วันนี้ (30 มี.ค. 63) บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งศึกไทยลีก ทำสิ่งดีๆเพื่อสังคมอีกเครื่อง หลัง คุณเนวิน ชิดชอบ ประธานของทีม รวบรวมจิตอาสาจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะพนักงานในสังกัด , นักฟุตบอล , สตาฟฟ์โค้ช ฯลฯ มาผลิตหน้ากากอนามัย ซึ่งนับว่าเป็นของหายากในเวลานี้ เพื่อนำไปส่งมอบและเจ้าหน้าที่ อสม. ใน จ.บุรีรัมย์ ใช้ปฏิบัติหน้าที่ลดความเสี่ยงต่อไวรัสโควิด-19
โดยบุรีรัมย์ ได้โพสต์ผ่านแฟนเพจ BURIRAM UNITED มีใจความทั้งหมดดังนี้ …..
เนื่องจากปัจจุบันนี้ หน้ากากอนามัย (Mask) หาซื้อได้ยากมาก และบางคนใส่หน้ากากอนามัยไม่ได้
ดังนั้นสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จึงรวบรวมจิตอาสาจากหลายภาคส่วน นักกีฬาชุดใหญ่, นักกีฬาอคาเดมี, โค้ช, พนักงานจากโรงแรมอมารี, พนักงานจากบุรีรัมย์ คาสเซิล, พนักงานจากเมกา สโตร์ พร้อมด้วย GU12 มาช่วยกันทำ COVID-19 Face Shield (DIY) จำนวน 100,000 ชิ้น เพื่อส่งมอบให้โรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่ อสม.ในจังหวัดบุรีรัมย์
การใช้ หน้ากาก Face Shield ซึ่งใช้กันอยู่แล้วในวงการอุตสาหกรรมว่า เหมาะในการเป็น “ส่วนเสริมการป้องกันโรคโควิด” เพราะ
- ลำพังหน้ากากอนามัยไม่สามารถป้องกันดวงตา และใบหน้า ส่วนที่เหนือจากหน้ากากจากสารคัดหลั่งได้ ไวรัสสามารถผ่านจากดวงตาเข้าร่างกายไปสู่ปอดได้
- Face Shield ป้องกันได้ทั้ง ตา จมูก และปาก
- ไม่อึดอัดเหมือนใส่หน้ากากอนามัย หายใจได้สบายกว่า ในกรณีคนที่ไม่สามารถใส่หน้ากากอนามัยได้จริงๆ แต่คนที่ใส่หน้ากากอนามัยได้ ก็ควรใส่ควบคู่กับ Face Shield เพื่อป้องกันโรคได้เต็มที่
- เป็นเสมือนเกราะป้องกันไม่ให้เราเผลอใช้มือที่มีไวรัสมาสัมผัส ตา จมูก และปาก เพราะมีรายงานที่ระบุว่า ในวันหนึ่งๆ เราใช้มือสัมผัสใบหน้าหรือขยับหน้ากากกว่า 90 ครั้งโดยไม่รู้ตัว
- แผ่นพลาสติกด้านหน้าของหน้ากาก Face Shield ใช้กันสารคัดหลั่งได้ดีพอสมควร เพราะสารคัดหลั่งที่ออกมาจากผู้ติดเชื้อ พุ่งเป็นแนวโค้งในรูปละอองฝอยไม่เกิน 2 เมตร แรงโน้มถ่วงย่อมทำให้ละอองฝอยส่วนใหญ่ตกพื้น ไม่ย้อนขึ้นผ่านใต้คาง และไม่ย้อนหันหลังกลับมาที่ใบหน้าเมื่อพุ่งผ่านใบหูไปแล้ว
- ไม่จำเป็นต้องโค้งแนบชิดสนิทกับใบหน้า เพราะเราไม่ได้ป้องกันฝุ่น เช่น PM 2.5 ซึ่งมีขนาดเล็กมากๆ และน้ำหนักเบา แต่ใช้ป้องกันสารคัดหลั่งซึ่งมีขนาดใหญ่ และน้ำหนักมากกว่า (ยกเว้นบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งทำงานในห้องผู้ป่วยที่เป็นระบบปิด เสี่ยงที่จะพบการกระจายของไวรัสมากกว่า)
- อายุการใช้งานนาน สามารถทำความสะอาด และฆ่าเชื้อไวรัสด้วยการเช็ดแอลกอฮอล์ หรือล้างด้วยน้ำสบู่
ความเห็น 1
เป็นตัวอย่างที่ดี
30 มี.ค. 2563 เวลา 13.15 น.
ดูทั้งหมด