 ประเด็น ประกอบด้วย 1.บริษัทวี-ลัคมีเดีย ไม่มีผลิตภัณฑ์สื่อก่อนวันสมัคร ส.ส. 2.โอนหุ้นตั้งแต่วันที่8 ม.ค.2562 3.นิตยสารทั้ง 3 เล่ม ไม่ให้คุณและไม่ให้โทษกับนักการเมืองคนใด และ 4.กระบวนการพิจารณาคดีของ กกต.ไม่มีความเป็นธรรม
จากนั้นวันที่ 16 พ.ย.2562 พรรคอนาคตใหม่จัดแถลงข่าวใหญ่อีกครั้ง ภายใต้หัวข้อ"อยู่ไม่เป็น"พร้อมยืนยันว่า ไม่มีแนวคิดล้มเจ้า และไม่ใช่พวกชังชาติ อย่างที่ถูกกล่าวหา
ต่อมาวันที่ 18 พ.ย.2562 "ธนาธร" แถลงข่าวส่งทนายฟ้องร้องเอาผิดกับ กกต.ยื่นศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ในข้อหาประพฤติมิชอบ กรณียื่นฟ้องคดี "ธนาธร" ถือหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย จำกัด โดยใช้อำนาจไต่สวนพยานรวบรัดมากเกินไป
"ยุทธพร อิสรชัย" คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชระบุว่า แม้พรรคอนาคตใหม่ จะออกมาปฏิเสธว่ากิจกรรมอยู่ไม่เป็น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อปลุกระดม หรือต้องการกดดันศาลรัฐธรรมนูญ แต่คงปฏิเสธได้ยาก ถึงความเกี่ยวข้องกัน เพราะการจัดกิจกรรมเกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน
"การจัดกิจกรรมอยู่ไม่เป็น ถือเป็นการปรับยุทธศาสตร์การเมืองของพรรค ไม่ว่าคำตัดสินจะเป็นคุณหรือเป็นโทษก็ตาม ผมมองว่าพรรคอนาคตใหม่ต้องการเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างของสังคม การเมืองและเศรษฐกิจ เห็นได้จากการนำเสนอหลักคิด อุดมการณ์ทางความคิดของบ้านเมือง แนวทางการต่อสู้ของพรรค"
ขณะเดียวกัน เมื่อนำเสนอแนวคิดของพรรคแล้ว ก็จะต้องการชี้แจงให้เห็นแนวทางการทำงานของพรรค เพื่อตั้งคำถามกับสังคมที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์หลายกรณี เช่น อุดมการณ์ของพรรคเป็นแนวคิดของกลุ่มคนชังชาติใช่หรือไม่ จุดนี้เองทำให้พรรคต้องทำความเข้าใจ โดยเฉพาะปัจจุบันที่พรรคกำลังอยู่ในช่วงขาลง เห็นได้จากบรรดาสมาชิกพรรค อดีตผู้สมัคร ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคทยอยลาออก ฉะนั้นการออกมาชี้แจงครั้งนี้ จึงอาจต้องการรักษาสถานภาพของพรรคไว้
"สถานะของนายธนาธรในวันที่ 20 พ.ย. ประเมินได้ 2 แนวทาง หากคำวินิจฉัยออกมาเป็นบวก หากมีการยกคำร้อง การถือหุ้นสื่อไม่ผิด นายธนาธรจะเข้าไปทำงานในฐานะ ส.ส.ได้ การเคลื่อนไหวก็จะทำได้กว้างขวางมากขึ้น รวมไปถึงพรรคอนาคตใหม่ก็จะมีกระแสความเชื่อมั่นกลับมาอีกครั้ง"
และในทางกลับกัน มีความเป็นไปได้ ถ้าผลการวินิจฉัยออกมาเป็นลบ ทำให้นายธนาธรหมดสมาชิกภาพ ส.ส.หรือถูกตัดสิทธิทางการเมือง นอกจากนั้น ยังมีผลทางการเมืองและกฎหมาย อาจนำไปสู่การยุบพรรคและตัดสิทธิ์ในการเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วย หรือการดำเนินคดีอาญา ซึ่งยังต้องขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของศาล และ กกต.ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร"
"ส่วนผลทางการเมือง หากมีการยุบพรรค ส.ส.ของพรรคอาจมีปรากฏการณ์ผึ้งแตกรัง มีความเป็นไปได้สูง และต้องดูว่า แกนนำของพรรคจะรักษาสถานการณ์ได้หรือไม่ถ้าทำได้อาจนำ ส.ส.ไปสังกัดพรรคที่จัดตั้งใหม่ หรืออาจจะนำไปสู่พรรคเดิมที่มีอยู่ ถ้าแกนนำรักษาสถานการณ์ไม่ได้ ก็จะทำให้ ส.ส.ไปสังกัดพรรคอื่นอย่างหลากหลาย ทำให้ดุลการเมืองมีความเปลี่ยนแปลง หากไปสังกัดพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้รัฐบาลพ้นจากภาวะเสียงปริ่มน้ำอย่างชัดเจน"
หลังจากนี้ ต้องจับตาผลพวงของคดี "ธนาธร-พรรคอนาคตใหม่" จะส่งผลสะเทือนทางการเมืองอย่างไรบ้าง แม้ "รัฐบาล-ฝ่ายความมั่นคง" จะประเมินว่า การจัดการชุมนุมยังเป็นไปได้ยาก เพราะเพิ่งผ่านการเลือกตั้งมา และเงื่อนไขของคดีเป็นความผิดส่วนตัว จึงยากต่อการปลุกระดม
แต่มีบางฝ่ายส่งสัญญาณเตือน "รัฐบาล-หน่วยงานความมั่นคง" อย่าประเมิน "แฟนคลับ-น้องฟ้า" ซึ่งแฝงตัวอยู่ในโลกโซเชียลมีเดียต่ำเกินไป เพราะหากประเมินผิด มีโอกาสที่ "ธนาธร-พรรคอนาคตใหม่" จะจุดกระแสติดได้
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา "ธนาธร-พรรคอนาคตใหม่" พยายามที่จะจุดกระแส แม้ยังไม่เป็นผลสักเท่าไร แต่ไม่ควรประเมินต่ำ จนประมาทอย่างเด็ดขาด!
ความเห็น 21
สุพัฒน์ ฤทธิสุนทร
ระว้งถ้าพราดท่าประเทศจะพินาถคิดให้ดีก่อนอย่าให้ส้งคมแตกแยกไปมากกวา่นี้เลยนะ
20 พ.ย. 2562 เวลา 02.51 น.
M2
บทเรียนมีให้เห็นตั่งแต่คนเสื้อแดงแล้ว ล้มตายไป ก็แทบจะตายฟรี อย่าให้การเมืองมันมาหลอกใช้เราเป็นเครื่องมืออีกครับ
20 พ.ย. 2562 เวลา 03.23 น.
iCONIC Sandbox
บ้านเมืองฉิบหายยังไงพวกมึงก็ไม่สนใจนะ
ชิงหมามาเกิดแท้ๆ
20 พ.ย. 2562 เวลา 03.12 น.
Sakda
กฏหมายต้องเป็นกฏหมาย อย่าให้เอาสาวกงั่งๆมาเป็น กำแพงป้องกันตัวเอง ใครผิดเอาเข้าคุกให้หมด
20 พ.ย. 2562 เวลา 03.32 น.
Somsak
ข้าวผัด โอเลี้ยง พร้อม!
20 พ.ย. 2562 เวลา 03.02 น.
ดูทั้งหมด