บันทึกหน้า 4
ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด การเมืองจัดอยู่ในการนับถอยหลังด้วยสถานการณ์การเมือง ที่รัฐบาลไร้ความน่าเชื่อถือ และถูกนิติสงครามรุกไล่ โดยเฉพาะฉากทัศน์ในเดือน ส.ค. และ ก.ย. โดยมีคดีของ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร ในคดีชั้น 14 และ “นายน้อย” แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ในคดีคลิปเสียงอังเคิล เป็นเดิมพัน
หลังสัญญาณแรกเริ่มต้น พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน อดีตรองประธานสภาฯ คนที่ 1 และ สส. เชียงราย ถูกศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนออกจากตำแหน่ ด้วยมาตรา 144 และด้วยอานุภาพของยาแรงนี้ เชื่อว่ายังมีคดีอื่นๆ ที่สุ่มเสี่ยงถูกล้างกระดาน
วัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก 4/8/68 ปัญหาโยกงบไปแจกคนละ 10,000 บาท (ดิจิทัลวอลเล็ต) จะทำให้ สส., สว. หรือ ครม. ต้องพ้นจากตำแหน่งเกือบหมด ว่า
กรณีแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตคนละ 10,000 บาท ในปีงบประมาณ 2568 มีปัญหาว่า เป็นการปรับลดรายจ่ายสำหรับใช้หนี้ธนาคารของรัฐ 5 แห่ง จำนวน 3.5 หมื่นล้านบาท แล้วนำไปเพิ่มเป็นงบประมาณรายจ่ายตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 รายจ่ายงบกลาง (5) ค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ (Digital Wallet) จำนวน 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเงินส่งใช้ต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยเงินกู้ หรือเงินที่กําหนดให้จ่ายตามกฎหมาย อันต้องห้ามแปรญัตติในทางลดหรือตัดทอนรายจ่ายตามมาตรา 144 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญ 2560
แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะได้วินิจฉัยเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2568 ในคดี พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ได้รับการพิจารณาเสร็จสิ้น และเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับแล้ว ไม่อยู่ในขั้นตอนของการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายในกระบวนการทางนิติบัญญัติ แต่เนื่องจากเป็นคำวินิจฉัยชั้นรับหรือไม่รับคำร้องไว้พิจารณา และเป็นคำวินิจฉัยที่อาจกระทบต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับความรับผิดชดใช้เงินงบประมาณคืนพร้อมดอกเบี้ย กับอายุความ 20 ปี ในการเรียกเงินคืน ก็น่าจะยังอยู่ในหน้าที่และอำนาจพิจารณาและวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
เมื่อตีความว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่และอำนาจพิจารณาวินิจฉัยเฉพาะกรณียังเป็นร่าง พ.ร.บ.ในรัฐสภาเท่านั้น บทบัญญัติเรื่องความรับผิดในเงินงบประมาณที่ต้องชดใช้ไปพร้อมดอกเบี้ย และอายุความ 20 ปี ในการเรียกเงินคืน จะไม่มีที่ใช้ กลายเป็นหมันไป
หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. สอบสวนแล้วเห็นว่ามีมูล ขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอความเห็นพร้อมเหตุผล ด้วยการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยเร็ว ตามบทบัญญัติในมาตรา 88 วรรคสี่ และมาตรา 89 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญทบทวนคำวินิจฉัยเดิมอีกครั้งให้เป็นบรรทัดฐานต่อไป
๐ ขณะที่รัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนว่าจะดำเนินการกับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภา กัมพูชา ว่าเป็นผู้บัญชาการสั่งฆ่าพลเรือน และผู้บริสุทธิ์ ทหาร รวม 17 คน เข้าข่ายอาชญากรสงคราม หรือไม่ ล่าสุด พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ชี้ช่องว่า แม้ ฮุน เซน กระทำผิดนอกประเทศไทย แต่สามารถดำเนินคดีในฐานะ เจตนาฆ่า และผู้สั่งการและสนับสนุน ให้รับโทษอาญาในประเทศได้ ตามมาตรา 7 และ 8 ป.อาญา
ซึ่งคดีดังกล่าวอัยการสูงสุดจะเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ เพื่อฟ้องศาลอาญา และหากศาลได้ออกหมายจับนายฮุน เซน กับพวก สามารถส่งหมายจับดังกล่าวไปยังตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพล เพื่อให้ประเทศที่อยู่ในสนธิสัญญาฯ ส่งผู้ร้ายข้ามแดน มาดำเนินคดีที่ประเทศไทยได้
“ญาติผู้เสียชีวิตสามารถดำเนินคดีได้ทั้งคดีอาญาและฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากนายฮุน เซน และกัมพูชาใต้ โดยเป็นหน้าที่ของรัฐบาลไทยจะต้องเป็นตัวกลางในการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายและได้รับความเดือดร้อนในครั้งนี้”
คางดำ