'กมธ.สวล.' จ่อสืบผลกระทบปลาหมอคางดำ เอาผิด จนท.ละเว้นม.157
ที่รัฐสภา ในการประชุมของคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ซึ่งมีนายชีวะภาพ ชีวะธรรม สว. เป็นประธานกมธ. ได้พิจารณาศึกษาการแก้ไขปัญหาการระบาดของปลาหมอคางดำ โดยเชิญผู้แทนจากอธิบดีกรมประมง และตัวแทนเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากปลาหมอคางดำ 19 จังหวัดเข้าร่วมชี้แจงให้ข้อมูล
โดย น.ส.ทิวารัตน์ เถลิงเกียรติลีลา ผู้เชี่ยวชาญด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ด้านการประมงน้ำจืด ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันพบการระบาดของปลาหมอคางดำใน 18 จังหวัด โดยมี ปริมาณความชุกชุมมากสุด เฉลี่ย 34 ตัวต่อพื้นที่ 100 ตารางเมตร ตามขอบเขตแนวกันชนขอพื้นที่รอยต่อระหว่าง จ.จันทบุรี-ตราดและ จ.สงขลา-ปัตตานี โดยเมื่อเดือนต.ค. 2568 พบมีการแพร่กระจายของปลาหมอคางนำในพื้นที่ อ.เมือง จ.ตราด อ.สทิงพระ และ อ.สิงหนคร จ.สงขลา ซึ่งเกิดจากคลื่นลมบริเวณชายฝั่งที่มีกำลังแรงพัดพาปลาหมอคางดำเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าว
น.ส.ทิวารัตน์ กล่าวต่อว่า ตั้งแต่ 2 ก.พ. ถึง 25 พ.ย. 2568 กรมประมง ได้ร่วมกับ ภาครัฐและเอกชนกำจัดปลาหมอคางดำ รวมทั้งสิ้น 7.4ล้านกิโลกรัม โดยจัดโครงการรับซื้อปลาหมอคางดำนำไปผลิตน้ำหมักชีวภาพเพื่อเกษตรกรชาวสวนยาง รวมทั้งสิ้น 1.1ล้านกิโลกรัม นอกจากนี้ยังประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนนำส่งปลาหมอคางดำไปผลิตปลาป่นโดยเอกชนรับซื้อกิโลกรัมละ 15 บาท รวม ทั้งสิ้น 1.4 แสนกิโลกรัม
ด้านนายปัญญา โตกทอง ตัวแทนเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากปลาหมอคางดำ 19 จังหวัด เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาโดยการรับซื้อปลาหมอคางดำกิโลกรัมละ 15 บาท อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปทำปลาป่น ปลาร้าและปุ๋ย อีกทั้งจะต้องเร่งกำจัดปลาคางดำอย่างจริงจัง เป็นระบบไม่ใช่จับไปปล่อยไป เพราะปัจจุบันพบว่ายิ่งแก้ปัญหายิ่งมีแต่ปัญหา ตนมองว่าหากทำอย่างจริงจังเช่น ใส่งบประมาณลงมาเหมือนกับที่รัฐให้งบกำจัดผักตบชวา กว่าพันล้านบาท แต่ปลาหมอคางดำใช้งบกำจัดไม่กี่ร้อยล้านบาท นอกจากนี้เกษตรกรยังจะได้รับประโยชน์ จากการที่รัฐรับซื้อซึ่งจะดีกว่านำงบไปลงคลองกำจัดปลาหมอคางดำครั้งละ 2 - 3 หมื่นบาท แต่ได้ปลาไม่กี่กิโลกรัม
นายปัญญา กล่าวต่อว่านอกจากนั้นแล้วต้องเอาผิดกับผู้นำเข้าและอนุญาตให้นำเข้าปลาหมอคางดำ จึงอยากให้ทางคณะกรรมการผลักดันเรื่องนี้ให้เป็นคดีตัวอย่าง เพื่อไม่ให้ผู้นำเข้า และนายทุนคนอื่นๆลอยตัว
ด้านนายชีวะภาพ กล่าวว่า กมธ.ไม่มีหน้าที่ฟ้องร้องใคร แต่ยืนยันว่าไม่ได้สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่สนใจว่าใหญ่เบอร์ไหน แต่ต้องมีข้อมูลและหลักฐานที่ชัดเจน โดยกมธ.จะเชิญนักวิชาการ และ ผู้เชี่ยว ชาญด้านสิ่งแวดล้อม จากสถานบันการศึกษาต่างๆ มาร่วมสำรวจ วิจัย ผลกระทบว่ามีความเสียหายมากน้อยขนาดไหน เพื่อให้เป็นเครื่องมือฟ้องร้องและต่อสู้คดีในชั้นศาล ตามกฎหมายสิ่งแวดล้อม
"กรณีนี้อาจจะเป็นตัวเปิดเกมนำไปสู่การดำเนินคดี 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐตั้งแต่เกือบ 10 กว่าปีก่อน ส่วนการกำจัดปลาหมอคางดำ โดยการช็อตด้วยไฟฟ้าก็จำเป็นต้องเร่งดำเนินการ แต่ต้องศึกษาผลกระทบทั้งในแง่กฎหมายและสิ่งแวดล้อมอย่างถี่ถ้วน" นายชีวะภาพ กล่าว