“ยูพีเอส-เฟดเอ็กซ์” งดใช้เครื่องบิน “เอ็มดี-11” หลังเกิดเหตุตกที่รัฐเคนทักกี
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ว่าบริษัทยูพีเอสและเฟดเอ็กซ์ ซึ่งเป็นสองบริษัทผู้ให้บริการขนส่งเอกชนรายใหญ่ของสหรัฐ ประกาศในเวลาไล่เลี่ยกัน ระงับใช้งานเครื่องบินแมคดอนเนลล์ ดักลาส เอ็มดี-11 เกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย ตามคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิต คือ บริษัทโบอิ้ง ซึ่งซื้อกิจการของแมคดอนเนลล์ ดักลาส เมื่อปี 2540
ปัจจุบัน เครื่องบินเอ็มดี-11 คิดเป็นประมาณ 9% ของฝูงบินทั้งหมดที่ยูพีเอสใช้งาน ส่วนข้อมูลจากเฟดเอ็กซ์ระบุว่า จากจำนวนเครื่องบินในฝูงบินประมาณ 700 ลำ มีทั้งสิ้น 28 ลำ เป็นเครื่องบินเอ็มดี-11 ส่วนเวสเทิร์น โกลบอล แอร์ไลน์ส ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริษัทคาร์โกทางอากาศของสหรัฐ ยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของยูพีเอสและเฟดเอ็กซ์ เกิดขึ้นหลังเครื่องบินเอ็มดี-11 ของยูพีเอส ประสบเหตุตกหลังเทคออฟได้ไม่นาน จากท่าอากาศยานนานาชาติหลุยส์วิลล์ ในรัฐเคนทักกี เพื่อเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติโฮโนลูลู ในรัฐฮาวาย เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 ราย โดยบนเครื่องบินของยูพีเอสมีลูกเรือสามคน
ขณะที่สาเหตุการตกของเครื่องบินอยู่ระหว่างการสอบสวนร่วมกันโดยหน่วยงานหลายแห่ง รวมถึงเอฟเอเอและคณะกรรมการความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติสหรัฐ (เอ็นทีเอสบี) ซึ่งในเบื้องต้นมีการเปิดเผยผลการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของสนามบินหลุยส์วิลล์ ปรากฏว่า เครื่องยนต์ด้านซ้ายหลุดออกจากปีกระหว่างการเทคออฟ
แม้การตกของเครื่องบิน ทำลายหรือสร้างความเสียหายให้กับอาคารหลายหลัง ทั้งซากปรักหักพังเป็นทางยาวที่ลุกเป็นไฟราว 800 เมตร อย่างไรก็ดี เครื่องยนต์ด้านซ้ายยังคงอยู่ภายในพื้นที่เกิดเหตุ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยพบกล่องบันทึกข้อมูลการบิน และกล่องบันทึกเสียงในห้องนักบินแล้ว
ทั้งนี้ เครื่องบินลำที่ประสบเหตุบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 38,000 แกลลอน สำหรับการบินระยะไกลไปยังรัฐฮาวาย และโชคดีที่เครื่องบินไม่ชนเข้ากับโรงงานประกอบรถยนต์ของฟอร์ด ซึ่งมีพนักงานประมาณ 3,000 คน แต่เครื่องบินพุ่งชนโรงงานรีไซเคิลปิโตรเลียมแห่งหนึ่งอย่างรุนแรง.
เครดิตภาพ : AFP