รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ยกเคส 'นัทปง' เป็นอุทาหรณ์ เตือนสังเกตคนใกล้ตัว
รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ยกเคส ‘นัทปง’ เป็นอุทาหรณ์ เตือนสังเกตคนใกล้ตัว
เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม นพ.จุมภฏ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงแนวทางการป้องกันการฆ่าตัวตายจากข่าวการฆ่าตัวตายของพิธีกรรายหนึ่ง ว่า กรณีดังกล่าวมีหลายประเด็นที่คิดว่าสังคมควรจะได้รับรู้เพื่อการเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้เกิดน่าเศร้าเกิดขึ้นกับคนอื่นๆ อีก ผู้ใกล้ชิดจะดูแลผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายอย่างไร ทั้งนี้ ก่อนอื่นต้องทราบว่า การพยายามฆ่าตัวตาย การไม่อยากมีชีวิตอยู่ เป็นความรู้สึกซึ่งเกิดจากการตีความความเครียด ความกดดัน ความสิ้นหวังช่วงเวลานั้นไปในทางลบ เป็นความรู้สึกไม่ใช่ข้อเท็จจริง ดังนั้นผู้ที่ใกล้ชิดมีส่วนอย่างมากในการที่จะช่วยเหลือเพื่อให้ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายให้ผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤตนั้นไปได้ โดยสังเกตสัญญาณเตือนเช่นพูดว่า “ไม่อยากอยู่แล้ว”, “ตายไปคงดี”
นพ.จุมภฏ กล่าวต่อว่า ข้อสังเกตของผู้ที่มีความเสี่ยง อาจเกิดภาวะซึมเศร้า เงียบ ไม่ค่อยพูด นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร หรือใช้สารเสพติด มอบของรักให้คนอื่น หรือเขียนพินัยกรรม แยกตัว ไม่พบเพื่อน ไม่ทำสิ่งที่เคยชอบ ไปจนถึงเตรียมอุปกรณ์ สิ่งของเพื่อใช้ในการทำร้ายตัวเอง
“คนใกล้ชิดควรจะอยู่ข้างๆ รับฟังความคิดความรู้สึกที่ผู้มีความเสี่ยง ระบาย โดยไม่ตัดสิน ให้เขารับรู้ว่ายังมีคนอยู่เคียงข้างเขา ที่สำคัญคือต้องเก็บสิ่งของ วัสดุหรืออุปกรณ์ใดๆ ก็ตามที่ผู้ที่มีความเสี่ยงจะนำมาทำร้ายตัวเองไว้ในที่ที่มิดชิด เข้าถึงได้ลำบาก” นพ.จุมภฏ กล่าว
ทั้งนี้ นพ.จุมภฏ กล่าวว่า ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายและมีอาการต่อไปนี้ให้ถือว่าเป็นผู้มีความเสี่ยงสูงต้องพิจารณานำมารักษาที่โรงพยาบาล ได้แก่ มีประวัติการพยายามฆ่าตัวตายมาก่อน มีการวางแผน มีการเตรียมอุปกรณ์ เพื่อใช้ในการฆ่าตัวตาย มีอารมณ์ซึมเศร้าอย่างรุนแรง หรือมีอาการทางจิตชนิดหวาดระแวงกลัวคนจะมาทำร้าย หรือมีเสียงสั่งให้ฆ่าตัวตาย
การมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย เกิดจากการมีอารมณ์เศร้าเสียใจอย่างมาก จนรู้สึกสิ้นหวัง ไร้การช่วยเหลือ เป็นการตีความ ความรู้สึกเศร้า เสียใจ ผิดหวังที่กระทบจิตใจไปในลักษณะที่อยากหลุดพ้น ไม่อยากเผชิญหน้าจนขาดการไตร่ตรอง
“แต่จริงๆ แล้ว ธรรมชาติของอารมณ์คนเรา เมื่อเวลาผ่านไปอารมณ์ต่างๆ จะปรับเปลี่ยนได้ และจะเริ่มมีการใช้เหตุผลมาไตร่ตรอง เพื่อหาวิธีการแก้ปัญหา ดังนั้นการชะลอเวลา เพื่อให้อารมณ์ของเราลดความรุนแรงลง จะทำให้มีสติ คิดหาทางจัดการแก้ปัญหาอย่างสมเหตุสมผล ซึ่งสามารถทำได้โดยการพูดคุยระบาย การขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างหรือบุคลากรทางการแพทย์ การเบี่ยงเบนความสนใจไปทำกิจกรรมอย่างอื่น เป็นต้น” นพ.จุมภฏ กล่าว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ยกเคส ‘นัทปง’ เป็นอุทาหรณ์ เตือนสังเกตคนใกล้ตัว
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th