ทรัมป์เป็นพยานลงนามสันติภาพ “ดีอาร์คองโก-รวันดา” เปิดทางสหรัฐเข้าถึง “แร่ธาตุสำคัญ”
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามข้อตกลงสันติภาพ ระหว่างประธานาธิบดีพอล คากาเม ผู้นำรวันดา กับประธานาธิบดีเฟลิกซ์ ทชิเซเคดี ผู้นำสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (ดีอาร์คองโก) ที่สถาบันสันติภาพ เมื่อวันพฤหัสบดี
สาระสำคัญของข้อตกลงดังกล่าว ที่ส่วนใหญ่กาตาร์เป็นคนเจรจา คือ เพื่อยุติการสู้รบและการยึดครองดินแดนบางส่วนในภูมิภาคทางตะวันออกของดีอาร์คองโก ที่ยืดเยื้อยาวนาน 3 ทศวรรษ โดยกลุ่มกบฏเอ็ม23 ที่หลายฝ่ายเชื่อว่า รวันดาให้การสนับสนุน
แต่จนถึงตอนนี้ รวันดายังคงยืนกรานปฏิเสธ ว่าสนับสนุนกองกำลังเอ็ม23 แต่เรียกร้องการยุติเคลื่อนไหวของกองกำลังประชาธิปไตยเพื่อการปลดปล่อยรวันดา (เอฟดีแอลอาร์) ซึ่งเป็นการรวมตัวของกองกำลังชาติพันธุ์ฮูตู ที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวทุตซี ในเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวรวันดา เมื่อปี 2534 และรวันดากล่าวว่า ดีอาร์คองโกสนับสนุนเอฟดีแอลอาร์
ขณะที่ทรัมป์แสดงความเชื่อมั่นกับข้อตกลงฉบับนี้ หลังเจ้าหน้าที่ระดับรัฐมนตรีของดีอาร์คองโกและรวันดา ลงนามร่วมกันในข้อตกลงแบบเดียวกัน เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา แต่ผู้นำดีอาร์คองโกและรวันดามีท่าทีระมัดระวังมากกว่า เนื่องจากการสู้รบระลอกใหม่เพิ่งปะทุเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านั้น
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์กล่าวด้วยว่า ข้อตกลงสันติภาพฉบับนี้จะปูทางให้สหรัฐสามารถเข้าถึงแร่ธาตุสำคัญในทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคตะวันออกของดีอาร์คองโก ทั้งที่เป็นพื้นที่สู้รบ แต่มีแหล่งแร่ธาตุหลักหลายชนิดที่จำเป็นต่อเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า.
เครดิตภาพ : AFP