"อนุทิน" รับกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยันยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว ยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อเนื่อง ขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้
เวลา 08.05 น. ที่ท้องสนามหลวง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ในวันพรุ่งนี้ (6ธ.ค.68) ว่า ขณะนี้กังวลเรื่องภาคใต้ แต่รู้แล้วว่ามีการลงไปช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก เรื่องเงินช่วยเหลือการฟื้นฟูเมือง การนำประชาชนกลับบ้าน ดำเนินไปได้กว่า 90 % แล้ว
ส่วนการลงพื้นที่ในวันพรุ่งนี้ (6ธ.ค.68) จะนำคณะนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิร่วมถอดบทเรียน พร้อมระบุว่าการได้ลงพื้นที่จริงจะมีแนวคิดเกิดขึ้น และมีการสนับสนุนเข้ามาอย่างรวดเร็วขึ้น เหมือนการลงพื้นที่ครั้งที่ผ่านมา ของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ ได้มีการเร่งรัดช่วยเหลือเต็มไปตามเป้า
ส่วนการยกเลิกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดสงขลา นายกรัฐมนตรีย้ำว่า การฟื้นฟูและการเยียวยายังคงเป็นเหมือนเดิม เนื่องจากยังมีการประกาศจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ได้ขออนุเคราะห์นายกรัฐมนตรี และคิดว่านายกรัฐมนตรีคงจะไม่ขัดเขา
โวไม่มีรัฐบาลไหนกล้าปราบสแกมเมอร์ โต้ พท.ถ้าห่วยจริงทำไมให้ย้ายไป สธ.
นายอนุทิน กล่าวถึงความรู้สึกที่ช่วงนี้เจอหลายสถานการณ์ รวมถึงเรื่องการปราบสแกมเมอร์ โดยถามกลับสื่อว่า ตอนนี้มีอะไรที่ถาโถม ก่อนระบุว่า เรื่องการปราบสแกมเมอร์เคยมีใครเคยยึดทรัพย์และเงินทีเดียวหมื่นล้านบาท เคยมีใครประกาศชื่อคนที่อยู่เมืองไทยมานานและมีเครือข่าย ซึ่งที่ผ่านมาทุกคนเงียบกันหมด
และมีรัฐบาลไหนที่ทำได้แบบนี้ ตนประกาศรายชื่อสแกมเมอร์และเส้นทางการเงิน ยึดทรัพย์อายัดทรัพย์ บ้าน ที่ดิน เรือยอร์ช หุ้น รถ 386 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่ออายัดเสร็จแล้วก็มาถามว่าทำไมไม่ดำเนินคดี เพราะคนถามไม่รู้เรื่อง เพราะการอายัดต้องไปดำเนินคดีต่อตามขั้นตอน
ขณะเดียวกันก็ยังมีการจับเครื่องขุดบิตคอยน์ มูลค่า 3-4 พันล้านบาท ซึ่งคนเหล่านี้นอกจากจะทำความชั่ว ก่อให้เกิดความเสียหาย ก่ออาชญากรรมในประเทศ และยังมีการลักไฟใช้ เสียหายไปแล้วประมาณ 2 พันล้านบาท ไม่เคยมีรัฐบาลไหนไปดูแล โดยเมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.) ตนได้เชิญผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เข้ามาพูดคุยและให้ไปดำเนินการ ซึ่งก็จะได้เห็นอีกว่ามีขาใหญ่อะไรอีกหรือไม่ที่ลักไฟใช้
"ขนาดไอ้พวกจีนเทา ไอ้จีนสัปปะรังเคพวกนี้ มันยังใช้ ขนาดมันเป็นคนต่างชาติ มันยังแอบใช้ไฟของคนไทยได้ แล้วขาใหญ่ประเทศไทยมีหรือเปล่าก็ต้องดู มันจะเกิดการขยายผลมากมาย นี่แหละครับ 2 เดือน ทำงานกันหมดทุกคน"
ส่วนมาตรการเดินหน้าเชิงรุกในการปราบสแกมเมอร์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็จะดำเนินการไปเรื่อยๆ พร้อมยกตัวอย่าง สแกมเมอร์ที่ข้ามฝั่งเข้ามาในประเทศไทยหลังจากถูกทรมาน และเหยียบกับระเบิดไปแล้ว ก็ถูกจับไปได้อีก 1 คน
ส่วนเรื่องการเมืองก็ไม่มีอะไร การที่มาบอกว่าตนถูกปรับออกจากกระทรวงมหาดไทย เพราะทำงานช้ามีประสิทธิภาพ เขาคงลืมอ่านโพลไปในยุครัฐบาลนายเศรษฐ ทวีสิน และนางสาวแพทองธารชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นอกจาก 2 คนนี้ ตนก็เป็นลำดับ 2 พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้ลำดับ 2 เลย และตนได้ลำดับที่ 2 ก็ทิ้งลำดับที่ 3 ห่างด้วย ฉะนั้นเวลาพูดก็พูดไปเรื่อย คนไม่รู้เรื่องคิดอะไรไม่ได้ก็โทษโนโทษนี่ไปก่อน
แต่ของตนชัดเจน และหากห่วยจริง การที่ขอมหาดไทยคืนและย้ายตนไปอยู่สาธารณสุข ถ้าห่วยจริงไม่มีประสิทธิภาพจริง คนที่ขอให้ออกจากมหาดไทย ที่รับผิดชอบความมั่นคง จะเอาคนห่วยๆ ไปดูแลชีวิตประชาชนจะไม่ยิ่งหนักไปกว่าเดิมหรือ ฉะนั้นไม่ได้ห่วย เพราะท่านก็บอกว่าทำงานได้ดี ทุกคนก็ชม
เมื่อถามว่าคะแนนเต็ม 10 ให้ตัวเองเท่าไหร่ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ตอบก่อนจะหัวเราะ แล้วบอกว่า "เดี๋ยวหาว่าคุย"
ส่วนกรณีที่ น.ส.แพทองธาร แชร์โพสต์ไอจีสตอรี่ข่าวพร้อมข้อความ "เอ๊า หลังมีการเสนอข่าวต้องออกจากมหาดไทยเพราะไม่ให้สัญชาติ เบน สมิธ" ว่า ท่านรู้เรื่องดีหมด เวลาที่ที่คุยกัน ก็มีนายกฯอุ๊งอิ๊งค์ ทุกครั้ง และมี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นด้วย ก็อย่าลืมว่า ก็อย่าลืมว่าไม่ได้ถูกปลด และพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล
การที่มาบอกว่า ตนทำงานช้า มันจับโกหกได้หลายอย่าง เพราะคะแนนโพลตนก็มาที่ 2 ซึ่งดีแล้ว โชคดีที่ไม่มาที่ 1 ถ้าทำงานไม่ดีจริงก็คงไม่ปรับไปอยู่กับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งดูแลชีวิตของประชาชน การเอาคนไม่ได้เรื่องไปดูแลชีวิตประชาชนเท่ากับคนแต่งตั้งแย่ ตนจึงคิดว่าคนที่ออกมาให้สัมภาษณ์แบบนั้น รอให้คนที่อยู่ในการพูดคุยมาให้ข้อมูล ให้คนที่รู้เรื่องออกมาให้ข้อมูลดีกว่า ส่วนคนที่ไม่รู้เรื่องอย่าไปฟังเพราะเขามาไม่ถึง