โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

แนวรบ 'รักชาติ' เหตุการณ์ (เครียด) ไม่เปลี่ยนแปลง

มติชนสุดสัปดาห์

อัพเดต 14 พ.ย. เวลา 09.06 น. • เผยแพร่ 14 พ.ย. เวลา 09.06 น.

หากย้อนกลับไปมองการเกิดขึ้นของ “ปรากฏการณ์แม่ทัพกุ้ง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ฟีเวอร์” ช่วงก่อนเหตุการณ์ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา จะพบว่าปัจจัยส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัญหาฝั่งการเมือง

รัฐบาลในขณะนั้นอ่อนแอทางการเมืองอย่างหนัก ผลจากกรณีคลิปเสียงหลุด ทำให้ความชอบธรรมทางการเมืองของนายกฯ และคณะรัฐมนตรีต่อกรณีปัญหาไทย-กัมพูชา ติดลบอย่างหนัก

แทบไม่จำเป็นต้องพูดหรือทำอะไรใหญ่โต แม่ทัพภาคที่ 2 ก็ถูกยกให้เป็นฮีโร่โดยง่าย ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจในการนำแก้ปัญหา แถมรัฐบาลขณะนั้นปล่อยฟรีไฟเขียวให้ใช้อำนาจทางการทหารได้เต็มที่ชนิดไม่ต้องแตะเบรก

จึงไม่ต้องแปลกใจที่ลงท้าย ทหารจะสั่งปิดปราสาทจนนำมาสู่การปะทะลากยาวหลายวัน มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

หลังการปะทะไม่นาน แม้จะมีคำถามเล็กน้อยจากการปกปิดการสื่อสารกรณีปราสาทตาควาย จนสุดท้ายกองทัพยอมรับว่าสูญเสียให้กัมพูชา แต่โดยภาพรวมทหารยังคงสถานะความเป็น “ฮีโร่” ปกป้องแผ่นดินไทย

แม่ทัพกุ้ง พล.ท.บุญสินได้รับคำเชิญจากหลายภาคส่วน ออกบรรยายพูดปลุกใจเลือดรักชาติ ทั้งในมหาวิทยาลัยและโรงเรียน หลายสิบแห่งทั่วประเทศ

ขณะที่รัฐบาลเดิมต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะกรณีคลิปเสียง ส่วนสถานการณ์ความขัดแย้งของไทยกับกัมพูชาก็คลี่คลายมากขึ้น จากการเข้ามากดดันของชาติมหาอำนาจให้ต้องหยุดยิงและทำปฏิญญาสันติภาพระหว่างกัน

ด้านการต่างประเทศของไทยช่วงแรกก็เริ่มเดินเกมรุกในเวทีระหว่างประเทศ แม้แต่ฝากฝ่ายค้านยังช่วยเปิดเกมรุกดันปัญหาอาชญากรรมการหลอกลวงออนไลน์บนเวทีการเมืองโลก จนได้รับการโหวตเห็นชอบท่วมท้น

ผิดกับท่าทีของรัฐบาล กลับกลายเป็นว่าปัญหาเรื่องสแกมเมอร์และอาชญากรรมออนไลน์ได้รับการเปิดเผยข้อมูลจากสื่อต่างประเทศ พบเครือขายแก๊งสแกมเมอร์ที่ถูกบัญชีดำจากชาติตะวันตก มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบุคคลระดับสูงที่ยึดกุมอำนาจรัฐอยู่

ท้ายที่สุดรัฐมนตรี 1 คนที่มีชื่อเกี่ยวข้อง ให้ต้องลาออก

ปัญหาสแกมเมอร์กลายเป็นวาระที่กระทบเสถียรภาพรัฐบาลอย่างหนัก เกิดเป็นแก้วที่เริ่มร้าวส่งผลต่อเสถียรภาพภายในรัฐบาล ยิ่งนานวันคนยิ่งตั้งคำถามเรื่องการเข้ามาครอบงำครองอำนาจรัฐด้วยอิทธิพลทุนเทา

นานาชาติต่างเปิดปฏิบัติการเอาผิดทุนเทา อายัดทรัพย์สินมหาศาล ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐฯ เกาหลีใต้ อังกฤษ สิงคโปร์ ไต้หวัน ในรอบไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

ผิดกับประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศมีพรมแดนติดกับที่ตั้งศูนย์สแกมเมอร์หลอกลวงออนไลน์ และกลายเป็นแหล่งฟอกเงินของทุนเทา มีการใช้ทุนเทาเป็นเครื่องมือเข้าสู่อำนาจรัฐ

มีเพียงการจัดงานพอเป็นพิธีว่าจะปราบสแกมเมอร์ พยายามจะออกแอ๊กชั่นอยู่บ้าง แต่ภาพรวมก็ยังไร้ผลการปฏิบัติที่เป็นจริงเป็นจัง

จึงไม่ต้องแปลกใจ หากคนจำนวนมากจะไม่เชื่อว่ารัฐบาลไทยจะทำสำเร็จ

ท่ามกลางกระแสกดดันอย่างหนักต่อรัฐบาล ฝั่งแม่ทัพกุ้ง พล.ท.บุญสิน ในฐานะอดีตแม่ทัพภาค 2 ยังคงเดินสายบรรยายปลุกใจรักชาติตามปกติ จู่ๆ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาดันทิ้งบอมบ์ เล่าว่าช่วงวันแรกที่เกิดการปะทะ ไม่กี่ชั่วโมงที่เสียงปืนดัง ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาว่าให้หยุดยิง แต่ตัวเองไม่หยุด

ทั้งยังบอกว่าภูมิใจที่กัมพูชายิงกระสุนนัดแรกใส่เรา เพราะจะได้ตอบโต้กลับเสียที รอโอกาสนี้มานาน

นับว่าเป็นสปีชที่หากออกมาในช่วงกลางปี คงจะเสริมภาพลักษณ์ให้แม่ทัพกุ้งดูเป็นซูเปอร์ฮีโร่มากขึ้นไปอีก แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน บริบทการเมืองเปลี่ยน การทิ้งบอมบ์รอบนี้ของแม่ทัพกุ้ง ผลลัพธ์กลับไม่เหมือนเดิม

เพราะสังคมตั้งคำถามกลับว่าผู้มีอำนาจที่สั่งการคนนั้นคือใคร

วันต่อมาที่ พล.ท.บุญสินให้สัมภาษณ์สื่อที่พยายามซักถาม ข้อมูลกลับพลิกไปมาเปลี่ยนเป็นไม่มีใครสั่ง สร้างความมึนงงให้สังคม

แม้ กมธ.ทหาร ของวุฒิสภาจะพยายามเชิญแม่ทัพกุ้งไปพูดเรื่องนี้ เจ้าตัวก็ปฏิเสธ ปล่อยให้เรื่องราวค้างคา และขอให้สังคมลืมๆ ไป นำมาสู่การตั้งคำถามเรื่องบทบาทของผู้นำทหารกับการพูดเรื่องประเด็นการเมือง

สปีชรอบนี้ของแม่ทัพกุ้ง ผลลัพธ์จึงไม่ได้เป็นแบบช่วง “แม่ทัพกุ้งฟีเวอร์”

เช่นเดียวกับท่าทีของรัฐบาล

หลังเกิดเหตุทหารบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิด นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย สวมชุด อส.เต็มยศ ลงพื้นที่เยี่ยมผู้บาดเจ็บ

ปรากฏภาพนายกฯ น้ำตาไหล พร้อมเดินทางขึ้นภูมะเขือหนึ่งในสมรภูมิสู้รบดุเดือดเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ประกาศลั่นต่อจากนี้ไม่มีแล้วสันติภาพ ทหารพร้อมรบ

เหตุการณ์เช่นนี้หากเกิดในช่วงกลางปีที่ผ่านมา คงได้ใจประชาชนคล้ายๆ กับ “แม่ทัพกุ้งฟีเวอร์” แต่สิ่งที่เกิดขึ้นรอบนี้ต่างออกไป

ผลจากความไม่ไว้วางใจรัฐบาลจากการตอบโต้เรื่องทุนเทา สแกมเมอร์ อาชญากรรมออนไลน์จากกัมพูชาอย่างเชื่องช้า ทั้งยังพบปัญหาการเชื่อมโยงกับนักการเมืองไทยระดับสูง ทำให้ “ความเชื่อใจ” ต่อการแก้ปัญหาความขัดแย้งครั้งนี้ของรัฐบาลลดต่ำลง

การลงพื้นที่พร้อมแสดงท่าทีขึงขัง ฉีกปฏิญญาสันติภาพ หากอยู่ในบริบทเดิมอาจได้รับซีนฮีโร่ แต่รอบนี้กลายเป็นยิ่งถูกตั้งคำถามว่า ท่าทีต่างๆ นั้นมีเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นอะไรหรือไม่

หรืออาจจะมีอะไรในกอไผ่?

ยิ่งบอกว่าต่อจากนี้จะไม่สนใจเรื่องกำแพงภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ ถ้าขายประเทศนี้ไม่ได้ก็จะไปหาตลาดขายที่อื่น การยื่นคำขาดจะไม่กลับสู่โต๊ะเจรจาอีก นอกจากไม่ได้ช่วยเสริมหล่อ ยังถูกตั้งคำถามจากนักวิชาการว่า เสี่ยงจะพาประเทศเข้ารกเขาพงไปกันใหญ่ เศรษฐกิจเสียหาย

เพราะต่อให้เราไม่ชอบท่าทีของประเทศเพื่อนบ้าน แต่คำพูดว่า “สันติภาพจบแล้ว” ก็ควรเป็นคำพูดที่ออกจากปากผู้นำประเทศเป็นคนท้าย มิใช่คนแรก

แน่นอนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจากการก่อเหตุของกัมพูชา ต้องได้รับการตรวจสอบและต้องได้รับการตอบโต้อย่างเป็นเหตุเป็นผล แต่ผู้นำประเทศก็ไม่ควรแสดงให้เห็นถึงการลดทอนทางเลือกในการแก้ปัญหาให้เหลือแต่เพียงการใช้กำลัง หรือการทำสงคราม

เมื่อพิสูจน์ได้ชัดเจนว่าถูกโจมตีมา ก็มีสิทธิต่อสู้กลับตามหลักสากล พร้อมๆ กันนั้นยังสามารถใช้วิธีที่อารยประเทศที่มีมาตรฐานการเมืองระดับสูงพึงปฏิบัติ อย่ามองว่าการใช้กำลังทหารคือวิธีการเดียว

มันมีวิธีทางการเมือง การสื่อสาร วิธีทางเศรษฐกิจ การต่างประเทศ ในการต่อสู้ ต่อรอง กดดัน และตอบโต้

แม้แต่ใช้การเมืองในประเทศในการจัดการกลุ่มทุนเทาและผลประโยชน์แก๊งสแกมเมอร์ในไทยที่เชื่อมโยงกับกัมพูชา เพราะรู้กันดีว่ากลุ่มทุนเทาเหล่านี้เป็นผู้สนับสนุนสำคัญของผู้มีอำนาจรัฐกัมพูชา ก็นับเป็นการตอบโต้ที่ดีและเป็นประโยชน์กับคนไทย สามารถทำได้ไปพร้อมกัน

เพราะท้ายที่สุด ประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศรอบ 1 ทศวรรษที่ผ่านมาบอกเราเบื้องต้นว่า ยังไงปัญหาเรื่องเส้นเขตแดนก็ต้องแก้ด้วยวิธีการเจรจาพูดคุย ต้องอยู่บนหลักไม่มีฝ่ายใดได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ฝ่ายเดียว

ที่จริงวิธีตัดสินเรื่องปัญหาเส้นเขตแดนในปัจจุบันก็ไม่ได้ยาก เรามีวิทยาการที่เป็นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีช่วยในการตัดสิน กรมแผนที่ทหารก็มีความชำนาญและเข้าใจเรื่องนี้ดี

เส้นเขตแดนไม่ได้ตัดสินกันด้วยกำลังแบบยุครัฐโบราณอีกแล้ว หรือการจะไปยกเลิก MOU ที่ปูทางหลักการพูดคุยที่ถูกต้องไว้ ก็ยิ่งทำให้กลไกแก้ปัญหาชายแดน ถอยหลังลงคลองไปอีก

หากเราเปลี่ยนฝ่ายผลีผลามใช้กำลัง โดยไม่มีความชอบธรรม ยิ่งเข้าทางกัมพูชาในการนำกรณีพิพาทขึ้นศาลโลก ซ้ำนานาชาติยังมองไทยว่าเป็นรุกรานเสียอีก การสร้างความชอบธรรมบนเวทีการเมืองระหว่างประเทศจึงสำคัญ

ซึ่งจะสร้างความชอบธรรมได้ ผู้นำทางการเมืองและการทหารของไทยก็ต้องอดทน และฉลาดในการเปิดเกมรุกอย่างรอบด้าน กวาดล้างปัญหาในประเทศ สร้างพันธมิตรระหว่างประเทศกดดัน

มิใช่เพียงปลุกกระแสรักชาติ และเปิดไพ่โชว์ชาวโลกว่าเราถนัดแค่ด้านการใช้กำลัง!

ถ้ายังใช้วิธีเดิม สร้างแนวรบกันแบบเดิมๆ
เหตุการณ์เครียดๆ ก็จะเกิดขึ้นแบบเดิมๆ ซ้ำๆ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : แนวรบ ‘รักชาติ’ เหตุการณ์ (เครียด) ไม่เปลี่ยนแปลง

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th/weekly

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...