โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

แรงงานกัมพูชาในเมืองพัทยา วอนผู้นำประเทศหยุดกดดันให้ออกจากไทยด้วยคำขู่ยึดบ้าน-ถอนสัญชาติ

Manager Online

เผยแพร่ 10 ส.ค. เวลา 13.36 น. • MGR Online

ศูนย์ข่าวศรีราชา – แรงงานชาวกัมพูชาในเมืองพัทยา วอนผู้นำประเทศหยุดกดดันพลเรือนของตัวเองให้เดินทางกลับบ้านด้วยการข่มขู่ยึดบ้าน – ถอนสัญชาติ เผยกลับไปก็ไม่มีงานทำ ไม่มีเงินใช้หนี้ ขณะผู้ประกอบการไทย วอนผู้นำทั้ง 2 ประเทศคำนึงถึงประโยชน์ชาติมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว

จากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณแนวชายแดนไทย – กัมพูชาที่ขณะนี้ยังไม่มีที่ท่าว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย แม้ตัวแทนรัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศจะมีการจัดทำข้อตกลง “หยุดยิง”ร่วมกัน รวมทั้งแนวทางการปฏิบัติ 13 ข้อเพื่อให้เกิดสันติระหว่างการประชุม GBC ที่ประเทศมาเลเซีย แต่ก็ดูเหมือนว่ายังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ทั้งกับหน่วยงานทหาร และประชาชนชาวไทยที่ยังพบพฤติกรรมการก่อกวนบริเวณแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง

ไม่เว้นแม้แต่แรงงานชาวกัมพูชา ที่เข้ามารับจ้างทำงานในประเทศไทยได้ ที่ในวันนี้ยังคงทยอยขนข้าวของเดินทางกลับประเทศ เนื่องจากเกรงขำขู่ถอดสัญชาติ ยึดบ้าน-ยึดที่ดิน ของผู้นำกัมพูชา จนทำให้ภาคธุรกิจของไทยที่ต้องใช้แรงงานกัมพูชาพลอยได้รับผลกระทบไปด้วยนั้น

วันนี้ ( 10 ส.ค. ) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจไซด์งานก่อสร้างบ้านหรู มูลค่าขายต่อหลังมากกว่า 30 ล้านบาทใน ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ที่เคยมีแรงงานกัมพูชาเข้ามาทำงานเป็นจำนวนมาก พบว่าขณะนี้เหลือแรงงานชาวกัมพูชาอยู่ไม่กี่คน และส่วนใหญ่เลือกที่จะเดินทางกลับประเทศ

โดยนายชิติพัทธ์ จั่นทอง อายุ 55 ปี อดีตนักฟุตบอลสโมสรราชนาวี ที่ได้ผันตัวไปประกอบอาชีพเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง บอกว่าค่อนข้างที่จะได้รับผลกระทบจากปัญหาแรงงานกัมพูชาที่เดินทางกลับประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาตนเองพยายามที่จะเหนี่ยวรั้งแรงงานเหล่านี้ให้อยู่ช่วยทำงานให้แล้วเสร็จ แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะแรงงานกัมพูชาได้รับข้อมูลจากญาติว่า หากไม่กลับจะถูกยึดบ้านและที่ดิน รวมทั้งยึดพาสปอร์ต

และยังได้รับข้อมูลจากญาติของตนเองอีกว่า หากต่อไปไม่มีสถานกงสุลกัมพูชาในประเทศไทยแล้วจะทำให้ชาวกัมพูชาถูกคนไทยทำร้าย เช่นเดียวกับอีกหลายข้อมูลที่แรงงานเขมรซึ่งทำงานในประเทศไทย ได้รับจากญาติในกัมพูชา

“ พอเป็นแบบนี้กลุ่มแรงงานกัมพูชาก็เริ่มกลัว และมีความกังวลพากันลาออกและเก็บข้าวของเดินทางกลับประเทศไปจนเกือบหมด วันนี้จึงเหลือแรงงานที่ยังทำงานอยู่ด้วยเพียง 7-8 คนเท่านั้น ซึ่งตัวเองทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมาเป็นนานหลาย 10 ปี ครั้งนี้ถือว่าได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากที่สุด”

ส่วนสาเหตุที่ต้องใช้แรงงานกัมพูชาเพราะค่อนข้างมีฝีมือในงานก่อสร้าง โดยยก่อนหน้านี้ที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่สงบแรงงาน เหล่านี้ยังคงทำงานตามปกติ แต่เมื่อเกิดสถานการณ์การสื่อสารข้อมูลในประเทศไทยและกัมพูชาที่มีความต่างกันอย่างสิ้นเชิง แรงงานเจึงต้องการที่จะเดินทางกลับบ้าน

“ อยากฝากไปถึงอดีตผู้นำประเทศกัมพูชา อย่าง สมเด็จฮุน เซน ขอให้มองที่ประชากรของตัวเองเป็นสำคัญมากกว่าธุรกิจส่วนตัว และไม่ควรที่จะมีการกดดันให้ประชากรของตนเองเดินทางกลับประเทศ ส่วนผู้นำของไทย ก็ควรที่จะแนวทางแก้ไขปัญหา ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ และอยากให้มองที่ผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญเช่นกัน ” นายชิติพัทธ์ กล่าว

เช่นเดียวกับ นายดำ อายุ 40 ปี หนึ่งในคนงานก่อสร้างชาวกัมพูชาที่ยังคงทำงานอยู่ในประเทศไทยที่บอกว่า ตนเองเข้ามาทำงานอยู่ในประเทศไทยนานกว่า 5 ปีแล้ว และเมื่อเกิดการปะทะกันตามแนวชายแดนยอมรับว่ากลัวมาก เพราะครอบครัวของตนเองอาศัยอยู่ติดกับชายแดนไทย-กัมพูชา โดยกลัวบ้านจะถูกกระสุนปืน

และยังบอกอีกว่าขณะนี้เพื่อนร่วมสัญชาติเดียวกันได้เดินทางกลับประเทศไปจำนวนมากแล้วเพราะกังวลเรื่องกระแสข่าวถูกยึดที่ดินและบ้าน และบางส่วนก็กลัวจะถูกคนไทยทำร้าย

“ สาเหตุที่เลือกไม่เดินทางกลับประเทศเพราะส่วนหนึ่งนายจ้างขอร้องให้อยู่ช่วยงาน และอีกส่วนหนึ่งคือหากกลับไปแล้วไม่มีงานทำก็ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนใช้หนี้ สุดท้ายก็ไม่อยากให้เกิดสงครามและอยากให้ประเทศไทยและประเทศกัมพูชา กลับมาดีกันเหมือนเดิม” นายดำ กล่าว

เช่นเดียวกับ นายตา อายุ 34 ปี ชาวกัมพูชา ที่ทำงานในอู่ต่อเรือสปีดโบ๊ทในเมืองพัทยา ที่บอกว่าก่อนหน้าตนเองก็ถูกเพื่อนชาวกัมพูชาชักชวนให้กลับบ้าน เพราะเกรงว่าอยู่ไปก็จะไม่ปลอดภัย แต่เนื่องจากที่ผ่านมาตนเองได้รับการดูแลจากเจ้านายเป็นอย่างดีและให้คำปรึกษามาโดยตลอด

ที่สำคัญ รัฐบาลไทย ให้เกียรติชาวเขมรที่ทำงานในประเทศไทย จึงตัดสินใจไม่กลับและเลือกที่จะไม่ดูข่าวในประเทศของตัวเอง เพราะหากดูแล้วก็จะเกิดความเครียด สุดท้ายก็จะอยากเดินทางกลับบ้าน

“ อยากฝากถึงชาวเขมรว่า อย่างเกลียดชังคนไทยหรือไปหาเรื่องคนไทยก่อน เพราะประเทศไทยยังมีที่ที่ปลอดภัย อีกทั้งไม่อยากให้ทั้ง 2 ประเทศเกิดปะทะกันอีก” นายตา กล่าว

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...