โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

กลุ่มดาวเทียมสำรวจโลก 2 หมื่นล้าน สร้างจุดเปลี่ยนประเทศไทย

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 2 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว

“แผนการพัฒนากลุ่มดาวเทียมสำรวจโลกของประเทศไทย (Thailand's Earth Observation Satellite Constellation)” เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญและเร่งด่วนที่GISTDA ต้องการขับเคลื่อนให้ประสบความสำเร็จภายในรัฐบาลชุดใหม่นี้

แม้จะผ่านที่ประชุม ครม.มาแล้วแต่ด้วยกรอบวงเงิน 2 หมื่นล้านบาทและ “ความใหม่” ทั้งเทคโนโลยีและกรอบคิด ทำให้ต้องนำเสนอต่อสภาพัฒน์และรอเข้า ครม.รอบ2

แผนการพัฒนากลุ่มดาวเทียมสำรวจนี้ริเริ่มและขับเคลื่อนโดย ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA

ที่ตั้งใจมอบเป็นของขวัญให้กับคนไทยเนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปี GISTDA ในปี 2568 หากแผนดำเนินการนี้ประสบความสำเร็จจะสามารถนำส่งดาวเทียมเพิ่มขึ้นอีก 12 ดวงขึ้นสู่วงโคจรได้ภายในระยะเวลา 6 ปีนับจากวันได้รับอนุมัติงบโครงการ

ที่มา THEOS Constellation

ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีดาวเทียมสำรวจโลกความละเอียดสูงอยู่ 2 ดวง ได้แก่ ดาวเทียมไทยโชต หรือ THEOS-1 และดาวเทียม THEOS-2 ประจำการอยู่ในวงโคจรเป็นเวลานานกว่า 17 ปี

ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา มีบทบาทสำคัญในการวางแผนตอบสนองต่อภัยพิบัติ ความมั่นคง และใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากร สิ่งแวดล้อม เกษตรกรรม และการตัดสินใจเชิงนโยบายของทั้งภาครัฐและเอกชน

แต่ด้วยความต้องการในการนำข้อมูลจากดาวเทียมไปใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งภาครัฐและเอกชน ดาวเทียมที่มีอยู่ในปัจจุบัน ถือว่ายัง “ไม่เพียงพอ” ที่จะตอบสนองต่อความจำเป็นในการใช้ประโยชน์ของประเทศทั้งในเชิงพื้นที่และเชิงเวลา

นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดด้านการถ่ายภาพ เช่น ถ่ายภาพได้เฉพาะเวลากลางวัน และไม่สามารถถ่ายทะลุเมฆได้ ทำให้ประเทศไทยยังต้องพึ่งพาข้อมูลจากดาวเทียมต่างประเทศ ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์ด้านความต่อเนื่องและทันท่วงที

เพื่อตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้ GISTDA จึงขับเคลื่อน “โครงการพัฒนากลุ่มดาวเทียมสำรวจโลกของประเทศไทย” เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเก็บข้อมูลเชิงพื้นที่ที่มีความละเอียดสูง เพิ่มประสิทธิภาพ ครอบคลุม ภารกิจ และเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมต่อเนื่องในประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม

ดร.พรเทพ นวกิจกนก ผู้อำนวยการศูนย์ผลิตดาวเทียมแห่งชาติ GISTDA กล่าวว่า การพัฒนา “ดาวเทียม 12 ดวงใน 6 ปีนับจากวันอนุมัติโครงการ” ได้ผ่านการวางแผนที่พิจารณาภาพรวมการทำงานเป็นกลุ่มร่วมกับดาวเทียมที่มีอยู่ ณ เวลานั้น ๆ ทั้งดาวเทียมของไทยและต่างประเทศ

อย่างเช่น กลุ่มดาวเทียม THOES- 3 ซึ่งมีประมาณ 5 ดวง ถูกออกแบบให้ทำงานร่วมกับดาวเทียมกลุ่มอื่น ๆ เช่น ดาวเทียม Sentinel เพื่อให้ทำงานเสริมกัน ทำให้สามารถถ่ายภาพได้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น

“ด้วยข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ การออกแบบกลุ่มดาวเทียมดังกล่าวจึงเน้นที่ภารกิจเป้าหมายในแต่ละกลุ่มที่ชัดเจน โดยมีทั้งกลุ่มดาวเทียมแบบออปติคัล แบบเรดาร์และแบบตรวจจับความร้อน

ขณะเดียวกันที่มาของดาวเทียมก็มีทั้งแบบทีมวิศวกรไทยเข้าร่วมพัฒนา เช่นเดียวกับดาวเทียม THOES- 2 การออกแบบเองแล้วจ้างผลิต และแบบจัดซื้อดาวเทียมจากต่างประเทศ ซึ่งจะมีเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาบุคลากรและอุตสาหกรรมอวกาศของประเทศไทย”

สำหรับดาวเทียมทั้ง 12 ดวง ถูกออกแบบเพื่อตอบโจทย์ 3 เรื่องหลักของประเทศ โดยกลุ่มดาวเทียม THOES-3 จำนวน 5 ดวงตอบโจทย์ภารกิจด้านการเกษตร

กลุ่มดาวเทียม THOES-4 จำนวน 2 ดวง และ THOES-5 จำนวน 4 ดวงตอบโจทย์ภารกิจด้านภัยพิบัติและความมั่นคง ส่วนดาวเทียม THOES- 6 จำนวน 1 ดวง ตอบโจทย์ภารกิจด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

อย่างไรก็ตาม ภายใต้โครงการนี้วงเงินงบประมาณ อาจจะดูเหมือนสูงมาก เนื่องจากเป็นการพัฒนาพร้อมๆ กันทั้งระบบ ซึ่งในโครงการจะมีทั้งการจัดหากลุ่มดาวเทียมและปรับปรุงระบบสถานีรับสัญญาณ

การเพิ่มศักยภาพของบุคลากรไทยผ่านการถ่ายทอดเทคโนโลยี การพัฒนาและส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมของประเทศในด้านดาวเทียม และเทคโนโลยีอวกาศ และการพัฒนาระบบประยุกต์ใช้ประโยชน์ภูมิสารสนเทศจากภาพถ่ายดาวเทียม

พัฒนาศักยภาพบุคลากรไทย

หากแผนการพัฒนาโครงการเป็นไปตามเป้าหมาย ประเทศไทยนอกจากจะได้กลุ่มดาวเทียมสำรวจโลกและโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีอวกาศแล้ว

บุคลากรไทยจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีในการร่วมสร้างดาวเทียมสมัยใหม่ สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ต่ำกว่า 3,000 คน

ผู้ประกอบการในประเทศสามารถผลิตชิ้นส่วนหรือพัฒนาระบบย่อยเพื่อใช้งานในระบบดาวเทียมตาม มาตรฐานสากล ไม่น้อยกว่า 100 บริษัท ทำให้เกิดระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และประยุกต์ใช้ประโยชน์ภูมิสารสนเทศจากภาพถ่ายดาวเทียมของหน่วยปฏิบัติตามภารกิจต่างๆ ได้อย่างประสิทธิภาพ

และที่สำคัญ คือ การเป็นเจ้าของข้อมูลจากดาวเทียม ซึ่งเป็นหลักประกันได้ว่าประเทศไทย จะสามารถเข้าถึงข้อมูลในพื้นที่ที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที

เพิ่มขีดความสามารถด้านอุตสาหกรรมอวกาศด้วยการเป็นเจ้าของเทคโนโลยีอย่างยั่งยืน ซึ่งจะสร้างโอกาสให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นผู้นําด้านการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...