โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

ทบ.ยันกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อน หวังขัดขวางภารกิจทหารไทย–ย้ำตอบโต้ตามกฎสากลเพื่อป้องกันตนเอง

สยามรัฐ

อัพเดต 26 นาทีที่แล้ว • เผยแพร่ 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ทบ. ชี้กัมพูชาโจมตีทหารไทย หวังสร้างความสูญเสีย–ขัดขวางภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดและปรับปรุงเส้นทางย้ำฝ่ายไทยยึดกรอบกฎการใช้กำลังเพื่อป้องกันตนเองตามหลักสากล

จากกรณีทหารกัมพูชาใช้อาวุธโจมตีฝ่ายไทย เมื่อ 7 ธ.ค. 68 เวลา 14.15 น. บริเวณพื้นที่ ภูผาเหล็ก–พลาญหินแปดก้อน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่งผลให้มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ 2 นาย นั้น

ล่าสุด วันที่ 7 ธ.ค.68 พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะที่ฝ่ายไทยกำลังปฏิบัติภารกิจในการปรับปรุงเส้นทางในเขตอธิปไตยไทย แต่มีกลุ่มทหารกัมพูชาได้ใช้อาวุธยิงเข้ามาใส่ชุดรักษาความปลอดภัยของหน่วยทหารช่างที่กำลังปรับปรุงเส้นทาง ฝ่ายไทยจึงได้ทำการยิงตอบโต้กลับไป ทำให้เกิดการปะทะกันอยู่ราว 15–20 นาที

ยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มใช้อาวุธก่อน เชื่อว่ามีเป้าหมายเพื่อให้ฝ่ายไทยเกิดการบาดเจ็บและสูญเสีย ไม่ต่างจากการแอบลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดในเขตพื้นที่อธิปไตยไทย ที่ฝ่ายกัมพูชาได้ทำมาตลอดในห้วงที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อมุ่งหวังที่จะขัดขวางการปฏิบัติงานของฝ่ายไทยในการเก็บกวาดทุ่นระเบิด และการปรับปรุงเส้นทางเพื่อภารกิจด้านความมั่นคงในบริเวณพื้นที่ชายแดน

พฤติกรรมดังกล่าวนับเป็นความตั้งใจที่จะละเมิดข้อตกลงอย่างชัดเจน และเชื่อว่าเหตุการณ์นี้อาจส่งผลกระทบต่อกลไกความร่วมมือในการรักษาความสงบในพื้นที่ชายแดน ที่ฝ่ายไทยได้มุ่งมั่นและพยายามให้ความร่วมมือมาโดยตลอดในช่วงที่ผ่านมา

ยืนยันว่าการปฏิบัติการด้วยอาวุธของฝ่ายไทยยึดกรอบกฎการใช้กำลัง ความจำเป็นในการป้องกันตนเองตามหลักสากล และอยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อตอบสนองต่อการกระทำอันเป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...