ด้วย’ศรัทธา’…ฉันจึงเป็นอยู่!!!
พล็อบๆ แพล็บๆ…นี่ก็ใกล้จะหมดปี สิ้นปี ใกล้จะถึงปีหน้า-ฟ้าใหม่กันอีกซะแร้นน์น์น์!!! แทบไม่น่าเชื่อว่าตัวเองยังคงสามารถเถลือกไถลอยู่ยาวว์ว์ว์มาจนถึงช่วงนี้ บัดนี้ ด้วยเพราะ เหตุปัจจัย ใดๆ ก็มิอาจสรุปได้ ขณะบรรดาผู้ที่เคยส่งเสียงเชียร์ให้ สู้ๆ ให้ความปรารถนาดี ให้กำลังใจ ให้ยืนหยัดอยู่ภายในโลกใบนี้อีกต่อไป กลับ โชคดี…ที่ตายก่อน เด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง กันไปเป็นรายๆ ก่อให้เกิดความรู้สึกโหวงๆ เหวงๆ อยู่มั่งตามสมควร…
อย่างไรก็ตาม…การอยู่ยาวว์ว์ว์กว่าบรรดาผู้ที่ได้ลา-ละ-สละจากโลกนี้ไปแล้ว ก็ใช่ว่าจะอยู่ง่าย อยู่สบาย หรืออยู่รอดปลอดภัยได้แบบ ชิลๆ แต่อย่างใด ตรงกันข้าม…กลับเป็นอะไรที่ยากซ์ซ์ซ์ฉิบหาย เหนื่อยฉิบหาย จนต้องพยายาม ตั้งสติ เอาไว้ชนิด 3 เวลาหลังอาหาร เพื่อไม่ให้ ความประมาท ใดๆ กลายเป็นตัวเปิดช่อง เปิดทาง ให้อะไรต่อมิอะไรมันเล็ดลอดเข้ามา ปรุงแต่ง กับประสาทสัมผัสทั้ง 5 แบบง่ายดายเกินไปนัก เรียกว่า…บางครั้ง บางครา แทบรู้สึกว่าตัวเองออกจะคล้ายๆ กับพระเครื่องที่ถูกหล่อ ถูกสร้าง ให้ยกมือขึ้นปิดหู ปิดตาตัวเอง อย่างที่เรียกๆ ว่า พระควัม อะไรทำนองนั้น…
เพราะถ้าดันไปเปิดรับ เปิดช่อง ให้แต่ละสิ่งแต่ละอย่างเข้ามา Concoct กับอายตนะต่างๆ ได้ง่ายๆ โอกาสที่จะกลายสภาพไปเป็นผู้ที่โกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาต ริษยา และชิงชัง หรือไม่ก็หลงใหลได้ปลื้มชนิดต้องตามไป แหกทวารดม ใครต่อใครแบบบรรดาพวก ติ่งๆ ทั้งหลาย ย่อมน่าจะมีโอกาสเป็นไปได้ไม่มาก-ก็น้อย ด้วยเหตุเพราะอุปกรณ์และเครื่องมือ ที่เป็นตัวก่อให้เกิด อารมณ์-ความรู้สึก ต่างๆ นานา มันออกจะก้าวหน้า ก้าวไกล เอามากๆ ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ยูทูบ อินสตาแกรม ติ๊กต๊อก ฯลฯ ไปจนถึงไลน์โน่น ไลน์นี่ ที่ล้วนแล้วแต่สามารถชำแรกแทรกสอด ซึมซ่าน เข้ามาสู่ประสาทการรับรู้ จนทำให้ใครต่อใครต้องกลายสภาพเป็นติ่ง เป็นนางแบก นายแบก แบบแทบไม่รู้เนื้อรู้ตัว…
แต่ก็นั่นแหละ…จะปิดหู ปิดตา ไม่คิดจะรับรู้อะไรเอาเสียเลย มันคงไม่น่าจะเป็นไปได้ โดยเฉพาะถ้าหากยังต้องขีดๆ เขียนๆ ต้องแสดงออกถึงปฏิกิริยา ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับฉากสถานการณ์ต่างๆ ที่หมุนเวียน เปลี่ยนผัน ไปในแต่ละช่วง แต่ละจังหวะ หรือยังคงมี ภาระ ที่ต้องคอยแจกแจงว่าอะไรดี-อะไรไม่ดี อะไรถูก-อะไรผิด อะไรเข้าท่า-ไม่เข้าท่า ฯลฯ ทำนองนั้น อันนี้…ก็ยิ่งทำให้ต้อง ตั้งสติ หนักขึ้นไปใหญ่!!! เพราะไม่ว่าอะไรที่ตัวเองคิดว่าดี-ไม่ดี ถูกๆ-ผิดๆ เข้าท่า-ไม่เข้าท่า อาจนำมาซึ่ง ขบวนรถทัวร์ แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน หลังบ้าน เกิดรายการ ทัวร์ลง ชนิดแทบไม่เหลือพื้นที่ใดๆ ให้พักผ่อนนั่งๆ นอนๆ ได้เลย แม้แต่ระดับที่ ปากคม ยิ่งกว่าปากตะไกร อย่าง ป๋าเปลว สีเงิน ของหมู่เฮาก็เถอะ ยังหนีไม่พ้นต้องเจอกับ ขบวนรถทัวร์ แล่นดักหน้า ดักหลัง กันไปเป็นสายๆ…
อีกทั้งด้วยเหตุเพราะโลกยุคนี้ สมัยนี้…มันค่อนข้างยากเอามากๆ ที่จะแยกดี-แยกชั่ว แยกถูก-แยกผิด ออกจากกันและกันได้ง่ายๆ เพราะเพียงแค่จะแยกว่าอะไรจริง-อะไรเท็จ ก็ออกจะลำบากแล้ว!!! อันเนื่องมาจาก ความจริง กับ ความเสมือนจริง มันอยู่ใกล้ชิดติดกันแบบชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด หรือผ่าสิบหกเอาเลยก็ว่าได้ ดังนั้น…ในเมื่ออะไรที่ไม่จริง มันถูกทำให้กลายเป็นความจริง สิ่งที่จะนำเอามาใช้เป็น มาตรฐาน ในการรองรับความดี-ความชั่วแบบก่อนๆ มันก็เลยแทบไม่เหลือ เหลืออยู่เพียงแค่ อารมณ์-ความรู้สึก หรือ รสนิยม ของใคร-ของมัน ที่จะต้องไปวัดตัดสินกันเอาเอง…
การอยู่ในโลกยุคนี้ สมัยนี้…มันเลยเป็นอะไรที่ยากฉิบหาย เหนื่อยฉิบหาย โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ยังคงยึดมั่นอยู่กับ มาตรฐานเดิมๆ กับความดี-ความชั่วในแบบเดิมๆ ยิ่งกับขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยมทางสังคมในแบบเดิมๆ ด้วยแล้ว ยิ่งอาจส่งผลให้ตัวเองแทบไม่ต่างอะไรไปจาก มนุษย์ต่างดาว เอาเลยก็ว่าได้ การเถลือกไถลเพื่อให้พออยู่รอดปลอดภัย ภายใต้ฉากสถานการณ์ความเป็นไปเช่นนี้ จึงแทบไม่ได้ขึ้นอยู่กับ เหตุผล แบบหนึ่ง แบบใด ที่ต่างไม่เหลือ มาตรฐาน ใดๆ มารองรับไว้ด้วยกันทั้งสิ้น มีแต่ต้องหันไปอาศัย ศรัทธา นั่นแหละ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวกันแทนที่ แม้ศรัทธานั้นๆ…จะทำให้ตัวเองกลายเป็นไดโนเสาร์ เป็นมนุษย์ต่างดาวก็ตามที แต่ถ้าหากมันยังพอทำให้เกิดความรู้สึกว่า…ชีวิตนี้ยังพอยังประโยชน์แก่ผู้อื่นได้มั่ง อันนั้น…ก็น่าจะพอแล้ว พอที่จะเถลือกไถลอยู่ต่อภายในโลกใบนี้จนกว่าจะหมดวาระ หมดภาระ ไปตามเหตุปัจจัยของใครก็ของมัน.