ป.ป.ช.โชว์คดีตัวอย่าง ศาลจำคุกผอ.กองการศึกษายโสธร 105 ปี นำรถหลวงไปใช้ส่วนตัว แฉขับรถไปกลับบ้าน-อบจ.ยโสธร และไปตีกอล์ฟ นานเกือบ 2 ปี ด้านผู้บังคับบัญชาโดนจำคุกด้วย ฐานปล่อยปะละเลยผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ให้รอลงอาญา ผอ.ป.ป.ช.ยโสธรชี้เป็นบทเรียนสำคัญผู้บริหารท้องถิ่น ต้องคอยสอดส่องพฤติกรรมลูกน้องให้ดี
เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2566 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จ.ยโสธร เผยแพร่คดีที่ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายรุ่งรัก ลูกบัว ผอ.กองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ยโสธร กับพวก นำรถยนต์ราชการไปใช้ประโยชน์ส่วนตน เดินทางไป-กลับระหว่างบ้านและที่ทำงาน และนำรถยนต์ราชการไปตีกอล์ฟ ต่อมาพนักงานอัยการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายรุ่งรัก กับพวกเป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค3 โดยศาลอาญาฯมีคำพิพากษา วันที่ 24ส.ค.2566ว่า นายรุ่งรัก จำเลยที่1 ขณะดำรงตำแหน่งผอ.กองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม นายสถิรพร นาคสุข จำเลยที่2 ขณะเป็นอบจ.ยโสธร และนายพงษ์ศิริ เหมือนชาติ จำเลยที่3 ขณะดำรงตำแหน่งรองนายกฯอบจ.ยโสธร ปฏิบัติหน้าที่ราชการแทนนายกอบจ.ยโสธร โดยพฤติการณ์ตั้งแต่เดือนก.ค.2557 ถึงเดือนมิ.ย.2558 จำเลยที่1 ทำใบขออนุญาตใช้รถยนต์ส่วนกลาง เสนอจำเลยที่2 และเดือนก.ค.2558 ถึงเดือนมี.ค.2559 ทำใบขออนุญาตใช้รถยนต์ส่วนกลางเสนอ จำเลยที่3 ที่รักษาราชการแทนนายกอบจ.ยโสธร ขออนุญาตนำรถยนต์ ทะเบียน กค7127 ยโสธร ไปจอดที่บ้านพักของตน บ้านเลขที่ 11 ม.3 ต.ทรายมูล อ.ทรายมูล จ.ยโสธร และขับขี่รถยนต์ดังกล่าวเป็นพาหนะเดินทางไป–กลับ ระหว่างบ้านและอบจ.ยโสธร ไม่นำรถมาจอดที่อบจ.ยโสธร
นอกจากนี้ยังใช้รถยนต์ดังกล่าวไปตีกอล์ฟที่สนามกอล์ฟกรมทหารราบที่16 ค่ายบดินทรเดชา พฤติกรรมจำเลยที่ 1 เป็นการเอารถยนต์อบจ.ยโสธรไปใช้ประโยชน์ส่วนตนโดยมิชอบ เกือบ 2ปี ส่วนจำเลยที่2และ3 ที่อนุมัติให้จำเลยที่1 นำรถยนต์ราชการไปใช้ แต่ไม่ได้รู้เห็นว่าจำเลยที่1 นำรถยนต์ไปใช้ส่วนตัว จึงไม่ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต แต่การไม่ดูแลตามหน้าที่เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เกิดผลเสียหายการบริหารราชการแผ่นดินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จำเลยทั้งสามรับสารภาพ ศาลอาญาฯมีคำพิพากษาว่า 1.จำเลยที่1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา151 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา123/1 รวม 21กระทง ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา จำคุกกระทงละ 5ปี รวมจำคุก 105ปี จำเลยที่1 รับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ให้คงจำคุก 52ปี 6เดือน เมื่อรวมทุกกระทงแล้วจำคุกจำเลยที่1 ไม่เกิน 50ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา91(3)
2.จำเลยที่2 และ3มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา151 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา123/1 รวม 12กระทง จำคุก 12ปี ปรับ 240,000บาท และจำเลยที่3 รวม 16กระทง จำคุก 16ปี และปรับ 320,000บาท แต่จำเลย2และ3 รับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดให้กึ่งหนึ่ง ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2และ3 เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรรอลงอาญา คนละ 2ปี ให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ คนละ 4เดือนต่อครั้ง ตลอดระยะเวลาคุมประพฤติ และให้ทำงานบริการสังคมหรือสาธารณะประโยชน์คนละ 36 ชั่วโมง พร้อมชำระค่าปรับ
นายอดุลย์ วันดี ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช.ยโสธร กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาบทเรียนสำคัญของผู้บริหารท้องถิ่น ข้าราชการประจำ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในจ.ยโสธร จะต้องสอดส่องดูแลการใช้รถยนต์ราชการของผู้ใต้บังคับบัญชา ให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย และใช้ในราชการเท่านั้น หากนำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน ถือเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม อาจถูกดำเนินคดีเช่นคดีนี้ ผู้บังคับบัญชาต้องร่วมรับผิดชอบด้วย ขอแจ้งเตือนมาด้วยความห่วงใยมิให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก เป็นการเสริมสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน โดยไม่นำเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ คดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด จำเลยมีสิทธิ์ต่อสู้คดี เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้ได้อีก
ความเห็น 0