รักแท้รักที่อะไร? ท่ามกลางผู้คนรอบกายจากวันที่เป็นนักร้องสู่วันนี้ที่เป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องสำอาง “น้ำชา” มีทัศนคติต่อคนที่รักและคนที่เกลียดยังไง
คนที่น้ำชาจะรัก เป็นคนยังไง?
“คนที่ชารักเป็นคนที่อยู่ด้วยสบายใจ” เธอตอบ “เป็นคนที่เราไม่ต้องพยายามเป็นอะไร เพราะว่าอยู่กับคนสนิทเราไม่จำเป็นต้องเหนื่อย และอยู่เงียบ ๆ ได้ ทั้ง ๆ ที่รู้สึกอุ่นใจ อย่างเพื่อนที่ชาสนิทก็อยู่ด้วยกันแบบไม่ต้องพูดกันเลยก็ได้ แค่อยากมีเขาอยู่ด้วยข้าง ๆ”
“แล้วแปลกมากคือคนที่ชาสนิทจริง ๆ วันเกิดของขวัญยังไม่ให้เลย” เธอหยุดขำในความจริงนี้ “พวกเราก็ไปกินข้าวกันง่าย ๆ ไม่ต้องทำอะไรพิธีรีตรอง แต่งตัวโทรม ๆ ก็ได้ ไม่ต้องพยายามอะไรมาก” เธอเว้นจังหวะไปสักแปบ “แต่ไปให้ของขวัญคนที่เพิ่งเจอก็มีนะ แต่ในกลุ่มจะไม่ต้องอะไรกันแค่กินข้าวง่าย ๆ สามสี่คนจบ”
“โดยเฉพาะเวลาที่เขาอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่ได้สวยงาม ทุกข์ใจ หรือไม่เหลือใครเลย ชาว่านี่เป็นมูลค่าทางจิตใจที่เราจะต้องอยู่ตรงนั้นเพื่อเขา อันนี้คือสิ่งที่ชาให้กลับกับคนรักเสมอ ถึงเขาไม่มีใครเลย แต่เขายังมีเรา”
เราคาดหวังอะไรจากคนที่เขารักเรา?
“ของขวัญเยอะ ๆ” น้ำชาหัวเราะ “พูดเล่นนะคะ” เธอกลับมาน้ำเสียงจริงจังอีกครั้ง “เราคาดหวังให้เขาพูดกับเราตรง ๆ มีอะไรที่ไม่ชอบเกี่ยวกับเราก็ให้พูดกันตรง ๆ เพราะชารู้สึกว่า ถ้าเธอรักฉัน เธอต้องพูดกับฉันสิ ถ้าเธอไม่ชอบมาพูดกับฉันไม่ใช่ไปพูดกับคนอื่น”
“ชาชอบเวลาคนมาติชา มาบอกว่าอะไรไม่ดีบ้าง คือชาเป็นคนค่อนข้างเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ คือเราจะต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเลย แต่เราก็ต้องมีความเห็นด้วยนะว่าเออ…ที่เขาว่ามันจริงแล้วชาเป็นคนมองตัวเองในกระจกมาก ว่าเห้ย….อันนี้ต้องปรับแล้วนะ ถึงเวลาต้องปรับตัวเองแล้วล่ะ แล้วก็จะปรับ”
น้ำชาเกลียดใครบ้างไหม?
“น้อยมากเลยนะ ชาเป็นคนไม่ค่อยเกลียดใคร อย่างมากก็แค่ไม่ชอบ คนที่เกลียดนี่นับได้เลย มีแค่สองคนสามคนที่ชาไม่เอาเลย ส่วนมากจะเป็นคนที่เป็นเพื่อนกับเขาก่อนแล้วก็สนิทกันมาก มากแบบมาก ๆ ๆ ๆ” เธอเน้น “เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิท แล้ววันนึงมีเรื่องพลิกขึ้นมา คือการที่เรารักมากก็เกลียดมาก แต่จะไม่เกิดกับคนที่เพิ่งเจอนะ จะเกิดกับคนที่รักจริง ๆ มากกว่า”
คนแบบไหนที่เราไม่ชอบ?
“เราไม่ชอบคนที่มาหวังผลประโยชน์กับเรา อันนี้เจอเลย เขาเข้ามาดูเป็นเพื่อนเรา ดูสนิทกับเรา สนิทแบบที่เราคิดว่าเป็นเพื่อนสนิทและสบายใจ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่” เธอส่ายหน้า “เขาเอาสิ่งที่เราพูดไปเล่าให้คนอื่นต่อ หรือมาเอาผลประโยชน์ด้วยการให้เราไปแนะนำเขากับคนอื่น ๆ แล้วก็หายไปเลย ซึ่งชาเจออย่างนั้นสองครั้งแล้วกับคนที่ต่างกัน รู้สึกว่าฉันต้องไม่เอาคนแบบนี้ ชาไม่ชอบที่แอคติ้งยิ้มเข้ามาแต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้น มาหลอกเรานั่นแหละพูดง่าย ๆ”
ถ้าต้องเจอคนที่ไม่ชอบที่ในเดียวกันจะทำยังไง?
“อากาศธาตุเลย ชาอยู่ตรงนั้นได้ เพราะว่าการที่เราจะไปที่นึงก็เพราะเราอยากไป มันไม่ใช่ว่าชาจะไม่ไปเพราะมีคนนี้อยู่ ฉันไปเพราะฉันอยากจะไป ถ้าเธอไม่สะดวกใจที่จะอยู่ เธอก็ต้องไปไม่ใช่ฉัน” น้ำชาหัวเราะอีกครั้ง
เคยมีปัญหากับคนที่เขาไม่ชอบเราไหม?
“เครียดนะตอนแรก” เธอยอมรับ “เพราะไม่คิดว่าเขาจะด่าเราได้อย่างนั้น แล้วก็ไม่รู้จะรับมือยังไง ก็เอามานั่งคิด คิดวน นอนก็ไม่หลับ ผลสุดท้ายมานั่งมองตัวเองว่าแล้วเราได้อะไรจากตรงนี้วะ เดินออกไปข้างนอกก็นอยด์ พอคนนี้มองก็คิดว่าคนนี้คือคนที่พิมพ์อยู่ปะวะ คือคนที่ไม่ชอบฉันหรือเปล่าวะ คนที่ด่าฉันเข้ามาหรือเปล่าวะ ซึ่งเป็นอย่างนี้ช่วงแรก ๆ แล้วเราก็ไม่ได้อะไรเลย”
“สุดท้ายก็ไม่รับมือเลย แล้วก็ไม่เอามาใส่ใจ ก็ให้เขาเป็นอย่างนั้นไป เขาคิดลบแปลว่าเขาไม่มีความสุข คิดแค่นี้ง่าย ๆ เลย คนคิดลบเป็นคนไม่มีความสุข นั่นเป็นเรื่องของเขาไม่ใช่ปัญหาเรา”
ต่อให้เราบอกไม่สนใจแต่กวนใจหรือเปล่า?
“เผิน ๆ เผินมาก เผินแบบเราสามารถกำจัดมันได้ในครึ่งชั่วโมง ค่อนข้างสตรองมากพอค่ะ”
อะไรทำให้น้ำชาสตรอง?
“เพราะเราเลือกที่จะไม่ใส่ใจกับมัน เราจะไปนั่งคิดทำไมว่าเธอถึงไม่ชอบฉัน ฉันทำอะไร ทำไมเธอถึงคิดอย่างงี้ เธอเป็นใคร โอโหประสาทตาย! ก็เลือกที่จะเดินออกมาดีกว่า”
ในวงการธุรกิจกับวงการบันเทิงคนที่เราเจอเหมือนหรือต่างกันไหม?
“ต่างนะ ชาเป็นคนมีเพื่อนในวงการบันเทิงค่อนข้างน้อย เพราะว่าเราชอบอยู่กับคนธรรมดาสบาย ๆ เราไม่ค่อยชอบความเวอร์วังแข่งนู่นแข่งนี่ มันเหนื่อย แต่วงการธุรกิจก็โหดร้าย คือคนทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ ในขณะเดียวกันคนในวงการบันเทิงก็แข่งกันดังแข่งกันปัง มันเหมือนแข่งกันคนละเรื่อง”
“แต่ชาชอบแข่งธุรกิจนะ มันเป็นอีกโลกนึง เป็นโลกวิชาการ โลกตัวเลข ซึ่งการแข่งทางด้านธุรกิจมันก็ไม่มีผิดหรือถ้ายูไม่ได้ทำร้ายเขาตามกฎหมาย ธุรกิจมันก็มีทางที่จะทำยังไงให้ชนะทำยังไงให้ได้เงิน เพราะชาเป็นคนชอบหาเงิน หาเงินยังไงให้ชนะก็สนุกดี”
ทุกวันนี้มาทำธุรกิจตัวเอง ความรับผิดชอบเยอะขึ้นขนาดไหน?
“ความรับผิดชอบเยอะขึ้นมาก ไม่คิดว่าวันนึงต้องมีลูกน้อง ทุกวันนี้ยังไม่เข้าใจเลยว่าเราจะต้องบริหารลูกน้องยังไง เราไม่ค่อยมีคอมมอนเซนส์ในการดูแลคนเท่าไหร่ ทุกวันนี้ก็พยายามอยู่ ยังไม่ได้เก่งเรื่องการบริหารคนพูดตรง ๆ” เธอเล่าไปยิ้มไป “ก็เลยให้คุณแม่กับหุ้นส่วนคนอื่น ๆ ดูแลไป เมื่อก่อนเราเป็นคนงานจบก็คือจบ งานอย่างเดียว ไม่มีถามว่าเป็นยังไง แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้วนะ”
หัวหน้าคนแบบไหนที่เราจะไม่มีวันเป็น?
“หัวหน้าที่พอเดินออกไปแล้วลูกน้องต้องการทำร้ายเราเพราะว่าไม่ชอบ น่าจะเป็นสิ่งที่เราไม่อยากเป็นและกลัว ไม่อยากเจอลูกน้องที่แก้เผ็ดเราค่ะ” เธอหัวเราะอีกครั้งเป็นการปิดท้าย