โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

ไขความลับ! ปริศนาการบิน ทำไมนกพิราบถึงบินกลับรังแบบไม่หลงทาง

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

อัพเดต 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยลุดวิก แมกซิมิเลียน มิวนิก (LMU) ประเทศเยอรมนี เผยความจริงที่ทำให้วงการวิทยาศาสตร์ต้องหันมามองใหม่ หลังค้นพบว่า ความสามารถของนกพิราบในการบินกลับรังอย่างแม่นยำนั้น เกิดจาก “เข็มทิศชีวภาพ” ที่ซ่อนอยู่ใน หูชั้นในซึ่งถูกตีพิมพ์ในวารสาร Science
ก่อนหน้านี้มีสองทฤษฎีหลักคือ นกอาจใช้ปฏิกิริยาควอนตัมในจอประสาทตา ช่วยให้พวกมัน “มองเห็น” สนามแม่เหล็ก หรือมีอนุภาคเหล็กออกไซด์จิ๋วในจงอยปากที่ทำหน้าที่เหมือนเข็มทิศ แต่การศึกษาใหม่พลิกความเข้าใจทั้งหมด โดยยืนยันว่า นกพิราบรับรู้สนามแม่เหล็กผ่านหูชั้นใน ไม่ใช่ดวงตาหรือจงอยปาก

ไขความลับ! ปริศนาการบิน ทำไมนกพิราบไม่หลงทาง

หูชั้นในคือกุญแจสำคัญของการนำทาง
ทีมนักวิจัยพบว่า ระบบเวสติบูลาร์ (Vestibular system) ซึ่งเป็นระบบการทรงตัว มีบทบาทสำคัญในการรับรู้สนามแม่เหล็ก ภายในประกอบด้วยท่อของเหลว 3 วง เมื่อนกขยับหัว โปรตีนพิเศษในหูชั้นในจะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็ก ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าส่งสัญญาณเข้าสมองเหมือน GPS ชีวภาพ
นอกจากนี้ การทดลองในที่มืดพร้อมปล่อยสนามแม่เหล็กจำลองพบว่า สมองของนกยังตอบสนองได้แม้ไม่มีแสง ชี้ชัดว่า เข็มทิศในหูทำงานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน และไม่จำเป็นต้องพึ่งการมองเห็น
ผลการค้นพบนี้ยังสอดคล้องกับกลไกของสัตว์อื่น เช่น ฉลามและปลากระเบน ที่มีอวัยวะรับรู้สนามไฟฟ้าเพื่อช่วยในการล่าเหยื่อ

ไขความลับ! ปริศนาการบิน ทำไมนกพิราบไม่หลงทาง

เปิดประตูสู่ความเข้าใจการอพยพของสัตว์ทั่วโลก
การยืนยันว่าหูชั้นในทำหน้าที่เป็น “เข็มทิศชีวภาพ” ช่วยอธิบายได้ว่า ทำไมสัตว์หลายชนิดจึงเดินทางไกลได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นนกอพยพ เต่าทะเล หรือปลาแซลมอน ทุกสายพันธุ์ต่างมีระบบนำทางที่ซ่อนอยู่ภายในร่างกายเหมือนกัน

ไขความลับ! ปริศนาการบิน ทำไมนกพิราบไม่หลงทาง
ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...