โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

แฟชั่น บิวตี้

แก้ปัญหาหน้าโทรม ใต้ตาคล้ำ ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อย่างไรให้ปลอดภัย

INN News

อัพเดต 12 ส.ค. เวลา 17.47 น. • เผยแพร่ 12 ส.ค. เวลา 10.47 น. • INN News

ตื่นมาก็ยังดูโทรม ทั้งที่นอนเต็มอิ่ม? ปัญหาใต้ตาคล้ำ ตาโหล หน้าเหนื่อยล้า อาจไม่ได้มาจากการพักผ่อนน้อยเท่านั้น แต่อาจเกี่ยวกับโครงสร้างใบหน้าหรือผิวที่บางลงตามวัย ข่าวดีคือ คุณไม่จำเป็นต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นนาน เพราะการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคือหัตถการที่ช่วยให้ใบหน้ากลับมาสดใส ดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติทันทีหลังทำ

บทความนี้จะพาคุณรู้ทุกอย่างที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ ไม่ว่าจะคืออะไร ปลอดภัยไหม อยู่ได้นานแค่ไหน ดูแลยังไง และเลือกคลินิกยังไงให้มั่นใจ

ฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร? ทำไมใครๆ ก็เลือกใช้แก้หน้าโทรม

ฟิลเลอร์ใต้ตา คือการฉีดสารประเภท Hyaluronic Acid (HA) เข้าไปที่บริเวณใต้ตา ที่มีปัญหา เช่น ร่องลึก, ความดำคล้ำ, เหี่ยวย่นหรือผิวบาง เพื่อให้ดูเรียบเนียน สดใส และอ่อนเยาว์ขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ

จุดที่นิยมฉีด

  • ร่องน้ำตา (Tear Trough)- บริเวณที่เป็นร่องลึกจากหัวตาไปถึงใต้ตา
  • ใต้ตาคล้ำ/ใต้ตาดำ - ช่วยลดความหมองคล้ำจากเงาของร่องลึก
  • บริเวณผิวบางใต้ตา- เติมความชุ่มชื้นให้ผิวดูอิ่มฟูขึ้น
  • บริเวณถุงใต้ตา- เติมเต็มผิวใต้ต้าที่เกิดถุงหย่อนยานให้กระชับและตื้นขึ้น

ทำไมถึงฮิต?

  • ใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 15–30 นาที
  • ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตต่อได้เลย
  • ผลลัพธ์เห็นทันทีหลังฉีด
  • ไม่ต้องผ่าตัด และสามารถปรับแก้ได้หากไม่พอใจ
  • ช่วยให้หน้าดูสดชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยไม่ดูปลอม

ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา?

ฟิลเลอร์ใต้ตาไม่ใช่แค่สำหรับคนอายุเยอะเท่านั้น จริงๆ แล้วมันเหมาะกับหลายคนที่มีปัญหาเหล่านี้

  • มีร่องลึกใต้ตา

ร่องลึกที่เกิดจากการยุบตัวของกระดูก หรือการสูญเสียชั้นผิวที่เคยหนาจากอายุที่มากขึ้น จนทำให้หน้าดูเหนื่อย โทรม ไม่สดใส และแก่กว่าวัยอันควร

  • ใต้ตาคล้ำจากร่องลึก

เป็นใต้ตาคล้ำจากการยุบตัวของกระดูกเบ้าตา ที่ไม่ใช่สีเม็ดสีหรือเส้นเลือดทำให้คล้ำ

  • ผิวใต้ตาบาง

จนทำให้เห็นโครงกระดูกหรือรอยแดงชัดเจน ซึ่งทำให้หน้าดูโทรม ไม่สดใส

  • อยากปรับลุคให้ดูสดใสขึ้นแบบธรรมชาติ

หลายครั้งที่ภาพหน้าโดยรวมในแต่ละวันโทรมมาก ๆ ไม่ว่าจะอายุที่มากขึ้น หรือมลภาวะ ความเครียด การพักผ่อนน้อย ตรงจุดนี้แหละที่ฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถช่วยเติมเต็มกลบความโทรมอวดความสดใสให้ใบหน้าได้

  • ไม่มีเวลาพักฟื้นนาน และไม่ต้องการผ่าตัด

ยุคนี้ ๆ ใคร ๆ ก็อยากสวยหล่อไว ๆ แข่งกับเวลาอันเร่งรีบ ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ตอบโจทย์มาก โดยเฉพาะคนที่ไม่มีเวลาพักฟื้น และกลัวเจ็บจากการผ่าตัดศัลยกรรม

ฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานแค่ไหน? ต้องเติมบ่อยไหม?

โดยทั่วไป ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อมาตรฐาน จะอยู่ได้นานประมาณ 8 เดือน – 1.5 ปี ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยดังนี้

  • ยี่ห้อของฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ยอดนิยมใช้ในไทย เช่น Restylane, Juvederm, Belotero ล้วนได้มาตรฐานและมีหลายรุ่นให้เลือกตามคุณสมบัติของเนื้อฟิลเลอร์ หากเลือกชนิดที่เหมาะกับใต้ตา จะให้ผลลัพธ์ที่เนียนเป็นธรรมชาติ และปลอดภัยกับบริเวณรอบดวงตา

  • เทคนิคของแพทย์

การฉีดลึกหรือฉีดตื้นก็ส่งผลต่อการสลายได้เช่นกัน ดังนั้นควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ สามารถประเมินปัญหา เลือกยี่ห้อ เลือกปริมาณ และตำแหน่งในการฉีดที่แม่นยำที่สุด

  • ระบบเผาผลาญของแต่ละคน

บางคนฟิลเลอร์สลายเร็วเพราะร่างกายย่อย HA ได้ไวกว่าคนอื่น แต่โดยรวมแล้วไม่ใช่ปัญหาหลัก ร่างกายคนเรามีกลไกการย่อยสลายไม่เร็วจนถือว่าไม่คุ้มค่าต่อการฉีดขนาดนั้นหรอก

  • การดูแลหลังฉีด

เช่น หลีกเลี่ยงความร้อน การนวด การกดทับ ดื่มน้ำเยอะ ๆ ก็จะช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้เต็มประสิทธิภาพ

ต้องเติมบ่อยไหม?

  • ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องเติมบ่อย

  • แนะนำให้รอดูผลหลัง 1 เดือนแรก หากต้องปรับเพิ่ม แพทย์จะประเมินให้อย่างพอดี

  • เมื่อเริ่มจางหรือยุบลง สามารถเติมซ้ำได้ โดยไม่จำเป็นต้องฉีดใหม่ทั้งหมด

ผลข้างเคียงมีไหม? ทำยังไงให้ปลอดภัย

แม้ฟิลเลอร์ใต้ตาจะถือว่าเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและไม่ต้องผ่าตัด แต่ก็ยังมีความเสี่ยงเล็กน้อยที่ควรเข้าใจไว้ก่อนตัดสินใจ เพื่อความสบายใจและปลอดภัยในระยะยาว

อาการข้างเคียงที่อาจพบได้

  • บวม ช้ำเล็กน้อยหลังฉีด พบได้ทั่วไป และจะหายได้เองภายใน 3–7 วัน
  • อาการตึง หรือรู้สึกแน่นใต้ตาชั่วคราว
  • ผิวเป็นคลื่น ไม่เรียบ มักเกิดจากเทคนิคการฉีด

ในกรณีที่ร้ายแรงพบได้น้อยมาก เช่น หากฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดโดยตรง อาจส่งผลให้เส้นเลือดอุดตัน ซึ่งในกรณีรุนแรงอาจนำไปสู่การตาบอดถาวร ดังนั้นแพทย์ต้องมีความรู้เรื่องกายวิภาคใบหน้าอย่างแม่นยำ

ฟิลเลอร์ใต้ตาแบบไหน เหมาะกับคุณ?

ไม่ใช่ทุกยี่ห้อของฟิลเลอร์จะเหมาะกับใต้ตา เพราะผิวบริเวณนี้บางและอ่อนไหวกว่าจุดอื่น ดังนั้นต้องเลือกชนิดที่มีเนื้อละเอียด ไหลตัวดี ไม่จับเป็นก้อน และไม่ฟูเกินไป

ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่นิยมใช้ฉีดใต้ตา

  • Restylane รุ่น Vital Light / รุ่น Eyelight

เป็นฟิลเลอร์เนื้อบางเบา กลืนไปกับผิวที่บอบบางอย่างผิวใต้ตา ทำให้ฉีดออกมาดูเป็นธรรมชาติ

  • Juvederm รุ่น Volbella

มีลักษณะเนื้อเนียน ละเอียด เหมาะกับผิวบาง หรือคนที่มีปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ น้อย ๆ บริเวณรอบดวงตา

  • Belotero รุ่น Soft

ถือว่าเป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อละเอียด กระจายตัวดี เวลาฉีดใต้ตาสามารถลดโอกาสเป็นก้อน หรือเป็นคลื่นได้ดี

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เตรียมตัวยังไงดี?

การเตรียมตัวเล็กน้อยก่อนฉีดฟิลเลอร์ ช่วยลดโอกาสบวม ช้ำ และทำให้ผลลัพธ์ดูเนียนสวยขึ้นแบบที่มือใหม่ไม่เคยฉีดมาก่อนก็ทำได้ง่าย ๆ

ข้อควรทำ

  • พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6- 8 ชั่วโมง
  • ให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้น

ข้อควรเลี่ยง

  • งดทำเลเซอร์/ทรีตเมนต์ร้อนก่อนฉีด
  • งดวิตามินบางชนิดที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดอย่างเช่น วิตามินอี, น้ำมันปลา, แปะก๊วย และยาแก้อักเสบบางชนิด เช่น แอสไพริน ประมาณ 3–7 วันก่อนฉีด
  • งดเครื่องแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง เพื่อไม่ไปรบกวนกระบวนการเติมเต็ม และลดอาการบวมน้ำที่ทำให้ฟิลเลอร์ยุบตัวช้าลง
  • งดแต่งหน้าหนา ๆ ก่อนเข้าห้องหัตถการ

ดูแลตัวเองยังไงหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ให้เข้าที่เร็ว ไม่บวม ไม่เป็นก้อน

โดยปกติแล้วผลลัพธ์จะเข้าที่จริง ๆ ภายใน 7–14 วัน ฉะนั้นอย่าเพิ่งใจร้อน ตัดสินตั้งแต่วันแรก ๆ และควรดูแลตัวเองให้ดี เพื่อผลลัพธ์ที่เห็นชัดไวขึ้น แถมยังช่วยลดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ได้ด้วย

  • ประคบเย็นเบา ๆ บริเวณที่ฉีดภายใน 24 ชั่วโมงแรก
  • ดื่มน้ำเยอะ ๆ ช่วยให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวดี
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ห้ามนวด กด หรือเกาใต้ตาในช่วง 1 สัปดาห์แรก
  • หลีกเลี่ยงห้องซาวน่า ความร้อนจัด หรือออกกำลังกายหนัก
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1–3 วัน

เลือกคลินิกยังไงให้มั่นใจ ปลอดภัย และคุ้มค่า

ใต้ตาเป็นจุดที่บอบบางและมีเส้นเลือดเยอะมากนะ ฉะนั้นการฉีดฟิลเลอร์บริเวณนี้ไม่ควรพิจารณาแค่ราคาอย่างเดียว จะต้องดูปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย โดยเฉพาะการตรวจสอบคลินิกและแพทย์ให้มั่นใจก่อนตัดสินใจ

  • เลือกฉีดกับคลินิกที่มีใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข หรือตรวจสอบใบอนุญาต 11 หลักติดที่หน้าคลินิกทุกครั้งก่อนเข้าบริการ
  • เลือกฉีดกับแพทย์ที่จบเฉพาะทาง หรือมีประสบการณ์ด้านฟิลเลอร์มานาน
  • ใช้ฟิลเลอร์แท้ มีฉลาก อย. และก่อนฉีดทางคลินิกควรเปิดกล่องให้ดูต่อหน้า
  • มีรีวิวจริงจากผู้ใช้บริการ ควรดูทั้งรีวิวดี และรีวิวกลาง ๆ ที่จริงใจประกอบการตัดสินใจ
  • เลือกคลินิกที่ไม่เร่งขาย ไม่บีบให้ฉีดเยอะ ไม่พวงโปรโมชั่น และถามอะไรตอบได้ชัดเจน ตรงไปตรงมา

ตอบทุกคำถามยอดฮิตเรื่องฟิลเลอร์ใต้ตา

Q: ฟิลเลอร์ใต้ตาจะดูโป๊ะไหม? คนอื่นจะรู้ไหมว่าฉีดมา?

A: ถ้าทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และเลือกชนิดฟิลเลอร์ที่เหมาะสม จะดูเป็นธรรมชาติจนไม่มีใครรู้ ว่าคุณทำอะไรมา แค่จะดูสดใสขึ้นเหมือนคนพักผ่อนเพียงพอ

Q: ฉีดแล้วเจ็บไหม?

A: ส่วนใหญ่เจ็บเพียงเล็กน้อยตอนเข็มแรก ๆ เพราะมีการใช้ยาชาหรือเข็มปลายทู่ช่วยลดความเจ็บ

Q: ต้องใช้กี่ CC ถึงจะเห็นผล?

A: ขึ้นอยู่กับระดับร่องลึกและโครงสร้างผิว ส่วนมากเริ่มที่ 1 CC ก็เพียงพอในเคสทั่วไป และบางคนอาจต้องเติมเพิ่มเล็กน้อย แต่ทั้งหมดต้องอยู่ในการประเมินของแพทย์เจ้าของเคส

Q: ฟิลเลอร์สลายหมดแล้วหน้าจะเหี่ยวกว่าเดิมไหม?

A: ไม่เหี่ยว เพราะฟิลเลอร์จะค่อยๆ สลายอย่างเป็นธรรมชาติ และ ไม่ทำให้ผิวแย่ลง อีกอย่าง Hyaluronic Acid ยังช่วยให้ผิวชุ่มชื้นด้วยซ้ำ

Q: ทำไมบางคนฉีดแล้วบวม หรือดูเป็นก้อน?

A: สาเหตุหลักมักเกิดจากการฉีดผิดเทคนิค ใช้ฟิลเลอร์ผิดชนิด หรือฉีดในปริมาณมากเกินความจำเป็น เพราะฉะนั้นการเลือกแพทย์คือหัวใจของผลลัพธ์ที่ดี

สรุป ฟิลเลอร์ใต้ตา ไม่ใช่แค่เรื่องความงาม แต่มันสร้างความมั่นใจบนใบหน้าที่เห็นได้อย่างชัดเจน

ฟิลเลอร์ใต้ตาไม่ใช่ทางลัดความสวยที่เติมเพียงตำแหน่งเดียวแล้วจะเปลี่ยนทุกอย่าง แต่เป็นตัวช่วยสำหรับคนที่รู้สึกว่าอยากให้ใบหน้าโดยรวมดูสดใสขึ้น มีมิติขึ้น ลดความโทรม กลบความแก่ออกไป หรือสร้างความมั่นใจในวันที่ส่องกระจกแล้วรู้สึกว่าเราดูดีขึ้นนิดนึงนะแค่นั้นเลย และไม่ว่าคุณจะตัดสินใจทำหรือไม่ทำ เราเชื่อว่าการมีข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับบริการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานี้ จะช่วยให้คุณเลือกในแบบที่มั่นใจ และสบายใจกับตัวเองมากที่สุด

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...