โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดเฟดหั่นดอกเบี้ย 0.25% สัปดาห์หน้า ปี 69 ลดอีก 3 ครั้ง

ข่าวหุ้นธุรกิจ

อัพเดต 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา • ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินการประชุม FOMC วันที่ 9-10 ธ.ค. 2568 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของปี 2568 คาดเฟดมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ลงมาอยู่ที่ 3.50-3.75% ท่ามกลางตัวเลขตลาดแรงงานที่ชะลอลง โดยมีรายละเอียดดังนี้

สัญญาณตลาดแรงงานอ่อนแรงลงต่อเนื่อง โดยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP เดือนพ.ย. 2568 หดตัว 32,000 ตำแหน่งซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบกว่า 2 ปีครึ่ง นอกจากนี้ ภาคการผลิตสหรัฐฯหดตัวต่อเนื่อง โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ย. 2568 หดตัวเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกันจากคำสั่งซื้อที่ลดลง ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการออกมาต่ำกว่าคาดแม้ยังทรงตัวอยู่ในแดนขยายตัว

แม้เงินเฟ้อยังคงอยู่เหนือกรอบเป้าหมายของเฟดแต่ความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้นในระยะข้างหน้ามีจำกัด เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯมีท่าทีผ่อนคลายลงต่อการขึ้นภาษีนำเข้าและให้ความสำคัญกับปัญหาค่าครองชีพมากขึ้น ขณะที่ การส่งผ่านต้นทุนภาษีฯมายังราคาสินค้าผู้บริโภคคาดว่าจะไม่ส่งผลให้เงินเฟ้อเร่งตัวเร็วและแรงส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากกว่า

ในการประชุมเดือนธ.ค.นี้คาดเฟดปรับลดดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25%แบบมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ โดยก่อนหน้านี้ประธานเฟดบอสตัน Susan Collins และประธานเฟดแอตแลนตา Raphael Bostic ส่งสัญญาณคัดค้านการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในการประชุมเดือนธ.ค.เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มปรับลดลงช้าขณะที่ผู้ว่าการเฟด Christopher Waller ส่งสัญญาณสนับสนุนการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.เพื่อพยุงตลาดแรงงานที่อ่อนแรงลงสอดคล้องกับประธานเฟดนิวยอร์ก John

Williamsที่ได้ส่งสัญญาณว่าเฟดยังคงมีช่องว่างสำหรับการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมส่งผลให้ตลาดมองความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 90% (ณ วันที่ 4 ธ.ค.2568)

ในปี 2569 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าเฟดมีแนวโน้มทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกราว 3 ครั้ง สอดคล้องกับภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯที่คาดว่าจะชะลอลงจากฝั่งการบริโภคภาคครัวเรือน โดยเฉพาะในกลุ่มรายได้น้อยแม้ว่าปัจจุบันเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงมีความยืดหยุ่น (resilient) อยู่พอสมควรจากแรงขับเคลื่อนของการลงทุนภาคเอกชน(capex) อย่างไรก็ดี ทิศทางนโยบายการเงินของเฟดในปีหน้าจะยังมีความไม่แน่นอนสูงโดยขึ้นอยู่กับพัฒนาการของข้อมูลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเป็นสำคัญ รวมถึงความเสี่ยงจากนโยบายการคลังและสภาวะตึงตัวในตลาดการเงิน

นอกจากนี้การสิ้นสุดวาระของประธานเฟด Jerome Powell ในเดือนพ.ค. 2569 เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ตลาดต้องจับตาเนื่องจากจุดยืนทางนโยบายของประธานเฟดคนใหม่อาจส่งผลต่อเส้นทางดอกเบี้ยในระยะถัดไป

ทั้งนี้ ในการประชุมเดือนธ.ค. 2568 นี้จะมีการเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจอัตราเงินเฟ้อ และ Dot Plot ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าเฟดอาจส่งสัญญาณการปรับลดดอกเบี้ยมากกว่าหนึ่งครั้ง เพิ่มเติมจากที่ระบุไว้ในการประชุมเดือนกันยายน 2568เพื่อสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่เริ่มอ่อนแรงและความจำเป็นของการผ่อนคลายนโยบายการเงินในปีหน้า

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...