กลุ่มบริษัทเอไอเอ รายงานไตรมาส 1/65 กำไรมูลค่าธุรกิจใหม่ทรุด เหตุธุรกิจในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เปลี่ยนแปลงสมดุลการขายผลิตภัณฑ์ ฉุดเบี้ยประกันรับปีแรกลดลง 7% เหลือ อยู่ที่ 1,567 ล้านเหรียญสหรัฐ
วันที่ 29 เมษายน 2565 คณะกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทเอไอเอ สำนักงานใหญ่ฮ่องกง รหัสหลักทรัพย์(1299) ประกาศผลประกอบการของกลุ่มบริษัทเอไอเอ (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565) มีอัตราการเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน รายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่
โดยมีมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่ 853 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 18% มียอดขายจากธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อจากสายพันธุ์โอมิครอนลดลง มีเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) ลดลง 7% อยู่ที่ 1,567 ล้านเหรียญสหรัฐ มีอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) ลดลง 7.6 จุด อยู่ที่ 54.4% มีเบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้น 5% อยู่ที่ 9,948 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ลดลง มีปัจจัยหลักจากการเปลี่ยนแปลงในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ที่ปรับสมดุลการขายผลิตภัณฑ์มากขึ้น ตลอดจนค่าใช้จ่ายในการซื้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายของกลุ่มที่ลดลง สมมติฐานผลตอบแทนจากการลงทุนระยะยาว ที่ใช้ในการคำนวณมูลค่าธุรกิจใหม่ยังคงเดิมจากที่เคยแสดงในรายงานประจำปี 2564 สำหรับอัตรากำไรที่รายงานตามมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยประกันภัยธุรกิจใหม่ (PVNBP) ยังคงอยู่ที่ 10%
นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจของเอไอเอที่ได้มีการจัดพอร์ตการดำเนินงานที่มีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ได้สร้างโอกาสระยะยาวในทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียให้แก่เรา อีกทั้งยังทำให้เอเชียเป็นภูมิภาคมีความโดดเด่นและน่าดึงดูดที่สุดในโลกสำหรับด้านธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ
ทั้งนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายจากธุรกิจใหม่เป็นระยะเวลาสั้น ๆ ในไตรมาสแรกของปี 2565 อย่างไรก็ดี ธุรกิจของเราสามารถกลับมาสร้างความเคลื่อนไหวได้อีกครั้งหลังจากที่ยอดผู้ติดเชื้อแตะจุดสูงสุดไปแล้วและสถานการณ์ดังกล่าวได้เริ่มคลี่คลายลง
“การลงทุนที่สำคัญของเราในเทคโนโลยีดิจิทัล และการวิเคราะห์ ได้ทำให้ธุรกิจของเราประสบความสำเร็จในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมการทำงานที่ความซับซ้อนและอ่อนไหว ช่วยให้เราสามารถค่อย ๆ ลดผลกระทบต่อยอดขายจากสถานการณ์โรคระบาดแต่ละระลอกที่ต่อเนื่องกันมา อีกทั้งการสนับสนุนโดยเครื่องมือทางดิจิทัลของเรา รวมถึงความสามารถในการทำงานทางไกล ทำให้ธุรกิจของเรานอกเหนือจากจีนแผ่นดินใหญ่ และฮ่องกง สามารถส่งมอบมูลค่าธุรกิจใหม่ในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 ได้ถึง 50% สูงกว่ายอดที่เราเคยทำได้ในช่วงของการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกแรก ระหว่างไตรมาสที่ 2 ของปี 2563
“ผมเชื่อมั่นว่าการที่เรายังคงมุ่งมั่นบนกลยุทธ์ของเราอย่างไม่หยุดนิ่งจะสนับสนุนให้เราสามารถสร้างการเติบโตในระยะยาว และสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเราทั้งหมด ดั่งความตั้งใจของเราที่ต้องการช่วยผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น” ซีอีโอ กล่าว
เอไอเอประเทศจีน
ยังคงเป็นตลาดที่สร้างรายได้ที่มากที่สุดให้กับกลุ่มบริษัทเอไอเอในไตรมาสแรกของปี 2565 ตามที่ได้รายงานไปก่อนหน้านี้ กฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 เป็นตัวเร่งให้เกิดความต้องการความคุ้มครองแบบเดิม จึงผลักดันให้ไตรมาสแรกประสบความสำเร็จ ในขณะที่มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ลดลง เนื่องจากยอดขายที่แข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์ออมเงินระยะยาวยังคงช่วยสร้างความสมดุลให้กับการจัดรวมผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อการขายในช่วงครึ่งปีหลังของปีที่แล้ว เรายังได้ยอดเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2564
ในเอไอเอ ประเทศจีน เราริเริ่มที่จะรับสมัครบุคลากรเพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลัก เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2564 เพื่อเสริมสร้างให้การสรรหาบุคลากรดำเนินก้าวหน้าและเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราประสบความสำเร็จในช่วงครึ่งปีหลังของปีที่แล้ว นอกจากนี้ เรายังคงเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งในการขยายตลาดตามภูมิประเทศไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ ด้วยการเปิดสาขาใหม่ในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย โดยเริ่มขายได้ในไตรมาสแรกของปี 2565 และทำให้ยอดมูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตอย่างยอดเยี่ยมทั่วทั้งภูมิภาคใหม่ของเรา
จำนวนผู้ติดเชื้อของโรคโควิด-19 ที่สูงนี้ ทำให้เกิดการเว้นระยะห่างทางสังคม และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้างในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 แต่รายงานผลการดำเนินงานในส่วนที่อยู่นอกประเทศจีนแผ่นดินใหญ่มีผลประกอบการโดยรวมที่ฟื้นตัวขึ้น ด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่ที่ลดลงเพียงร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับผลประกอบการอันยอดเยี่ยมในไตรมาสแรกของปี 2564
เอไอเอ ฮ่องกง
รายงานตัวเลขมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2564 โดยมีปัจจัยการเติบโตจากช่องทางพรีเมียร์ เอเจนซี่ และพันธมิตรทางธุรกิจของเรา และในขณะที่การเดินทางระหว่างประเทศของฮ่องกงยังอยู่ภายใต้ข้อจำกัด เราก็ยังสามารถบรรลุยอดขายด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากการขายให้กับผู้เดินทางชาวจีนแผ่นดินใหญ่ผ่านสาขามาเก๊า
เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2565 องค์การประกันภัยแห่งฮ่องกงอนุมัติให้เอไอเอนำหลักเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยงของฮ่องกง (HKRBC) มาใช้เป็นกลุ่มแรกๆ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ซึ่งเราก็ได้คำนวณมูลค่าธุรกิจใหม่ สำหรับไตรมาสแรกของปี 2565 ภายใต้หลักเกณฑ์ HKRBC และหลักเกณฑ์ใหม่ของ China Risk-Oriented Solvency System phase 2 (C-ROSS II) โดยหลักเกณฑ์ใหม่ไม่ส่งผลกระทบที่มีสาระสำคัญ
เกี่ยวกับกลุ่มบริษัทเอไอเอ
กลุ่มบริษัทเอไอเอ และบริษัทในเครือ เป็นกลุ่มบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และมีการบริหารจัดการอย่างอิสระ มีบริษัทในเครือและสำนักงานสาขาใน 18 ประเทศทั่วเอเชียแปซิฟิก ทั้งในประเทศจีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย กัมพูชา อินโดนีเซีย เมียนมาร์ นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ศรีลังกา ไต้หวัน (จีน) เวียดนาม บรูไน และเขตปกครองพิเศษมาเก๊า และเป็นผู้ถือหุ้นร่วมทุน 49% ในประเทศอินเดีย
ความเห็น 0