โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

‘Sonic Legacy’ จากไวโอลิน Stradivarius สู่กีตาร์วินเทจ อ่านปรัชญาการลงทุนที่เชื่อว่ามรดกต้องมีชีวิตและถูกบรรเลง [ADVERTORIAL]

THE STANDARD

อัพเดต 2 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว • thestandard.co
‘Sonic Legacy’ จากไวโอลิน Stradivarius สู่กีตาร์วินเทจ อ่านปรัชญาการลงทุนที่เชื่อว่ามรดกต้องมีชีวิตและถูกบรรเลง [ADVERTORIAL]

เสียงดนตรีที่ก้องกังวานและเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณ สามารถเดินทางข้ามผ่านกาลเวลาหลายร้อยปีมาสู่โสตประสาทของเราในปัจจุบัน นี่คือแก่นแท้ของ ‘Sonic Legacy’ หรือมรดกทางเสียงที่ผนึกประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และอารมณ์ของมนุษย์เอาไว้ในตัวของเครื่องดนตรี

มรดกทางเสียงนี้ คือคุณค่าที่ซ่อนอยู่ในเครื่องดนตรีระดับตำนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงอันเป็นปริศนาของไวโอลิน Stradivarius ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อหลายศตวรรษก่อน หรือสำเนียงอันเป็นเอกลักษณ์ของกีตาร์วินเทจที่กำหนดทิศทางของดนตรีทั้งยุคสมัย คุณค่าเหล่านี้คือสิ่งที่สะท้อนถึงความหลงใหลอย่างแท้จริง

ปรัชญาการบริหารความมั่งคั่งของ UOB Privilege Banking เชื่อเสมอว่าความมั่งคั่งที่แท้จริงไม่ได้วัดค่าด้วยตัวเลขเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงความลึกซึ้งของรสนิยม และวิสัยทัศน์ในการมองเห็นคุณค่าที่ซ่อนอยู่ การสะสมเครื่องดนตรีระดับตำนานคือตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบที่สุดของการลงทุนด้วยหัวใจ

เสียงเพรียกจากศตวรรษ

หากจะพูดถึงเครื่องดนตรีในฐานะสินทรัพย์ทางวัฒนธรรม ชื่อของ อันโตนิโอ สตราดิวารี (Antonio Stradivari) ถือเป็นสัญลักษณ์ที่ได้รับการยอมรับสูงสุด ไวโอลิน Stradivarius ที่เขาสร้างขึ้นในเมืองเครโมนา ประเทศอิตาลี เมื่อช่วงศตวรรษที่ 17-18 ได้กลายเป็น ‘Holy Grail’ หรือจอกศักดิ์สิทธิ์ของนักดนตรีและนักสะสมทั่วโลก

คุณสมบัติทางเสียงที่ยังคงเป็นปริศนา ทั้งการเลือกใช้ไม้ สัดส่วนที่สมบูรณ์แบบ หรือแม้แต่น้ำยาเคลือบเงา (Varnish) ที่เป็นสูตรลับ ยังคงเป็นสิ่งที่เทคโนโลยีสมัยใหม่ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้อย่างสมบูรณ์ นี่คือจุดที่งานฝีมือได้ก้าวข้ามไปสู่ดินแดนของศิลปะอย่างแท้จริง

จากไวโอลิน, วิโอลา และเชลโลกว่า 1,100 ชิ้นที่เขาสร้างขึ้นตลอดชีวิต ปัจจุบันคาดว่าเหลืออยู่เพียงประมาณ 650 ชิ้นทั่วโลก ความขาดแคลนที่แท้จริงนี้ และเมื่อผนวกกับประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทำให้ Stradivarius มีสถานะที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นที่ต้องการอย่างสูง

มูลค่าของเครื่องดนตรีเหล่านี้ไม่ได้ถูกกำหนดโดยตลาดเพียงอย่างเดียว แต่ถูกกำหนดโดยเรื่องราว ตำนาน และความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่สั่งสมมานานหลายร้อยปี การครอบครอง Stradivarius จึงเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ นักสะสมที่แท้จริงเข้าใจว่าตนเองไม่ใช่ ‘เจ้าของ’ แต่เป็นเพียง ‘ผู้ดูแล’ ชั่วคราว

หน้าที่ของพวกเขาคือการรักษาสภาพของเครื่องดนตรีให้ดีที่สุด ด้วยการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นอย่างเข้มงวด เพื่อให้เครื่องดนตรีชิ้นนั้นยังคงสามารถสร้างเสียงดนตรีที่ไพเราะต่อไปได้อีกหลายร้อยปี นี่คือการลงทุนในมรดกวัฒนธรรมของโลก และเป็นเกียรติยศที่น้อยคนนักจะมีโอกาสได้สัมผัส

: ‘Sonic Legacy’ จากไวโอลิน Stradivarius สู่กีตาร์วินเทจ อ่านปรัชญาการลงทุนที่เชื่อว่ามรดกต้องมีชีวิตและถูกบรรเลง [ADVERTORIAL] 1

สำเนียงของยุคสมัย

ในขณะที่ Stradivarius คือตัวแทนของประวัติศาสตร์คลาสสิก โลกของดนตรียุคใหม่ก็มีตำนานของตัวเอง กีตาร์วินเทจจากยุค 1950s และ 1960s โดยเฉพาะ Gibson Les Paul Standard ปี 1959 หรือ Fender Stratocaster จากยุค Pre-CBS ได้กลายเป็นสินทรัพย์ที่นักสะสมทั่วโลกแสวงหา

คุณค่าของกีตาร์เหล่านี้ไม่ได้อยู่ที่อายุขัยเพียงอย่างเดียว คุณค่าดังกล่าวอยู่ที่การเป็นผู้กำหนด ‘สำเนียง’ ของดนตรีทั้งยุคสมัย เป็นเสียงที่เปลี่ยนโฉมหน้าของดนตรีร็อกแอนด์โรล, บลูส์ และแจ๊ส มาจนถึงปัจจุบัน เครื่องดนตรีเหล่านี้คือพยานของยุคสมัยแห่งการปฏิวัติทางวัฒนธรรม

เสน่ห์ที่สำคัญที่สุดของกีตาร์วินเทจอยู่ที่ ‘Provenance’ หรือประวัติความเป็นมาที่เข้มข้น กีตาร์ที่เคยผ่านมือศิลปินระดับตำนาน จะมีมูลค่าพุ่งสูงขึ้นอย่างประเมินค่าไม่ได้ เพราะเครื่องดนตรีชิ้นนั้นได้ซึมซับจิตวิญญาณและเรื่องราวของเจ้าของเดิมเอาไว้ กลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ดนตรี

ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ ‘Blackie’ กีตาร์ Fender Stratocaster ที่ อีริก แคลปตัน ประกอบขึ้นเองและใช้เป็นเครื่องดนตรีคู่ใจมานานหลายปี กีตาร์ชิ้นนี้ถูกประมูลไปในราคาสูงถึง 959,500 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2004 โดยเงินทั้งหมดถูกมอบให้กับการกุศล

การประมูลครั้งนั้นสะท้อนให้เห็นว่าสำหรับศิลปินและนักสะสมตัวจริง คุณค่าสุดท้ายของเครื่องดนตรีเหล่านี้คือการ ‘ส่งต่อ’ ไม่ว่าจะเป็นการส่งต่อแรงบันบันดาลใจ หรือการส่งต่อโอกาสให้กับผู้อื่น นี่คือจิตวิญญาณที่แท้จริงของ Passion Investment

: ‘Sonic Legacy’ จากไวโอลิน Stradivarius สู่กีตาร์วินเทจ อ่านปรัชญาการลงทุนที่เชื่อว่ามรดกต้องมีชีวิตและถูกบรรเลง [ADVERTORIAL] 2

บทบาทที่แท้จริงของผู้พิทักษ์

หัวใจของการลงทุนในโลกของเครื่องดนตรี มีความแตกต่างจากสินทรัพย์อื่นอย่างชัดเจน งานศิลปะถูกแขวนบนผนัง รถคลาสสิกถูกเก็บในโรงรถ แต่เครื่องดนตรีที่หายากที่สุดกลับถูกสร้างมาเพื่อ ‘ใช้งาน’ เครื่องดนตรีที่ไม่ได้ถูกเล่น ก็ไม่ต่างอะไรจากไม้ที่ไร้จิตวิญญาณ

ด้วยเหตุนี้ วัฒนธรรมการสะสมเครื่องดนตรีชั้นสูงจึงมีรูปแบบเฉพาะตัวที่เรียกว่า ‘Patronage’ (การเป็นผู้อุปถัมภ์) นักสะสมผู้มั่งคั่งและมีวิสัยทัศน์หลายคน เชื่อว่าวิธีที่ดีที่สุดในการรักษามรดกเหล่านี้ไว้ คือการทำให้แน่ใจว่าเครื่องดนตรีเหล่านั้นยังคงถูกเล่นโดยศิลปินที่มีความสามารถที่สุดในยุคปัจจุบัน

องค์กรอย่าง The Stradivari Society ในชิคาโก คือตัวกลางที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงนักสะสมผู้มีวิสัยทัศน์ เข้ากับนักดนตรีระดับโลก นักสะสมจะซื้อไวโอลิน Stradivarius มูลค่าหลายล้านดอลลาร์ และมอบให้ศิลปินรุ่นใหม่ยืมใช้งาน เพื่อให้พวกเขาสามารถสร้างสรรค์ผลงานเพลงที่ยอดเยี่ยมที่สุดออกมาได้

นี่คือสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง นักสะสมได้เติมเต็มความหลงใหlและได้เห็นมรดกของตนมีชีวิตชีวา นักดนตรีก็ได้ใช้เครื่องมือที่ดีที่สุดในโลกโดยไม่มีภาระทางการเงิน และสาธารณชนก็ได้ฟังเสียงดนตรีที่ไพเราะที่สุดเท่าที่มนุษย์จะสร้างสรรค์ได้

ศิลปินระดับโลกอย่าง อันเนอ-โซฟี มุทเทอร์ (Anne-Sophie Mutter) ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับประโยชน์จากระบบนี้ โดยเธอได้เล่นไวโอลิน Stradivarius ที่ได้รับการอุปถัมภ์ถึงสองคัน การกระทำเช่นนี้ยืนยันว่านักสะสมไม่ได้มองเครื่องดนตรีเป็นเพียงการลงทุน แต่เป็นการสานต่อมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่กว่า

: ‘Sonic Legacy’ จากไวโอลิน Stradivarius สู่กีตาร์วินเทจ อ่านปรัชญาการลงทุนที่เชื่อว่ามรดกต้องมีชีวิตและถูกบรรเลง [ADVERTORIAL] 3

มรดกที่วัดค่าด้วยเสียงเพลง

แน่นอนว่าในโลกของความเป็นจริง เครื่องดนตรีหายากเหล่านี้มีมูลค่าทางการเงินที่สูงมาก แม้จะไม่ได้ถูกรวมอยู่ในดัชนีสินทรัพย์หรูหราหลักๆ เสมอไป แต่ข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญในวงการแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงอย่างน่าสนใจ

การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลโดย Tarisio ซึ่งเป็นสถาบันประมูลเครื่องดนตรีชั้นนำ ชี้ให้เห็นว่าเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายชั้นครู สามารถสร้างผลตอบแทนที่แท้จริง (Real Returns) ที่มั่นคงในระยะยาวได้ประมาณ 3.7% ถึง 6.9% ต่อปี

ในขณะที่เครื่องดนตรีระดับ Top-Tier หรือกลุ่มที่เป็นสุดยอดของตลาด สามารถมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 12% ต่อปีในช่วงสี่สิบปีที่ผ่านมา โดยมีความผันผวนที่ต่ำมาก ที่สำคัญคือผลตอบแทนนี้มีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นหรือพันธบัตรในระดับที่ต่ำมาก

ความมั่นคงนี้เกิดจากการที่เครื่องดนตรีเหล่านี้เป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้ มีจำนวนจำกัดอย่างแท้จริง และมีคุณค่าในตัวเองที่ไม่ผูกพันกับความผันผวนของตลาดหุ้นหรือสภาวะเศรษฐกิจระยะสั้น ทำให้เครื่องดนตรีเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตโฟลิโอสำหรับนักลงทุนที่มีวิสัยทัศน์

แต่มูลค่าดังกล่าวเป็นเพียง ‘ผลพลอยได้’ ที่น่าพึงพอใจ สำหรับนักสะสมที่ขับเคลื่อนด้วยความหลงใหล ผลตอบแทนที่แท้จริงคือการได้นั่งแถวหน้าในคอนเสิร์ตฮอลล์ และฟังเสียงไวโอลินในคอลเลกชันของตน กำลังบรรเลงบทเพลงที่ยิ่งใหญ่โดยฝีมือนักดนตรีที่เก่งที่สุด

ผลลัพธ์คือความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ และได้ต่อลมหายใจให้กับมรดกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ นี่คือความสุขที่เงินไม่สามารถซื้อได้โดยตรง แต่เกิดขึ้นจากความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในคุณค่าที่แท้จริง

การสะสม ‘Sonic Legacy’ จึงเป็นการลงทุนที่ลึกซึ้งอย่างยิ่งรูปแบบหนึ่ง เป็นการวางแผนมรดกที่ไม่ใช่แค่การส่งต่อตัวเลข แต่คือการส่งต่อ ‘เสียง’ ที่จะยังคงก้องกังวานต่อไปอีกหลายชั่วอายุคน

สิ่งนี้สอดคล้องกับแนวคิดของ UOB Privilege Banking ที่พร้อมดูแลทุกความมั่งคั่ง ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์ทางการเงิน หรือมรดกทางใจที่ประเมินค่าไม่ได้ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกสิ่งที่คุณรักจะถูกส่งต่ออย่างยั่งยืน และสร้างคุณค่าที่แท้จริงเหนือกาลเวลา

อ้างอิง:

UOB Privilege Banking
ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...