โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

กต.แจงไทยดำเนินการ 3 ข้อ กรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด ภายใต้อนุสัญญาออตตาวา

ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

อัพเดต 10 ส.ค. เวลา 13.33 น. • เผยแพร่ 10 ส.ค. เวลา 13.33 น. • Tum1

(10 ส.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงต่างประเทศ เผยแพร่การดำเนินการ กรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล-อนุสัญญาออตตาวา โดยระบุว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 ก.ค.68 , วันที่ 23 ก.ค.68 และวันที่ 9 ส.ค.68 กองกำลังทหารไทย รวม 11 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากการเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่วางใหม่โดยกองกำลังทหารกัมพูชา ในบริเวณช่องบก - ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี และช่องโดนเอาว์-กฤษณา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตามลำดับนั้น

กระทรวงการต่างประเทศ ได้ดำเนินการภายใต้กรอบอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention: APMBC) หรืออนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Convention) เพื่อตอบโต้กัมพูชา ดังนี้

1.) เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา มีหนังสือถึงประธานการประชุมรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 22 จำนวน 3 ฉบับ ดังนี้

-หนังสือฉบับแรก (ลงวันที่ 23 ก.ค.68) ไทยร้องเรียนกัมพูชาละเมิดพันธกรณีข้อ 1 ของอนุสัญญาฯ (ห้ามใช้หรือสะสมทุ่นระเบิดสังหารบุคคล) ที่บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นเส้นทางลาดตระเวนปกติของทหารไทย โดยผลการตรวจสอบโดยหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทย พบว่า ทุ่นระเบิดที่ทหารไทยเหยียบเป็นทุ่นระเบิด ที่ถูกวางใหม่ และเป็นทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ซึ่งกัมพูชาครอบครอง ฝ่ายไทยขอให้ประธาน อนุสัญญาฯ เวียนหนังสือแจ้งรัฐภาคีอื่นๆ เพื่อทราบต่อการละเมิดอนุสัญญาฯ ของฝ่ายกัมพูชา

-หนังสือฉบับที่สอง (ลงวันที่ 24 ก.ค.68) ไทยร้องเรียนกัมพูชาละเมิดพันธกรณีของอนุสัญญาฯ ที่บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี และแจ้งว่า เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 เวลา 20 น. กัมพูชาได้กระทำการอันเป็นการรุกรานอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย โดยได้โจมตีมายังฝั่งไทยอย่างไม่แยกแยะระหว่างพลรบและพลเรือน ซึ่งส่งผลกระทบทางมนุษยธรรมและขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้ง กฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และขอให้ประธานอนุสัญญาฯ เวียนหนังสือถึงรัฐภาคีอื่นๆ เพื่อทราบต่อการละเมิดอนุสัญญาฯ ของฝ่ายกัมพูชา

-หนังสือฉบับที่ 3 (ลงวันที่ 9 ส.ค.68) ไทยร้องเรียนการละเมิดพันธกรณีของกัมพูชา ในพื้นที่บริเวณช่องโดนเอาว์-กฤษณา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้มีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเรียบร้อยแล้ว และจากการตรวจสอบหลักฐาน พบว่า เป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ ซึ่งถือว่า เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นเพียง 2 วัน หลังจากการประชุม Extraordinary General Border Committee (GBC) Meeting ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งในการประชุมฯ ฝ่ายไทยได้เสนอให้ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมกันตามที่นายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศได้ตกลงกันไว้ แต่กัมพูชาปฏิเสธ และขอให้ประธานอนุสัญญาฯ เวียนหนังสือแจ้งรัฐภาคีอื่นๆ เพื่อทราบต่อการละเมิดอนุสัญญาฯ ของฝ่ายกัมพูชา

2.) เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก มีหนังสือลงวันที่ 24 ก.ค.68 ถึงเลขาธิการสหประชาชาติขอรับความชัดเจน (request for clarification) จากฝ่ายกัมพูชาต่อการกระทำที่เป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งเป็นการดำเนินการตามกระบวนการการเรียกร้องให้รัฐภาคี ปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาออตาวา ตามข้อ 8 วรรค 2 ของอนุสัญญาฯ ซึ่งระบุว่า "รัฐภาคีสามารถขอความชัดเจนและขอให้แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพันธกรณีของอนุสัญญาฯ ของอีกรัฐสมาชิกหนึ่งผ่านเลขาธิการสหประชาชาติ" โดยกัมพูชามีพันธกรณีที่จะต้องส่งข้อมูลและคำชี้แจงต่อฝ่ายไทย ผ่านเลขาธิการสหประชาชาติ

3.) เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา และเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ยังได้เข้าพบประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 22 และเลขาธิการสหประชาชาติ รวมถึงผู้แทนระดับสูงของรัฐภาคีต่างๆ ของอนุสัญญาฯ ตลอดจนองค์กรภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอให้ดำเนินการต่อการละเมิดพันธกรณีของกัมพูชา และชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมการการปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ ของกรอบอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง

อนึ่ง อนุสัญญาออตตาวา ห้ามรัฐภาคีใช้ สะสม ผลิต หรือเคลื่อนย้าย ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล รวมทั้งให้ทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคลตามที่ระบุในอนุสัญญาฯ โดยปัจจุบัน มีสมาชิก 165 ประเทศ ซึ่งไทยเข้าเป็นภาคีในปี 2542 (เป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) และได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังอาวุธหมดสิ้นเมื่อปี 2546 และทำลายทุ่นระเบิดส่วนที่เก็บไว้เพื่อการวิจัยและอบรมหมดสิ้นในปี 2562 ขณะที่กัมพูชาเข้าเป็นภาคี ในปี 2543 และยังคงมีทุ่นระเบิดที่เก็บไว้สำหรับการวิจัยและอบรม รวมถึงทุ่นระเบิดประเภท PMN-2

- ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน -

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...