โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที

“หุ่นยนต์แขนกล” ปฏิวัติงานบูรณะ ชุบชีวิตจิตรกรรม “ปอมเปอี” เก่าแก่ 2,000 ปี

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 04 ธ.ค. เวลา 06.45 น.
หุ่นยนต์แขนกลช่วยงานบูรณะซากปรักหักพังของโบราณสถานต่าง ๆ เช่นการต่อซากงานจิตรกรรมอายุกว่า 2,000 ปี ของเมืองปอมเปอี ที่ถูกทำลายโดยเถ้าภูเขาไฟ ให้กลับมาเป็นรูปเป็นร่างอีกครั้ง

จิตรกรรมฝาผนังโรมันโบราณแห่งปอมเปอี (Pompeii) ที่แตกหักและถูกฝังอยู่ใต้เถ้าถ่านมานานนับศตวรรษ กำลังจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ด้วยระบบหุ่นยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนนักโบราณคดีในภารกิจที่ต้องใช้ความอดทนและละเอียดอ่อนที่สุด นั่นคือการประกอบวัตถุโบราณที่แตกเป็นชิ้นๆ เข้าด้วยกัน

เทคโนโลยีนี้ได้รับการพัฒนาภายใต้โครงการที่ได้รับทุนจากสหภาพยุโรปชื่อ รีแพร์ (RePAIR) ย่อมาจากคำว่า Reassembling the Past: Art, Innovation, and Robotics โดยเป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีการจดจำภาพขั้นสูง การแก้ปัญหาจิ๊กซอว์ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ และนวัตกรรมแขนกลหุ่นยนต์ ที่มีความแม่นยำสูงพิเศษ เพื่อเร่งงานฟื้นฟู ที่ตามปกติแล้วมักจะต้องใช้เวลาดำเนินการค่อนข้างนาน ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น

โครงการหุ่นยนต์นี้เปิดตัวตั้งแต่ปี 2021 และประสานงานโดยมหาวิทยาลัยคา ฟอสคารี (Ca' Foscari University) แห่งเวนิส ประเทศอิตาลี ซึ่งได้นำเทคโนโลยีมาจัดแสดงความก้าวหน้าครั้งสำคัญ ในพื้นที่โบราณคดีปอมเปอีเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

หุ่นยนต์ตัวนี้ใช้แขนคู่ที่มีมือแบบยืดหยุ่นสองขนาด และเซ็นเซอร์การมองเห็น เพื่อระบุตำแหน่ง ช่วยจับ และประกอบชิ้นส่วนเข้าด้วยกันโดยไม่ทำลายพื้นผิวที่บอบบางของโบราณวัตถุของเมืองปอมเปอี ซึ่งเป็นเมืองที่เคยรุ่งเรืองจนกระทั่งถูกเถ้าภูเขาไฟท่วมทับเมื่อภูเขาไฟวิสุเวียสระเบิดในปี ค.ศ. 79

ในช่วงทดสอบการใช้งาน นักวิจัยได้มุ่งเน้นไปที่การจำลองแบบชิ้นส่วนจิตรกรรมฝาผนังที่เป็นเอกลักษณ์บางส่วน ที่เก็บรักษาไว้ในสภาพแตกหักในห้องเก็บของของปอมเปอี เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อชิ้นส่วนดั้งเดิม

โดยในขณะที่ทีมนักวิทยาการหุ่นยนต์ทำงานออกแบบและสร้างระบบ ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง (AI and Machine Learning) ก็ได้พัฒนาอัลกอริทึมเพื่อจำลองการสร้างจิตรกรรมฝาผนังขึ้นใหม่ โดยจับคู่สีและรูปแบบที่อาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า คล้ายกับการต่อจิ๊กซอว์ขนาดยักษ์

นักวิจัยเชื่อว่าในอนาคต เทคโนโลยีนี้จะสามารถพลิกโฉมแนวทางปฏิบัติในการบูรณะทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ทีมวิจัยย้ำว่าการนำเทคโนโลยีมาช่วยต่อประกอบชิ้นส่วนเช่นนี้ ไม่ได้มาเพื่อแทนที่อาชีพของนักโบราณคดี แต่เป็นการช่วยให้พวกเขาสามารถใช้เวลาในการตีความงานศิลปะ หรือทำงานอื่นในขั้นสูงได้ โดยที่มีหุ่นยนต์เข้ามาเป็นตัวทุ่นแรงและประหยัดเวลาได้มากขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...