จุดแตกหักของ “ซาลาห์” กับ ลิเวอร์พูล
บทสัมภาษณ์อันร้อนแรงของ โมฮาเหมด ซาลาห์ ปีกซุเปอร์สตาร์ทีมชาติอิยิปต์ หลังจบเกมที่ ลิเวอร์พูล บุกไปเสมอกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด 3-3 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้สร้างแรงกดดันที่หนักหน่วงให้กับ อาร์เนอ สลอต เฮดโค้ช “หงส์แดง” ที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์วิกฤตในสโมสรภายหลังทีมอยู่ในช่วงฟอร์มย่ำแย่อย่างหนัก
หลังเกมน่าผิดหวังกับ ลีดส์ ทั้งที่ขึ้นนำไปก่อน 2-0 ความขัดแย้งภายในทีม ลิเวอร์พูล ดูเหมือนจะทวีความยิ่งกว่าเดิม โดย ซาลาห์ ทิ้งระเบิดครั้งใหญ่ด้วยอารุมณ์ฉุนเฉียวว่า “ผมรู้สึกเหมือนกับว่าสโมสรโยนความผิดมาให้ผม ดูเหมือนจะชัดเจนว่ามีคนต้องการให้ผมรับผิดแทนทั้งหมด”
แม้ดาวเตะวัย 33 ปี จะไม่ได้พูดตรง ๆ ว่า ให้บอร์ดบริหารเลือกเก็บตนเอง หรือ สลอต ไว้กับทีม แต่ข้อความที่หลุดออกจากปากของ ซาลาห์ ชัดเจนแล้วว่า ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่พังทลายลงเรียบร้อยแล้ว
แข้งเจ้าของฉายา “ราชาแห่งอียิปต์” เป็นขวัญใจแฟนบอล ลิเวอร์พูล ตลอดหลายปีที่ผ่านมา และเป็นหนึ่งในนักเตะประวัติศาสตร์ของทีมที่สร้างความสำเร็จมากมาย แต่ใน 3 เกมหลังสุดรวมทุกรายการ ซาลาห์ กลับถูก สลอต เป็นตัวสำรองมาตลอด และนับเป็นครั้งแรกที่เจอสถานการณ์แบบนี้นับตั้งแต่ย้ายมาจาก โรมา เมื่อปี 2017
ขณะที่ ลิเวอร์พูล ใช้เงินไปมากกว่า 450 ล้านปอนด์ เพื่อปรับปรุงทีมซัมเมอร์ที่ผ่านมา ด้วยการเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่ อาทิ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์, ฮูโก เอคิทิเก และ อเล็กซานเดอร์ อิซัค แต่ สลอต กลับพาทีมทำผลงานต่ำกว่ามาตรฐานจากการเป็นแชมป์เก่าเมื่อปีที่แล้ว
ปัจจุบัน ลิเวอร์พูล มีปัญหามากมายทั้งเกมรุก และเกมรับ รวมถึงเรื่องความมั่นใจของผู้เล่น และยิงประเด็นร้อนแรงจากปากของ ซาลาห์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนักเตะทรงอิทธิพลที่สุดของทีมในชุดนี้ ก็ทำให้ยากที่ สลอต จะพาโมเมนตัมที่ยอดเยี่ยม หรือสปิริตกลับมาสู่ทีมอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน จากผลงาน 13 นัดหลังสุดทุกรายการ ชนะเพียง 4 เสมอ 2 และแพ้ไปถึง 7 นักวิเคราะห์หลายคนฟันธงไปในทิศทางเดียวกันแล้วว่า เก้าอี้ของ สลอต กับ ลิเวอร์พูล อยู่ในช่วงเริ่มนับถอยหลังแล้ว โดยเหลือแค่วว่า บอร์ดบริหาร “หงส์แดง” จะประกาศปลดจากตำแหน่งเมื่อใด
ณ เวลานี้ ลิเวอร์พูล กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายแบบสุด ๆ และ อนาคตของ ซาลาห์ ที่เป็นเจ้าของสถิติยิงประตูสูงสุดอันดับ 3 ตลอดกาลในถิ่น แอนฟิลด์ ก็ดูเหมือนจะเดินทางไปสู่จุดที่อาจไม่มีการหวนกลับมาได้อีกครั้ง ซึ่งหากต้องแยกทางกันจริงก็คงเป็นตอนจบแบบที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก : Liverpool FC