โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

ศึกซักฟอก! ทางตันเพื่อไทย

เดลินิวส์

อัพเดต 21 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
กระแสการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 เริ่มแผ่วลงอย่างเห็นได้ชัดใน “พรรคเพื่อไทย” ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังปลุกกระแสแข็งกร้าวราวกับต้องการสู้ศึกใหญ่

แต่เมื่อประเด็น ปปง.ยึดอายัดทรัพย์ ก๊วนสแกมเมอร์กว่า 1 หมื่นล้าน สกัดเส้นทางเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฟอกเงินดิจิทัล เชื่อมโยงกัมพูชาครอบคลุมเครือข่าย Prince Group, ก๊ก อาน, ยิม เลียก และเบน สมิธ

พร้อมการปล่อยภาพ “เบน สมิธ” ปะทุขึ้นมาพัวพันกับเครือข่ายการเมืองระดับสูง เรื่องราวกลับตีกลับเข้าหาตัวเองทันที จนกลายเป็นแรงกดดันให้ “เพื่อไทย” ต้องชะลอแทบทุกก้าว

ก่อนหน้า “รังสิมันต์ โรม” สส.พรรคประชาชน อ้างอิงจากงานเขียนของ “ทอม ไรต์” โดยชี้ว่า “เบน สมิธ” เป็นนายหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านธุรกิจ เครื่องบินเจ็ต และเรือยอชต์ให้การเมืองหลายกลุ่ม รวมถึงกรณีเดินทางหลีเป๊ะของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ไปพบ “อันวาร์” อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย ด้วยเรือยอร์ชหรูรุ่น Wanderlust ที่มีน้อยลำในโลก

ทำให้เกิดคำถามสะเทือนวงการว่า นักการเมืองบางคนเข้าไปเกี่ยวพันกับเครือข่ายเฉพาะชนชั้นนำเหล่านี้ตั้งแต่เมื่อไร และมีความเชื่อมโยงลึกแค่ไหน

สถานการณ์แบบนี้ทำให้ “เพื่อไทย” ต้องคิดให้หนัก เพราะหากยื่นซักฟอกจริง ประเด็นที่ “โรม” โยนมา และสังคมคล้อยตามอาจถูกขยายในสภาฯอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ไม่ใช่รูปเก่า เมื่อ10 ปี ที่มี “อนุทิน” ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย และกลุ่มชนชั้นนำทางการเมืองไทยเท่านั้น แม้จะพยายามปล่อยภาพดิสเครดิตทางการเมืองให้ตายตกไปตามกัน แต่สุดท้าย เส้นเรื่องทั้งหมดจะย้อนกลับมาพัวพันกับฝ่าย “พรรคเพื่อไทย” และ “พรรคร่วมรัฐบาล” นี้

ฝ่าย “นายกฯอนุทิน” ก็ไม่ปล่อยจังหวะนี้หลุดมือ แถมยังกล่าวหาว่าเบื้องหลังที่รัฐบาล “แพทองธาร” ชินวัตร อดีตนายกฯ ปลดตนจาก “มท.1” ก็เพราะ “ไม่ให้สัญชาติเบน สมิธ” ทิ้งความสงสัยให้ “เพื่อไทย” โดยตรงรอบใหม่

ดังนั้นหาก “เพื่อไทย” เดินหน้ายื่นซักฟอก และ“อนุทิน” ได้แรงหนุนจาก “พรรคส้ม” จริง เพื่อรอให้แก้รัฐธรรมนูญจนเสร็จ กระบวนการอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจกลายเป็นเวทีที่ “พรรคเพื่อไทย” ถูกสาวเรื่องสแกมเมอร์ โดย เฉพาะภาพปรากฏการณ์ “เบน สมิธกับทักษิณ” ที่ปรากฏใจกลางกรุงเทพฯ ไม่ถึงหนึ่งปี ซึ่งถูกขุดขึ้นมาขยายความได้อีกนาน

อีกแรงกดดันที่ทำให้ “เพื่อไทย” ต้องยั้งมือ คือผลกระทบทางการบริหาร หากยื่น 151 แล้วนำไปสู่การยุบสภา หรือทำให้รัฐบาลกลายเป็นรัฐบาลรักษาการ รัฐบาลจะถูกจำกัดอำนาจตามมาตรา 169 อย่างหนัก

ทั้งห้ามอนุมัติโครงการผูกพันอนาคต ห้ามโยกย้ายข้าราชการ หรือแม้แต่การเบิกงบฉุกเฉินก็ต้องรอ กกต. เห็นชอบ การแก้ปัญหาน้ำท่วม การเยียวยา และฟื้นฟูจะสะดุดทันที ประชาชนเดือดร้อน “พรรคเพื่อไทย” จะถูกมองว่าเป็นตัวการที่เอาการเมืองมาขวางการแก้ปัญหาให้ชาวบ้าน

หลังก่อนหน้านี้ก็ถูกจับตามองว่าเป็นต้นตอความขัดแย้งต่อกัมพูชา ปม “คลิปอังเคิล” จนสถานการณ์ชายแดนปะทุถึงขั้นมีผู้เสียชีวิต

นอกจากนี้ ยังถูกถล่มหนักว่าเป็น “ผู้ล้มการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” หลังก่อนหน้าเล่นบท ต้องการแก้ไขมรดกของเผด็จการให้สำเร็จ เพราะพิษสง และกลไก ของกฎหมายสูงสุดฉบับนี้ทำให้ผู้นำรัฐบาลของ “พรรคแดง” พ้นตำแหน่งมาแล้วถึงสองคน

สะท้อน “จาตุรนต์ ฉายแสง” สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ชัดเจนว่าจะไม่มีการยื่นซักฟอกรัฐบาลในปีนี้ เพราะมุ่งไปที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญมากกว่า พร้อมระบุว่า ต้องการให้รัฐบาลอยู่ถึง 31 ม.ค.69 เพื่อให้การแก้รัฐธรรมนูญและการทำประชามติสองคำถามสำเร็จ

ยิ่งไปกว่านั้น ภายในพรรคเองก็ใช่ว่าจะมีเอกภาพ แม้มี สส.ในพรรคเกินร้อยเสียง แต่ในสถานการณ์พรรคกระแสตกวูบขนาดนี้ แถม “ทักษิณ” อยู่ในเรือนจำ “แพทองธาร” ถูกมัดตราสังข์ ด้วยกฎหมายในมือ ป.ป.ช. คนลงชื่อยื่นซักฟอกจริงๆไม่ถึงร้อย

อาจเพราะหลายคนกำลังมองหาพรรคใหม่ และไม่ต้องการเป็นศัตรูกับเครือข่าย “สีน้ำเงิน” ทั้งฝ่ายการเมือง วุฒิสภา และองค์กรอิสระ ที่อาจมีบทบาทต่อการจัดตั้งรัฐบาลหน้า หากตัดสินใจผิดอาจหมดอนาคตทางการเมืองก็เป็นได้

ด้วยทุกแรงกดดันเช่นนี้ “พรรคเพื่อไทย” จึงเลือกที่จะ “หมอบชั่วคราว” มากกว่าจะเสี่ยงเปิดฉากมาตรา 151 ให้กลายเป็นดาบที่หันกลับมาฟันตัวเองใช่หรือไม่.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...