โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

มะม่วงเปรี้ยว มะม่วงมัน มะม่วงสุก ประโยชน์ต่างกันอย่างไร แบบไหนดีต่อสุขภาพที่สุด

sanook.com

เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Sanook
มะม่วงเปรี้ยว มะม่วงมัน มะม่วงสุก ประโยชน์ต่างกันอย่างไร แบบไหนดีต่อสุขภาพที่สุด แบบไหนที่ ประโยชน์ของมะม่วง จะตอบโจทย์สุขภาพของคุณที่สุด

มะม่วงเปรี้ยว มะม่วงมัน มะม่วงสุก ประโยชน์ต่างกันอย่างไร แบบไหนดีต่อสุขภาพที่สุด

มะม่วง ถือเป็นราชาผลไม้ไทยที่หารับประทานได้ง่ายและเป็นที่โปรดปรานของใครหลายคน ไม่ว่าจะมาในรูปแบบ มะม่วงเปรี้ยว จิ้มพริกเกลือ มะม่วงมัน กรอบเคี้ยวเพลิน หรือ มะม่วงสุก หอมหวานทานกับข้าวเหนียวมูน แต่เคยสงสัยหรือไม่ว่า ในแต่ละระยะความสุกของมะม่วงนั้น ให้คุณค่าทางโภชนาการที่เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร และแบบไหนที่ ประโยชน์ของมะม่วง จะตอบโจทย์สุขภาพของคุณที่สุด

บทความนี้จะพาไปเจาะลึกความแตกต่างในแต่ละรสชาติ เพื่อให้คุณเลือกทานได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย

1. มะม่วงเปรี้ยว (มะม่วงดิบ) : วิตามินซีสูง ช่วยระบบขับถ่าย

มะม่วงดิบที่มีรสเปรี้ยวจี๊ด เช่น มะม่วงแก้วขมิ้นหรือมะม่วงเบา จุดเด่นสำคัญคือมีปริมาณ วิตามินซี สูงมาก ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคหวัด และช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้ผิวพรรณสดใส

อีกหนึ่งข้อดีของมะม่วงเปรี้ยวคือมีใยอาหารสูง ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย แก้ปัญหาท้องผูกได้ดี อย่างไรก็ตาม ข้อควรระวังคือความเป็นกรดที่อาจระคายเคืองกระเพาะอาหารสำหรับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะ และต้องระวังปริมาณโซเดียมและน้ำตาลจากเครื่องจิ้มอย่างกะปิหวานหรือพริกเกลือด้วย

2. มะม่วงมัน : แหล่งพลังงาน แป้งเยอะแต่น้ำตาลน้อยกว่าสุก

มะม่วงมัน คือมะม่วงดิบที่แก่จัด รสชาติจะออกมันอมหวานเล็กน้อย เช่น มะม่วงเขียวเสวย หรือมะม่วงอกร่องดิบ ในระยะนี้แป้งในเนื้อมะม่วงยังไม่เปลี่ยนเป็นน้ำตาลทั้งหมด ทำให้มีความกรอบมัน

ประโยชน์ของมะม่วงมันคือให้พลังงานสูงจากคาร์โบไฮเดรต ช่วยให้อิ่มท้องนาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพลังงานระหว่างวัน แต่เนื่องจากมีแป้งเยอะ ผู้ที่ควบคุมน้ำหนักจึงควรจำกัดปริมาณการทาน ไม่ควรทานมากจนเกินไปเพราะแป้งจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลสะสมในร่างกายได้

3. มะม่วงสุก : เบต้าแคโรทีนสูง บำรุงสายตา แต่ต้องระวังน้ำตาล

เมื่อมะม่วงสุกจนเหลืองหอม แป้งจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลฟรุกโตสและกลูโคส ทำให้มีรสหวานจัด ให้พลังงานรวดเร็ว ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นทันที จุดเด่นทางโภชนาการของมะม่วงสุกคือมี เบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) และวิตามินเอสูงมาก ซึ่งมีส่วนช่วยในการบำรุงสายตาและการมองเห็น รวมถึงช่วยบำรุงผิวพรรณ

ข้อควรระวังสำคัญสำหรับมะม่วงสุกคือ ปริมาณน้ำตาลที่สูงมาก ผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือผู้ที่กำลังควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดควรหลีกเลี่ยงหรือจำกัดปริมาณการทานให้เคร่งครัด (แนะนำไม่เกินครึ่งลูกต่อครั้ง) และควรเลี่ยงการทานคู่กับข้าวเหนียวมูนกะทิหากต้องการคุมน้ำหนัก

สรุปแล้ว มะม่วงแบบไหนดีกว่ากัน?

คำตอบขึ้นอยู่กับ "เป้าหมายทางสุขภาพ" ของคุณในช่วงเวลานั้น:

  • อยากเสริมภูมิคุ้มกัน / แก้ท้องผูก: เลือก มะม่วงเปรี้ยว (แต่ระวังเครื่องจิ้ม)
  • อยากได้พลังงาน / อิ่มท้อง: เลือก มะม่วงมัน (แต่ระวังปริมาณแป้ง)
  • อยากบำรุงสายตา / ผิวพรรณ: เลือก มะม่วงสุก (แต่ระวังน้ำตาล)

ไม่ว่าคุณจะชอบรสชาติแบบไหน กุญแจสำคัญของการได้รับ ประโยชน์ของมะม่วง อย่างครบถ้วนคือการทานในปริมาณที่พอเหมาะ และทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว

แหล่งอ้างอิง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...