ปี 68 “การท่าเรือฯ” โกยกำไร 7,096 ล้าน “ท่าเรือระนอง” คึกคัก ตู้สินค้าเพิ่ม 95%
นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมการให้บริการของ กทท. ในปีงบประมาณ 2568 (ต.ค. 2567 – ก.ย. 2568) มีเรือเทียบท่ารวม 15,113 เที่ยว เพิ่มขึ้น 4.61% ปริมาณสินค้าผ่านท่ารวม 125.07 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 5.46% และปริมาณตู้สินค้าผ่านท่ารวม 11.43 ล้าน ที.อี.ยู. เพิ่มขึ้น6.44% จากปีก่อนหน้า สำหรับผลประกอบการท่าเรือหลักของ กทท. ได้แก่ ท่าเรือกรุงเทพ มีเรือเทียบท่า 4,460 เที่ยวเพิ่มขึ้น 7.37% สินค้าผ่านท่า 18.92 ล้านตัน ลดลง 0.49% และมีปริมาณตู้สินค้า 1.28 ล้านที.อี.ยู. เพิ่มขึ้น 0.18%
ท่าเรือแหลมฉบัง มีเรือเทียบท่า 10,653 เที่ยว เพิ่มขึ้น 3.50% สินค้าผ่านท่า 106.15 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 6.60% และมีตู้สินค้าผ่านท่า 10.15 ล้านที.อี.ยู. เพิ่มขึ้น 7.28% ซึ่งถือเป็นการเติบโตอย่างมั่นคงของท่าเรือหลักของประเทศแสดงถึงความพร้อมและประสิทธิภาพในการให้บริการของ กทท. ขณะที่ท่าเรือภูมิภาคของ กทท. มีแนวโน้มเติบโตเช่นกัน โดยท่าเรือระนอง มีปริมาณตู้สินค้าผ่านท่า 5,459 ที.อี.ยู. เพิ่มขึ้นสูงถึง 95.24% และท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนมีสินค้าผ่านท่า 1.87 แสนตัน เพิ่มขึ้น 62.72% สอดคล้องกับการขยายตัวของการค้าชายแดน และเส้นทางโลจิสติกส์สู่ภูมิภาค BIMSTEC (บังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย เมียนมา เนปาล ศรีลังกา และไทย)
นายเกรียงไกร กล่าวอีกว่า ภายใต้สภาพเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวนและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องกทท. ยังคงสามารถดำเนินงานได้อย่างมั่นคง โดยมีกำไรสุทธิ 7,096 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาศักยภาพการให้บริการท่าเรือไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการบริหารจัดการ เพื่อรองรับความต้องการของภาคธุรกิจโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้น และส่งเสริมการเติบโตของกิจกรรมขนส่งทางน้ำของประเทศในภาพรวม อย่างไรก็ตามในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2569 (ต.ค.-ธ.ค.2568) กทท. พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการตามนโยบายรัฐบาล และกระทรวงคมนาคม ภายใต้การกำกับดูแลของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เพื่อวางรากฐานคมนาคม เพิ่มขีดความสามารถด้านการขนส่งทางน้ำและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องให้มีประสิทธิภาพ
โดยจะเร่งดำเนินการตามแผนสำคัญ ได้แก่ การติดตามความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ให้แล้วเสร็จตามเป้าหมาย การแก้ไขปัญหาการจราจรโดยรอบพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ และแหลมฉบังให้มีความคล่องตัว ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงการพัฒนาท่าเรือระนองให้เป็นท่าเรือสนับสนุนโครงการแลนด์บริดจ์เพื่อเสริมศักยภาพด้านโลจิสติกส์ของประเทศ ทั้งนี้ กทท. ถือเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศมาอย่างยาวนานทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยก้าวต่อไป กทท. ยังคงมุ่งดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมพลังอนาคตประเทศไทยทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้เติบโตไปด้วยกันอย่างสมดุล.