โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

นบข.เคาะจ่าย “ไร่ละพัน” ทั้งนาปรัง-นาปี

สำนักข่าวไทย Online

อัพเดต 15 ส.ค. เวลา 10.44 น. • เผยแพร่ 15 ส.ค. เวลา 02.02 น. • สำนักข่าวไทย อสมท

15 ส.ค. – “พิชัย” รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ประชุม นบข. เห็นชอบจ่าย “ไร่ละพัน” ทั้งนาปรังและนาปี ช่วยชาวนา เหตุราคาข้าวในตลาดโลกตกต่ำ

นายพิชัย ชุณหวชิระ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (นบข.) เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีวาระสำคัญในการพิจารณาช่วยเหลือชาวนาที่ประสบปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ

ภายหลังการประชุม นายพิชัย เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ดำเนินโครงการช่วยเหลือชาวนาผู้ปลูกข้าวนาปรัง จ่ายเงินสนับสนุนไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่ โดยเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปรังได้ลงทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรแล้วประมาณ 850,000 ราย คาดใช้งบประมาณราว 7,200 ล้านบาท พร้อมวางเงื่อนไขชัดเจนว่าปีหน้ารัฐบาลจะไม่สนับสนุนการปลูกพันธุ์ข้าวที่ตลาดไม่ต้องการ และขอให้เกษตรกรลดพื้นที่ปลูกในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม โดยถือเป็นการช่วยเหลือ “ครั้งสุดท้าย” สำหรับข้าวนาปรัง

ขณะที่มาตรการสนับสนุนชาวนาผู้ปลูกข้าวนาปีฤดูกาลผลิตปี 68/69 ก็จะช่วยสนับสนุนตามโครงการไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่ เช่นกัน โดยคาดว่าจะมีเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์ประมาณ 4.7 ล้านครัวเรือน ใช้งบประมาณมากกว่า 30,000 ล้านบาท โดยหลังจากนี้จะต้องนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเห็นชอบต่อไป

นายพิชัย กล่าวว่า การให้เงินสนับสนุนครั้งนี้เป็นเพียงมาตรการระยะสั้น เพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคาข้าวตกต่ำ ขณะที่ระยะยาวรัฐบาลได้เตรียมแผนปรับโครงสร้างการผลิต เช่น ปรับพันธุ์ข้าวให้ตรงความต้องการของตลาดโลก เพิ่มผลผลิต ส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ และพัฒนาการตลาดร่วมกับต่างประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาการอุดหนุนและทำให้เกษตรกรยืนได้อย่างมั่นคง

รัฐบาลเตรียมงบประมาณรวมกว่า 40,000 ล้านบาท ครอบคลุมชาวนาทั่วประเทศ โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินตรงเข้าบัญชีเกษตรกร เพื่อให้ถึงมืออย่างรวดเร็วและโปร่งใส

เร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา”
ส่วนการช่วยเหลือประชาชนที่บ้านเรือนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา” จากการสำรวจความเสียหายในพื้นที่ 4 จังหวัด พบว่ามีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบรวมทั้งสิ้น 256 หลังคาเรือน แบ่งเป็น
-ความเสียหายเล็กน้อย จำนวน 185 หลังคาเรือน
-ความเสียหายมาก จำนวน 29 หลังคาเรือน
-ความเสียหายทั้งหลัง (เกินร้อยละ 70) จำนวน 42 หลังคาเรือน

ปัจจุบันทางจังหวัดได้รวบรวมข้อมูลความเสียหาย และวางแผนให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยบางส่วนได้เข้าดำเนินการซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากหลายภาคส่วน อาทิ งบกลางเพื่อบรรเทาสาธารณภัย งบจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยจังหวัด สภากาชาดไทย และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด รวมถึงการสนับสนุนกำลังพลจากหน่วยทหารในพื้นที่เพื่อเร่งดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง.-111-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...