"วัดปากน้ำโจ้โล้ เดิมเคยเป็นสำนักสงฆ์ สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลายก่อนกรุงศรีอยุธยาแตก นั้นพระยาวชิรปราการเห็นว่าอยุธยาไม่อาจต้านทานทัพพม่าไว้ได้ จึงได้ตีฝ่าวงล้อมพม่าออกจากกรุงศรี อยุธยามาทางแถบภาคตะวันออกเพื่อรวบรวมไพร่พลกลับไปตีเมืองคืน ขณะนั้นเอง ระหว่างเดินทางมา ถึงปากน้ำโจ้โล้ ด้วยไหวพริบปฏิภาณที่เฉียบแหลมของท่านพระยาตาก ที่ได้รับรู้ถึงแผนการของกองทัพพม่า ที่ได้ตั้งค่ายกันอยู่ในบริเวณวัดปากน้ำโจ้โล้จึงได้สั่งการให้ทหาร 100 นาย เตรียมขุดสนามเพลาะ ที่บริเวณ ข้างแม่น้ำเพื่อใช้เป็นเหมือนป้อมในการยิงปืนใส่กองทัพพม่าที่พายเรือมา และส่งเรือไปพายในแม่น้ำ เพื่อหลอกล่อทหารพม่าว่าทัพของพระยาวชิรปราการมีจำนวนคนน้อย จึงทำให้ทหารพม่ารีบพายเรือมา เพื่อโจมตี เมื่อทหารพม่าได้เข้ามาถึงจุดที่ขุดสนามเพลาะไว้ประมาณ 25· เมตร กองทัพทหารไทยจึง เปิดฉากยิงใส่ทหารพม่าจนแตกพ่ายไปแต่ยังมีกองหนุนของทัพพม่าเข้ามาอีก 3 กองแต่ก็ยังพ่ายให้กับกองทัพ ของพระยาวชิรปราการ ทหารพม่าล้มตายเป็นจำนวนมาก ส่วนที่เหลือก็หนีกระจัดกระจายกันไป การต่อสู้ของกองทัพพระยาวชิรปราการกับทหารพม่า ณ บริเวณปากน้ำโจ้โล้นั้นถือเป็นชัยชนะที่สำคัญ อย่างมากเพราะชัยชนะในจุดนี้คือชัยชนะที่ทำให้ทหารพม่าไม่ตามราวีอีกเลย แต่ก็ถือเป็นความเสียหาย อย่างมากต่อทัพพระยาวชิรปราการเหมือนกันที่เสียกำลังพลไปถึง 200 นาย จากที่มีอยู่ 500 นาย เมื่อเสร็จสิ้นศึกที่บริเวณปากน้ำโจ้โล้แล้ว ก็เดินทางไปพักทัพที่ วัดโพธิ์บางคล้า และเดินทางต่อสู่ จังหวัดชลบุรี"