โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เป็นปี่เป็นขลุ่ย! รัสเซียชี้ยุทธศาสตร์ความมั่นคง 'ทรัมป์' สอดคล้องกับมุมมองของมอสโก

Manager Online

เผยแพร่ 23 ชั่วโมงที่ผ่านมา • MGR Online

รัฐบาลรัสเซียออกมาให้การตอบรับเชิงบวกต่อยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ โดยระบุในวันอาทิตย์ (7 ธ.ค.) ว่ายุทธศาสตร์ดังกล่าว "สอดคล้อง" กับมุมมองของรัสเซียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มอสโกออกมาแถลงชื่นชมเอกสารยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นอดีตศัตรูคู่แค้นในยุคสงครามเย็นอย่างเต็มภาคภูมิ

เอกสารยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ได้อธิบายถึงวิสัยทัศน์ของ ทรัมป์ ว่าเป็น “แนวคิดสัจนิยมที่ยืดหยุ่น” และเรียกร้องให้สหรัฐฯ รื้อฟื้นหลักคำสอนมอนโร (Monroe Doctrine) ในช่วงศตวรรษที่ 19 ซึ่งประกาศให้ซีกโลกตะวันตกเป็นเขตอิทธิพลของสหรัฐฯ

เอกสารยุทธศาสตร์ที่ ทรัมป์ ลงนามยังเตือนด้วยว่า ยุโรปกำลังเผชิญกับ “การลบล้างอารยธรรม” (civilization erasure) และย้ำว่าการเจรจายุติสงครามยูเครยเป็นหนึ่งใน “ผลประโยชน์หลัก” ของสหรัฐฯ และวอชิงตันต้องการฟื้นฟูเสถียรภาพเชิงยุทธศาสตร์กับรัสเซีย

“การปรับเปลี่ยนที่เราเห็นสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเราในหลายๆ ด้าน” ดมิตรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวกับ พาเวล ซารูบิน ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ของรัฐ เมื่อถูกถามเกี่ยวกับเอกสารยุทธศาสตร์ฉบับใหม่ของสหรัฐฯ

ไม่บ่อยนักที่มอสโกและวอชิงตันจะแสดงท่าทีเห็นพ้องร่วมกันอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับเส้นแบ่งพื้นที่ทางการเมืองโลก แม้ว่าทั้งสองชาติจะเคยร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1991 ในเรื่องการส่งคืนอาวุธนิวเคลียร์จากอดีตสาธารณรัฐโซเวียตให้แก่รัสเซีย และภายหลังจากเหตุวินาศกรรมสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี 2001

ในช่วงสงครามเย็น มอสโกได้วาดภาพสหรัฐอเมริกาว่าเป็นจักรวรรดิทุนนิยมที่เสื่อมโทรมและล่มสลายด้วยความแน่นอนทางประวัติศาสตร์ของลัทธิมาร์กซ์ ในขณะที่ โรนัลด์ เรแกน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 1983 เรียกสหภาพโซเวียตว่าเป็น "จักรวรรดิชั่วร้าย" และ "ศูนย์กลางของความชั่วร้ายในโลกสมัยใหม่"

หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต มอสโกแสดงความหวังว่าจะร่วมมือกับตะวันตก แต่เมื่อวอชิงตันเริ่มเคลื่อนไหวสนับสนุนการขยายองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ตามที่ระบุไว้ในกลยุทธ์ปี 1994 ของประธานาธิบดี บิล คลินตัน ความตึงเครียดก็เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น และถูกผลักดันจนถึงขีดสุดภายใต้การนำของประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในเครมลินในวันสุดท้ายของปี 1999

เมื่อถูกถามถึงคำมั่นสัญญาในเอกสารของสหรัฐฯ ที่จะยุติ "มุมมองการรับรู้ และยับยั้งความเป็นจริงของนาโตในฐานะพันธมิตรที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง" เปสคอฟ กล่าวว่า นั่นคือถ้อยคำที่ทำให้มอสโกใจชื้นขึ้น

อย่างไรก็ดี เปสคอฟ เตือนว่า สิ่งที่เรียกว่า "รัฐพันลึก" ในสหรัฐฯ นั้นมองโลกแตกต่างไปจาก ทรัมป์ ซึ่งใช้คำนี้เพื่ออ้างถึงเครือข่ายเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่สร้างอิทธิพลหยั่งรากลึก และพยายามบ่อนทำลายผู้ที่ท้าทายสถานะปัจจุบัน รวมถึงตัว ทรัมป์ เองด้วย

ฝ่ายที่วิพากษ์วิจารณ์ ทรัมป์ กล่าวว่า "รัฐพันลึก" นั้นไม่มีอยู่จริง และ ทรัมป์ กับพันธมิตรของเขากำลังขายทฤษฎีสมคบคิดเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจฝ่ายบริหาร

ยุทธศาสตร์ของ ทรัมป์ อธิบายถึงภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกว่าเป็น "สนามรบทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่ง" และเรียกร้องไปสู่การสร้างอำนาจทางทหารของสหรัฐฯ และพันธมิตรเพื่อป้องกันความขัดแย้งกับจีนในเรื่องไต้หวัน

ที่มา: รอยเตอร์

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...