โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

เศรษฐกิจเปราะบาง-การเมืองไม่นิ่งกดดัชนีเชื่อมั่นฯต่ำสุดในรอบ 31 เดือน

The Better

อัพเดต 07 ส.ค. เวลา 07.14 น. • เผยแพร่ 07 ส.ค. เวลา 06.50 น. • THE BETTER
ม.หอการค้าฯชี้ผลสำรวจดัชนีเชื่อมั่นฯสะท้อนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ขณะที่ขาดเสถียรภาพการเมือง  รวมถึงผลกระทบสงครามการค้าและปมร้อนชายแดนไทย-กัมพูชา

นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์ และผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย(ภาคธุรกิจ)เดือนก.ค.2568 อยู่ที่ 45.9 ปรับลดลงจากระดับ 46.7 ปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 โดยมีปัจจัยสำคัญจากความกังวลต่อแนวทางนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา และการตอบโต้ของประเทศต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบของนโยบาย Trump 2.0

นอกจากนี้ความเชื่อมั่นทางการเมือง และเสถียรภาพของรัฐบาลปัจจุบันโดยศาลรัฐธรรมนูญมีคาสั่งให้นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายไทย -กัมพูชา ที่ยกระดับจนเกิดเหตุรุนแรงหลายระลอกในเขตชายแดน ส่งผลให้เกิดความหวาดกลัวและการอพยพของประชาชน รวมถึงการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุน ที่ต้องหยุดชะงักบริเวณพื้นที่ชายแดน

ทั้งนี้ผู้ประกอบการมองเศรษฐกิจยังฟื้นตัวช้า ตลอดจนปัญหาค่าครองชีพ รวมถึงผู้บริโภคมีการระมัดระวังการจับจ่าย ส่งผลกระทบต่อยอดขายของธุรกิจที่อาจจะไม่เติบโต ซึ่งรายได้ในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น

ด้านผลของการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI) เดือนก.ค. ปรับตัวลดลงจากระดับ 52.7 เป็น 51.7 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และอยู่ในระดับที่ต่ำสุดในรอบ 31 เดือนนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 เป็นต้นมา

ทั้งนี้มีปัจจัยสำคัญจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของรัฐบาลและการเมืองของไทยและสงครามการค้าจากนโยบาย Trump 2.0 ตลอดจนสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาแม้ว่าจะมีการเจรจาหยุดยิงแล้วก็ตาม ส่งผลให้ผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยได้ใช้นโนบายการเงินผ่อนคลายจากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายตั้งแต่ต้นปีมาแล้ว 2 ครั้งรวม 0.5% อยู่ที่ 1.75% แต่ผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ช้าและการเข้าถึงสินเชื่อลำบาก

ด้านดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 45.6 49.8 และ 59.6 ตามลำดับ ปรับตัวลดลงทุกรายการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 โดยปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับดัชนีในเดือนมิถุนายน ที่อยู่ในระดับ 46.7 50.6 และ 60.9 ตามลำดับ

การที่ดัชนียังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ (ที่ระดับ 100) แสดงว่า ผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคต เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศ และค่าครองชีพที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ตลอดจนปัญหาเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะลอตัวลงจากสงครามการค้าที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานมีโอกาสฟื้นตัวได้ช้าในอนาคต ซึ่งจะทำให้รายได้ในอนาคตของผู้บริโภคมีความไม่แน่นอนสูง

ร.ศ.ดร. ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวว่า ดัชนีเชื่อมั่นฯทั้งของหอการค้าไทยและผู้บริโภคปรับลดลงต่ำสุดในรอบ 31 เดือน เหมือนกัน สะท้อนว่า เศรษฐกิจไทยยังเปราะบางมีอาการซึมตัวลง สาเหตุ มาจากความกังวลภภูมิรัฐศาสตร์ และส่วนใหญ่ผลการเจรจาภาษีสหรัฐ ขณะที่สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มาเร็วจบเร็ว สงครามไม่ได้บั่นทอนความเชื่อมั่นรุนแรง แต่ก็ยังเป็นสถานการณ์ไม่นิ่งรอปะทุ มีโอกาสเกิดขึ้นได้อีก

สิ่งที่เอกชนต้องการคือการกระตุ้นใช้จ่าย รัฐบาลควรเร่งการเบิกจ่ายงบกระตุ้นเศรษฐกิจภายในเดือนส.ค. และอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ดูแลค่าเงินบาทให้เหมาะสมเพื่อการส่งออกแข่งขันได้

นอกจากนี้ผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้า และค่าครองชีพสูง ตลอดจนปัญหาสงครามการค้า ยังคงมีโอกาสบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...