โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เมษา พฤษภา 2553 บาดแผลจากถนนราชดำเนิน ตกค้างมายังแยกราชประสงค์

มติชนสุดสัปดาห์

อัพเดต 42 นาทีที่แล้ว • เผยแพร่ 42 นาทีที่แล้ว

ยุทธการแดงเดือด

เมษา พฤษภา 2553

บาดแผลจากถนนราชดำเนิน

ตกค้างมายังแยกราชประสงค์

บทที่ 3 ของหนังสือ “ความจริงเพื่อความยุติธรรม : เหตุการณ์และผลกระทบจากการสลายการชุมนุม เมษา-พฤษภา 53” ซึ่งดำเนินการโดย “ศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมกรณี เมษายน-พฤษภาคม 2553” (ศปช.)

เป็น “ข้อเท็จจริงและการเสียชีวิตและความรุนแรง พฤษภา 53” เริ่มต้นในการให้ภูมิหลังสั้นๆ

ปลายเดือนเมษายนต่อเนื่องถึงต้นเดือนพฤษภาคม 2553 กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน ซึ่งยังปักหลักชุมนุมอยู่ที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ถูกโจมตีอย่างหนัก

สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่นายพายัพ ปั้นเกตุ นำการ์ด นปช.ไปบุกค้นโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เมื่อวันที่ 29 เมษายน

โดยอ้างว่า เห็นทหารแอบซุ่มอยู่ภายในอาคารของโรงพยาบาล

จนเป็นเหตุให้โรงพยาบาลตอบโต้ด้วยการปิดโรงพยาบาลชั่วคราวและขนย้ายผู้ป่วยออกไป

นอกจากนี้ ในวันที่ 1 พฤษภาคม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ยังได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ เพื่อทรงเยี่ยมสมเด็จพระสังฆราช ที่ยังคงรับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลจุฬาฯ เพียงพระองค์เดียว

และทรงรับสั่งให้ย้ายสมเด็จพระสังฆราชไปยังโรงพยาบาลศิริราชเพื่อความปลอดภัย

แท้จริง สถานการณ์ระหว่าง “คนเสื้อแดง” กับ “ศอฉ.” ตึงเครียดเป็นอย่างสูงนับแต่การปะทะหลั่งเลือดพลีชีพในคืนวันที่ 10 เมษายนมาแล้ว

เป็นความต่อเนื่องจาก “ถนนราชดำเนิน” มายัง “แยกราชประสงค์”

จะเข้าใจสถานการณ์และความตึงเครียดที่เข้มข้นมากเป็นลำดับต้องเริ่มจากการเคลื่อนไหวที่เป็นจริง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากทางด้านของ “รัฐบาล” และ “กองทัพ”

เห็นได้จากวันที่ 15 เมษายน 2553 ศอฉ.เรียกนักธุรกิจจำนวน 50-60 คนให้มารายงานตัว

สอบถามเกี่ยวกับการให้ความสนับสนุนม็อบคนเสื้อแดง

วันที่ 16 เมษายน เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งกำลังจู่โจมเข้าจับตัวแกนนำ นปช. 6 ราย แต่คว้าน้ำเหลว

คืนวันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงคำสั่งเพิ่มบทบาท พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกในการรับผิดชอบศูนย์อำนวยการแก้ไข สถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เพื่อกระชับสายการบังคับบัญชาให้สั้นลง

หากอ่าน “ลับ ลวง เลือด” ของ วาสนา นาน่วม ก็จะเข้าใจในเส้นสนกลใน

ครั้งหนึ่ง ก่อนหน้า 10 เมษายน พล.อ.อนุพงษ์เคยปฏิเสธข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ที่จะให้ยึดพื้นที่ราชประสงค์คืนว่า “ทำไม่ได้” เพราะจะเกิดการสูญเสีย “ทั้งเศรษฐกิจ ทรัพย์สินและชีวิตของทั้งสองฝ่าย”

แต่เห็นว่า การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ไม่ใช่แก้ด้วยการทหาร

หลัง 10 เมษายน พล.อ.อนุพงษ์ถึงขั้นให้สัมภาษณ์ว่า “การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง” พร้อมทั้งเสนอให้ยุบสภา อีกทั้งยืนกรานว่าทหารไม่ได้ “หน่อมแน้ม อ่อนแอหรือเกียร์ว่าง”

แต่ “ประเสริฐสุดยอด” ที่ไม่ยิงประชาชน

จึงถูกนายกรัฐมนตรีผู้ดีสั่งสอนด้วยการมัดมือชกให้มีหน้าที่ในการแก้ปัญหาม็อบเสื้อแดงด้วยตนเองโดยตรง ที่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ พล.อ.อนุพงษ์ไม่ยอมใช้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุม

ตามที่นายอภิสิทธิ์ต้องการมาตลอด

วาสนา นาน่วม ระบุต่อไปใน “ลับ ลวง เลือด” ว่า “ความรู้สึกที่ผู้นำฝ่ายบริหารกับผู้นำกองทัพมีต่อกันก็ปรากฏชัด เมื่อนายอภิสิทธิ์ลากจูง พล.อ.อนุพงษ์มาออกรายการ” เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์

พร้อมทั้งใช้โอกาสนี้ทั้งข่มและเล็กเชอร์ขบ ผบ.ทบ.อย่างแรงทั้งๆ ที่เป้าหมายน่าจะอยู่ที่การลาก พล.อ.อนุพงษ์มาผูกมัดหน้าจอทีวีว่า

จะสลายการชุมนุม

“ทุกคนเข้าใจดีว่า เจ้าหน้าที่คือเรื่องสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง คือ เรื่องผลประโยชน์ของชาติและปกป้องสถาบันหลักของชาติ ส่วนเรื่องการเมืองตรงนี้ท่านก็ไม่ต้องมาเกี่ยว

การเมืองก็แก้ด้วยการเมืองท่านก็จะไม่ควรจะเกี่ยว

นี่คือบทบาทกองทัพที่ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ เพราะผมก็พยายามไปเจรจา มาสองรอบแล้ว

ปัจจุบัน ก็มีหลายกลุ่มเยอะแยะที่เสนอก็ไม่เคยปฏิเสธการจะหาคำตอบทางการเมือง แต่ต้องเข้าใจว่าการหาคำตอบทางการเมืองต้องไม่สร้างบรรทัดฐานทางการ เมืองว่าต่อไปนี้การใช้การก่อการร้าย ความรุนแรง การข่มขู่คุกคามนำไปสู่คำตอบทางการเมือง

ผมทำเพื่ออนาคตสังคม อนาคตประชาธิปไตย ไม่ใช่เพื่อตัวผม

ถ้าผมทำแล้วหยุดเพราะไม่ต้องการให้เป็นบรรทัดฐานของสังคม คนจำนวนมากก็ออกมาชุมนุมอย่างยุบสภาไม่ใช่เพราะรักนายอภิสิทธิ์ แต่เห็นว่าสังคมไทย ประชาธิปไตยจะจำนนต่อการคุกคามไม่ได้

ข้อเรียกร้องทางการเมืองมีหลายครั้งที่บอกว่าไม่ใช่เป้าหมายสุดท้าย ยุบสภา ลาออก ไม่ใช่เป้าหมายสุดท้าย

มันไกลกว่านั้น

การครองอำนาจรัฐไกลกว่าว่าเพื่ออะไร แก้ปัญหาให้ใคร ไกลกว่านั้น มีการพูด เรื่องรัฐไทยใหม่

มีกระบวนการที่กระทบสถาบันหลักของชาติ

ย้ำความมั่นคง การเมืองและฝ่ายประจำก็แก้ไข ปัญหาการเมืองก็ต้องแก้ไข ไม่ใช่แก้ด้านใดด้านหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเหตุการณ์สงบลงแล้วจะไม่หาคำตอบทางการเมือง ไม่ใช่ยังไงก็ต้องมีคำตอบทางการเมือง ไม่ใช่ว่ายุบสภากันเมื่อใด เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย

ในทางกลับกัน มีคำตอบทางการเมืองแล้ว จะปล่อยให้มีการเคลื่อนไหวรุนแรง การก่อการร้ายและการใช้อาวุธ สงครามมาเป็นตัวชี้การเมืองให้ไปทางไหนก็คงไม่ได้”

นายอภิสิทธิ์แจงพร้อมโน้มน้าว ผบ.ทบ.ก่อนที่จะถูกถามเรื่องการสลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์หรือไม่

“ต้องถามท่าน ผบ.ทบ.เองตกลงสลายไม่สลาย ถามท่านเอง

ประเด็นไม่ได้อยู่ เป้าหมายสุดท้ายคือคืนพื้นที่ให้ประชาชน แต่อะไรก่อนหลัง แต่ไม่ใช่ตอบกันตรงนั้นได้ ไม่ใช่นั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไร นายกรัฐมนตรีกล่าว

“มีขั้นตอนปฏิบัติตามมาตรฐานสากล รัฐบาลไม่มีสิทธิอยู่เหนือกฎหมาย ถ้ารัฐใช้วิธีการเหนือกฎหมายสังคมไม่สงบสุขเพื่อแก้สถานการณ์ห้วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ภารกิจรัฐที่ยิ่งใหญ่มันเกินกว่าราชประสงค์เคลียร์หรือยัง

แต่การดำรงนิติรัฐ การทำตามกฎหมาย การปกป้องสถาบันหลักของชาติไม่ให้ถูกดึงลงมาสู่ความขัดแย้ง ไม่แสดงออกแต่ฝังลึกในใจ

ผมรับผิดชอบกับสังคมทั้งสังคมในอนาคตและลูกหลาน

การแก้ปัญหาไม่นิ่งเฉย ถามว่าในใจร้อนไหม ไม่มีใครอยากนั่งอยู่อย่างนี้นาน ถามว่าวันนี้เจ้าหน้าที่รัฐถ้าใครเป็นอุปสรรคผมไม่ปล่อยเฉยหรอกครับ และถ้าผมทำหน้าที่ไม่ได้ผมก็ไม่ทน

ทำทุกวัน เป้าหมาย คือ อนาคตสังคม ประเทศชาติ”

ในความเห็นของ วาสนา นาน่วม วันนั้น พล.อ.อนุพงษ์ก็ไม่พลาดท่ามัดมือชกตัวเองนอกจากยืนกราน

จะทำตามอำนาจหน้าที่ตามกรอบของกฎหมาย

ก่อนตามมาด้วยเสียงวิจารณ์คำพูดนายกรัฐมนตรีที่ตอกหน้าระดับ ผบ.ทบ.ว่า “เรื่องการเมืองท่านไม่ต้องมาเกี่ยว”

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เมษา พฤษภา 2553 บาดแผลจากถนนราชดำเนิน ตกค้างมายังแยกราชประสงค์

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th/weekly

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...