อสส. เร่งกำหนดมาตรฐานพยานหลักฐานอิเล็กทรอนิกส์ คดีอาชญากรรมไซเบอร์
อสส. ผนึกกำลัง "ตร.-ธปท.-สมาคมธนาคารไทย" เร่งกำหนดมาตรฐานพยานหลักฐานอิเล็กทรอนิกส์ แก้ไขปัญหาการดำเนินคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้รวดเร็วขึ้น
นางจตุพร แสงหิรัญ รองอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อัยการสูงสุด ได้เห็นชอบในหลักการให้จัดตั้งศูนย์ประสานงานพนักงานอัยการในการดำเนินคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Coordination Center for Technology Crimes) หรือศูนย์ CCTC โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประสานความร่วมมือกับหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินคดีให้รวดเร็วและสามารถลงโทษผู้กระทำผิดได้ไม่ว่าการกระทำผิดจะเกิดในประเทศหรือในต่างประเทศ พัฒนาบุคลากรของสำนักงานอัยการสูงสุด เพิ่มพูนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ สร้างผู้เชี่ยวชาญในคดีประเภทดังกล่าวอย่างเป็นระบบและยั่งยืน รวมทั้งร่วมทำการสอบสวนกับพนักงานสอบสวน ประสานงานร่วมกันในคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่รัฐเน้นการป้องกันและปราบปรามอย่างเร่งด่วน คดีที่ประชาชนให้ความสนใจ หรือคดีที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชนจำนวนมาก ซึ่งคณะทำงานในการจัดตั้งศูนย์ CCTC ของสำนักงานอัยการสูงสุด ประกอบด้วยพนักงานอัยการจากสำนักงานคดีต่างๆ สถาบันนิติวัชร์ และสำนักงานเลขาธิการสำนักงานอัยการสูงสุด โดยมีตนเองเป็นหัวหน้าคณะทำงาน
รองอัยการสูงสุด กล่าวต่อว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะทำงานจัดตั้งศูนย์ CCTC ได้มีการจัดประชุมหารือแนวทางสำคัญเรื่อง “การรวบรวมและนำสืบพยานหลักฐานจากธนาคารพาณิชย์” ครั้งที่ 1 ร่วมกับผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในกระบวนการยุติธรรมเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่กำลังสร้างความเสียหายต่อประชาชนอย่างมหาศาล โดยมุ่งเน้นถึงการพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาและพัฒนาระบบการทำงาน เพื่อสร้าง “มาตรฐานกลางของพยานหลักฐานอิเล็กทรอนิกส์” ซึ่งที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการกำหนดมาตรฐานข้อมูลและเอกสาร โดยพิจารณาการกำหนดรายละเอียดข้อมูลและรูปแบบเอกสาร เพื่อให้พยานหลักฐานจากธนาคารพาณิชย์ในสำนวนคดีมีข้อมูลสำคัญที่จะใช้เป็นพยานหลักฐานได้อย่างสมบูรณ์และน่าเชื่อถือ ทั้งมีความเป็นเอกภาพและเป็นระบบเดียวกัน
นอกจากนี้ ยังมีการหารือเกี่ยวกับโครงการ DELTA ซึ่งเป็นโครงการนำร่องของกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ถูกต้องครบถ้วน มีรายการสรุปข้อมูลที่จะช่วยให้เกิดสะดวกในการพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำผิดและยืนยันตัวผู้กระทำผิดของบัญชีเงินฝากที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม ซึ่งจะช่วยลดภาระงาน เพิ่มความรวดเร็วในการส่งข้อมูล และยกระดับความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐาน โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับข้อกฎหมายและข้อจำกัดด้านเครื่องมืออุปกรณ์ของศาลในห้องพิจารณาคดี
ทั้งนี้ ได้มีการหารือในการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสำนักงานอัยการสูงสุดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างกรอบความร่วมมือที่ชัดเจนและยั่งยืน ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและพยานหลักฐานดิจิทัล อันจะนำไปสู่การเร่งรัดกระบวนการดำเนินคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้มีความรวดเร็ว แม่นยำ และสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนกลับคืนสู่กระบวนการยุติธรรมอีกด้วย