โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

‘เหล่าทัพ’ เดินหน้ายึดทุกที่หมาย แม้กัมพูชาโต้หนัก

เดลินิวส์

อัพเดต 10 ธันวาคม 2568 เวลา 2.31 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
‘เหล่าทัพ’ เดินหน้ายึดทุกที่หมาย แม้กัมพูชาโต้หนักยิง BM-21-ปืนใหญ่-โดรนพลีชีพ หวังยึด ‘ตาเมือนธม-ภูมะเขือ’ ด้าน ‘ทอ.’ ย้ำ ใช้กำลังทางอากาศ 2 วัน ประสบความสำเร็จทุกเป้าหมาย ขณะที่ ‘ทร.’ ถล่ม ‘กาสิโน’ บ้านท่าเส้น ชายแดน จ.ตราด

เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก (โฆษก ทบ.), พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ (โฆษก ทอ.), พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ, พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองโฆษก สตช.) แถลงข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

โดย พล.ต.วินธัย กล่าวว่า ในส่วนของพื้นที่กองทัพภาค 2 (ทภ.2) กองกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) มีปริมาณการตอบโต้กันด้วยอาวุธอย่างหนาแน่น ทางกัมพูชาเปิดฉากโจมตี ด้วยเครื่องยิงระเบิดหลายลำกล้อง บีเอ็ม-21 รวมถึงใช้โดรนทิ้งระเบิด หรือโดรนพลีชีพ ใส่ฐานที่มั่นของไทยจำนวนหนาแน่นมากตั้งแต่ช่วงเช้าในหลายพื้นที่เช่น ช่องบก ช่องอานม้า ปราสาทตาควาย ปราสาทคนา โดยเฉพาะพื้นที่ภูมะเขือและปราสาทตาเมือนธม ที่ฝ่ายกัมพูชาคงมีความพยายามอย่างหนักที่จะพยายามยึดคืน ส่วนฝ่ายไทยตอบโต้ด้วยอาวุธเล็งตรง อาวุธวิธีโค้ง ได้สร้างความเสียหายระดับหนึ่ง

พล.ต.วินธัย กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นฝ่ายไทยพยายามเข้าควบคุมที่หมายสำคัญต่าง ๆ ให้ได้ แม้จะมีอุปสรรคจากการใช้อาวุธของกัมพูชาก็ตาม ซึ่งปัจจุบันกองกำลังสุรนารีปฏิบัติตามแผนในการต้านทานการโจมตีของทหารกัมพูชาอย่างต่อเนื่องและได้ผลักดันทหารกัมพูชาที่รุกล้ำอธิปไตยให้ออกจากพื้นที่ สำหรับพื้นที่ กองทัพภาคที่ 1 (ทภ.1) รับผิดชอบโดยกองกำลังบูรพา ประกอบไปด้วย 2 พื้นที่ ได้แก่ บ้านหนองหญ้าแก้ว ที่เข้าเคลียร์พื้นที่ ได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล พีเอ็มเอ็น-2 จำนวน 2 ทุ่น พร้อมใช้งาน นอกจากนั้นยังพบระเบิดแสวงเครื่องอีก 2 ชุด ชุดที่หนึ่งประกอบจากกระสุนอาร์พีจี 3 นัด และ ค. 60 จำนวน 1 นัด, ชุดที่ 2 ประกอบไปด้วยกระสุน ปรส.แบบ 82 และระเบิดไดนาไมต์ ซึ่งได้ทำการเก็บกู้เรียบร้อยแล้ว

พล.ต.วินธัย กล่าวอีกว่า พื้นที่ บริเวณบ้านคลองแผง อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว หน่วยเฉพาะกิจ 11 (หน่วย ฉก.11) ได้ใช้ปืนใหญ่รถถังยิงทำลายกาสิโนของกัมพูชา ซึ่งตั้งอยู่ติดแนวชายแดน โดยสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่ตั้งของอาวุธยิงสนับสนุน และป้อมปืนกล รวมถึงเป็นคลังอาวุธของทหารกัมพูชาเพื่อที่จะใช้โจมตีฝ่ายไทยบริเวณจุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา โดยปัจจุบันกองกำลังบูรพากำลังปฏิบัติการโจมตีต่อเป้าหมายโจมตีของฝ่ายกัมพูชาที่ยังเข้าขัดขวางด้วยจรวดบีเอ็ม-21 ตามปืนใหญ่ ปืน ค. อย่างต่อเนื่อง

พล.ต.วินธัย กล่าวอีกว่า ในปัจจุบันได้พบบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย โดยพบร่องรอยลูกจรวดบีเอ็ม-21 พื้นที่โศกขามป้อม ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยบ้านเรือนได้รับความเสียหายแต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนั้นยังพบกระสุนปืนใหญ่ ตกใส่บ้านเรือนประชาชน ที่บ้านโคกทหาร หมู่ 5 ต.ทับเสด็จ อ.ตาพระยา โดยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของบ้านหนองจานและหนองหญ้าแก้วนั้น ยังมีการใช้อาวุธใน 2 พื้นที่อย่างต่อเนื่องแต่ก็ต้องยอมรับว่าตรงนั้นเป็นพื้นที่โล่ง บางพื้นที่ก็เข้าไปได้ แต่บางพื้นที่ก็ไม่ปลอดภัยที่จะไปรอเฝ้ายึดอยู่ ก็เลยมีการสลับเข้าสลับออก ยกเว้นตรงพื้นที่หนองหญ้าแก้วที่เราควบคุมได้สมบูรณ์ที่สุด ตอนนี้ไม่มีข้อมูลที่เปลี่ยนแปลง ส่วนหมู่บ้านอื่นนั้นยังไม่ยืนยัน

พล.ต.วินธัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ฝ่ายไทยก็คงดำรงความมุ่งมั่นในการเข้าสู่ที่หมายและควบคุมพื้นที่ แต่วันนี้ยอมรับว่าฝ่ายกัมพูชาตอบโต้ด้วยอาวุธเข้ามาค่อนข้างหนัก และเริ่มมีการบาดเจ็บและสูญเสียมากขึ้น อย่างไรก็ตามเป็นความพยายามของฝ่ายไทยในการดำเนินภารกิจตามความมุ่งหมายให้ได้

พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ กล่าวว่า ทอ.ได้มีการจัดลำดับความในการโจมตีเป้าหมายสำคัญ โดยพิจารณาร่วมกันกับ ทบ. กกล.สุรนารี เช่น ศูนย์บัญชาการทางทหาร การส่งกำลังบำรุง คลังอาวุธ ยุทโธปกรณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการปฏิบัติภารกิจของกองกำลังสุรนารี และได้คำนึงถึงความปลอดภัยของชีวิตประชาชนในพื้นที่ แนวคิดดังกล่าวส่งผลต่อการพิจารณาเลือกใช้อาวุธต่อเป้าหมายโดยมีเงื่อนไขสำคัญคือการป้องกันหรือควบคุมไม่ให้การปฏิบัติการใด ๆ ไม่ให้กระทบต่อประชาชน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไทยเองหรือฝ่ายกัมพูชาจึงนำไปสู่การตัดสินใจในการใช้อาวุธที่มีความแม่นยำสูงในการโจมตีเป้าหมาย

พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเป้าหมายที่ลึกเข้าไปในดินแดนของกัมพูชานั้น ก็เป็นหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงของกำลังกองทัพอากาศ ตลอดช่วง 2 วันที่ผ่านมาขอยืนยันว่า ประสบความสำเร็จแม้ไม่สามารถยืนยันว่ามีเป้าอะไรบ้าง ซึ่งเป็นการโจมตีเพื่อ ดำรงไว้ซึ่งขีดความสามารถของกำลังทางบกและคำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในยุทธบริเวณ รวมถึงความปลอดภัยของประชาชน ทั้งนี้กองทัพอากาศขอยืนยันว่ามีความพร้อมสูงสุดในการสนับสนุนภารกิจของกองทัพไทย ทั้ง 3 กองกำลัง

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับการบาดเจ็บของตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่ทำงานร่วมกับทหารในแนวหน้าได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 6 นาย จากสะเก็ดระเบิด และการปะทะ โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการไปยังผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนให้ดูแลสิทธิสวัสดิการและการรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่ พร้อมสั่งการให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและสนับสนุนภารกิจของกองทัพ

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามขณะนี้สถานการณ์ไม่ปกติ จึงขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานรัฐและเอกชนให้ยกระดับการรักษาความปลอดภัยในจุดที่มีประชาชนพลุกพล่าน ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าหรือที่จัดกิจกรรมต่าง ๆ ให้ระมัดระวังบุคคลต้องสงสัยและสิ่งของที่เป็นอันตราย เพื่อป้องกันบุคคลไม่หวังดี ฉวยโอกาสการก่อวินาศกรรมหรือก่อการร้าย และหากพบสิ่งผิดปกติให้แจ้งมาที่ 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชม.

พล.ร.ต.ปารัช กล่าวอีกว่า ความคืบหน้าปฏิบัติการทางทหาร พื้นที่ชายแดน บ้านหนองรี ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด บริเวณบ้าน 3 หลัง ปัจจุบันยังคงอยู่ในการดำเนินกลยุทธ์กันอยู่ โดยมีการใช้อาวุธหนักในพื้นที่ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา จากการประเมินความเสียหายฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่ พบว่าฐานที่มั่นกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นอาคารหลักโดยแทบทั้งหมดถูกทำลายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงตัวบังเกอร์ที่คาดว่าจะใช้ในการเก็บยุทโธปกรณ์และอมภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งก็ถูกทำลายไปแล้วด้วยเช่นกัน สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนดำเนินกลยุทธ์เข้ายึดพื้นที่ แต่ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธหนักปืนใหญ่ ตอบโต้กำลังของฝ่ายไทย ทำให้กำลังพลกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด จึงยังไม่สามารถเข้ายึดพื้นที่ได้เบ็ดเสร็จ

พล.ร.ต.ปารัช กล่าวอีกว่า ส่วนในพื้นที่บ้านท่าเส้น ต.แหลมกลัด อ.เมือง จ.ตราด ที่ตั้งอาคารกาสิโนของฝ่ายกัมพูชาที่ล้ำเขตแดนไทยนั้น ด้านบนของอาคาร ฝ่ายไทยบินอากาศยานไร้คนขับ ตรวจพบมีการติดตั้งสายอากาศเพื่อใช้กวนสัญญาณต่อต้านโดรน ทำให้ฝ่ายไทยตัดสินใจทำลายสายอากาศดังกล่าว เพราะการใช้สายอากาศก่อกวนโดรน ถือเป็นการต่อต้านปฏิบัติการทางทหาร ทำให้ฝ่ายไทยได้ใช้อากาศยานไร้คนขับโจมตีตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งวิธีที่ฝ่ายไทยใช้นั้น เพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างจำกัด ไม่ให้เกิดความเสียหายต่อตัวอาคาร เพราะอาจมีพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้องกับสงครามอยู่ภายในตัวอาคาร ซึ่งอาคารหลังดังกล่าวได้ชื่อว่าเป็นกาสิโน และจากการข่าวพบว่าเป็นแหล่งกบดานของสแกมเมอร์อยู่ด้วย

พล.ร.ต.ปารัช กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ช่วงบ่าย (9 ธ.ค. 2568) ที่ผ่านมาได้ตรวจสอบพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้นำปืนใหญ่ มาวางกำลังบริเวณอาคารกาสิโนดังกล่าว ทำให้ฝ่ายไทยต้องตอบโต้ต่อเป้าหมายนั้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบความเสียหายของอาคารกาสิโนดังกล่าว ทร.ขอยืนยันว่ากำลังพลของฝ่ายไทย ทหารนาวิกโยธิน ปลอดภัย และยังไม่พบการสูญเสียแต่อย่างใด

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...