ข้อมูลเบื้องต้น
Artwork Design : HoneyLemonDesign
แนะนำตัวละคร
ขนมถ้วย / ไอ่ถ้วย
อดีตหมาโกลเด้น ขนทองอร่ามถ้าไม่วิ่งเล่นโคลน ว่ายน้ำแม่น้ำ โดนไอ้แดงหมาเจ้าถิ่นที่วัดไล่กวดอ่ะนะ
ชอบกินตับไก่ย่าง กับ เนื้อแห้งชิ้น แม้ปัจจุบันเป็นมนุษย์แล้วก็ชอบของกินขึ้นมาอีกล้านแปดแต่ตับไก่คือเดอะเบส!
ยุคตอนเป็นหมาสมัยก่อนเจ้านายไม่เคยให้เล่นไก่โอ๊กเลย พอมาเป็นคนค้นพบไก่โอ๊กผลิตภัณฑ์ของเล่นจาก 1 ใน
บริษัทผู้สนับสนุนของรายการ Wish ชีวิตก็เปลี่ยนไป ตื่นเต้นที่สุดในชีวิตตอนบีบแล้วมีเสียงคราง(?)ของไก่ออกมา
อาคินน์ / คินน์
ผมดำ ตาดำสนิท หล่อแบบวัวตายควายล้มลงหล่อแบบฉ่ำว๊าว
เป็นหนุ่มรักสัตว์โลกทุกชนิด นิสัยถึงจะเงียบๆ ดูไม่เป็นมิตรกับใจคน ทว่าจริงๆแล้วเป็นคนขี้สงสารขี้ซึนหน่อยๆ
บุคลิกภายในกับภายนอกไม่เหมือนกัน แอบมีความฉลาด (แกมโกง)
เต้นเก่งมาก ได้ทุกแนว แต่งเพลงก็เก่งเหมือนกันเสียงก็ดี มนุษย์เพอร์เฟคแมนตามที่เพื่อนๆ เรียกของแทร่
เป็นคนไม่ค่อยชอบเสียงดังเลย ชอบอยู่ที่เงียบๆสงบๆ ถ้าได้รู้จักจริงๆจะรู้ว่าเป็นมิตรมากกว่าที่เห็น
Original characters : #ไอดอลชาติหมา
Artist : bbye
แฟนอาร์ตจากคุณ @Fionaorders ค่ะ
นิยายเรื่องนี้จะเปิดให้อ่าน 10 ตอนใหญ่ หรือ 20 ตอนย่อย (1 ตอนแบ่งเป็น 2 ตอน) และหลังจากนั้นจะเปิดให้อ่านเป็นแบบอ่านล่วงหน้านะคะ และจะเปิดให้อ่านฟรี 1 ตอนทุกๆ 7 วันค่ะ โดยจะติดเหรียญเป็นจำนวน 4 เหรียญต่อ 1 ตอนย่อย หรือ 8 เหรียญต่อ 1 ตอนใหญ่ค่ะ และนิยายช่วงแรกจะลงให้อ่านทุกวันนะคะ
จะลงตอนแรกวันที่ 28 / 02 / 2024 เวลา 19 : 30 น. เป็นต้นไปนะคะ
ตอนที่ 01 (1/2)
‘หลับให้สบายนะถ้วย’
กลิ่นฉุนทำเอาผมรู้สึกไม่สบอารมณ์จนผมอดไม่ได้ที่จะนิ่วหน้าแม้จะยังคงหลับตาอยู่ มันเป็นกลิ่นที่ผมไม่พิสมัยเอาเสียเลย ยิ่งดมก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงประสบการณ์ที่ไม่น่าอภิรมย์สักนิด จนพาลต้องขยับตัวขยุกขยิกออกมาอย่างเสียมิได้
“รู้สึกตัวแล้วเหรอ?” เสียงใครบางคนดังอยู่ข้างโสตประสาทหูฝั่งขวาของขนมถ้วยไม่พัก โอเค สงสัยเขาคงนอนต่อไม่ได้แล้ว ลูกท่านหลานเธอคนไหนมาเรียกให้ตนเองไปเล่นด้วยอีกแล้วแน่ๆ
พอคิดว่าได้เวลาที่ต้องทำงานแลกข้าวแล้ว ความเกียจคร้านก็ย่อมมลายหายไป ดวงตาที่ปิดสนิทค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมาพบกับแสงสว่างจ้า และสบเข้ากับดวงตาอีก 2 คู่ที่ดูเหมือนจะยืนจ้องอยู่มาสักพักได้แล้ว “ใคร?”
ทันทีที่ขนมถ้วยเอ่ยปากถาม ก็ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มหมุนติ้ว ภาพความทรงจำ และความรู้สึกนึกคิดมากมายหลั่งไหลเข้ามาราวกับเขื่อนกั้นน้ำที่พังครืนลงมาในชั่วอึดใจเดียว
‘นี่มันอะไรวะเนี่ย!’
นี่มันไม่ใช่ความรู้สึกของตนเองแม้แต่นิดเดียว ไม่ใช่ความทรงจำพวกนี้ก็ด้วย มันเป็นความทรงจำของใคร และมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ขนมถ้วยทำได้แค่อดทนไปกับมัน ขณะเดียวกันก็จับหัวที่ปวดตุ๊บด้วยความรวดร้าว มันไม่โอเคสักนิด เพราะร่างกายนี้ไม่ใช่ขนมถ้วย ขนมถ้วยไม่ใช่มนุษย์คนนี้เสียหน่อย ทำไมตนเองถึงมาอยู่ในร่างมนุษย์คนนี้กัน
เมื่อความปวดร้าวหายไป สติของขนมถ้วยก็เริ่มกลับมากระจ่างชัด ดูเหมือนขนมถ้วยจะได้เข้ามาอยู่ในร่างของมนุษย์ผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังจะเข้าแข่งขันในรายการเซอร์ไวเวอร์ค้นหาผู้ชนะเพื่อจะกลายเป็น 1 ไอดอลที่จะฟอร์มวงขึ้นมาภายใต้สัญญา 1 ปีจากความร่วมมือของค่ายและช่องใหญ่ยักษ์ที่ชื่อว่า ‘Wish’ เข้าเสียแล้ว
ระหว่างที่อยู่ในการแข่งขันช่วงการแสดงความสามารถพิเศษส่วนตัวรอบแรกและเจ้าของร่างเดิมกำลังจะขึ้นแสดงเป็นคิวถัดไป แต่ก็ดันเกิดความเครียดจนทำให้ร่างกายช็อกก้าวขาขึ้นไปบนเวทีไม่ออกกระทั่งทรงตัวไม่ได้และลื่นล้มจากบันไดจนหัวฟาด ทุกอย่างของเจ้าของร่างเดิมดับวูบลงซึ่งมันรวมถึงชีวิตก็ด้วยเช่นกันและก็เป็นขนมถ้วยที่เข้ามาอยู่ตรงนี้แทนแบบงงๆ
“หนมโอเคไหมอ่ะ ฉันไปตามหมอมาดูนายดีกว่า ทีม ฝากดูหนมหน่อยนะ” น้ำเสียงของคนพูดดูร้อนรนเล็กน้อยก่อนจะหันหลังแล้ววิ่งออกจากประตูห้องไป โดยที่ยังไม่ทันจะได้สบตาหรือมองหน้ากัน
“เฮอะ! อยากได้ซีนออกกล้องจนไม่รู้จักระวังเลยหรือไง” มีใครอีกคนที่ยังเหลืออยู่ในห้องพูดขึ้นมา เทียบกับน้ำเสียงเมื่อครู่ คนคนนี้ดูจะไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด
ขนมถ้วยนอนกุมหัวตัวเอง ฟังมนุษย์ช่างบ่นพูดอะไรไปอีกพักก็เริ่มตั้งสติได้ เลยค่อยๆลืมตาขึ้นมาใหม่แล้วเหลือบไปมองใบหน้าของเจ้าของน้ำเสียงอันไม่เป็นมิตรนั้น “ทีม…”
“เออ ฉันเอง ทำไมไม่พอใจที่ว่าหรอ?” คนที่ชื่อทีมยืนกอดอกมองขนมถ้วยด้วยใบหน้าหงุดหงิดแบบสุดๆ ท่าทางแบบนี้เหมือนพวกตัวประกอบที่เขาเคยเห็นในความทรงจำจากซีรีย์ที่เจ้าของร่างเดิมดูผ่านๆไม่มีผิด
“นิสัยแย่กว่าที่คิดจัง” ขนมถ้วยคิดว่าภาพในความทรงจำของคนคนนี้ ทำให้รู้สึกไม่ดีมากแล้ว แต่พอได้มาเห็นตัวเป็นๆ ไม่ผ่านภาพความทรงจำ ก็ทำให้รู้ว่ามันคำว่าแย่ที่แท้จริง มันเป็นยังไง และเพราะขนมถ้วยไม่เคยเก็บความรู้สึกมาก่อนจึงหลุดพูดตามที่คิดออกมาอย่างไม่รู้ตัวทันที
ถึงแม้มันจะไม่ใช่คำหยาบคายที่เสียหายอะไร แต่สำหรับคนฟังที่เป็นฝ่ายถูกพูดแบบนี้ใส่จากเพื่อนร่วมค่ายที่ปกติไร้ปากไร้เสียงมาตลอด ก็ทำเอาทีมถึงกับเงิบไปไม่หน่อย “นายว่าอะไรนะ?” เขาถามอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ
“นิสัยแย่แล้วหูยังไม่ดีด้วยเหรอ?” มนุษย์คนนี้หูไม่ดีสินะ พูดเสียงดังขนาดนี้แล้วก็ยังไม่ได้ยินอีก “ฉันบอกว่า…”
“กล้าดียังไงมาพูดจาหมาๆใส่ฉันกันวะ!” หน้าตาที่ดูดีกว่ามนุษย์คนอื่นนิดหน่อยของเขากำลังแดงก่ำ ดูเหมือนอาการแบบนี้จะเรียกว่าโมโหในกลุ่มมนุษย์สินะ ถ้าเป็นตัวขนมถ้วยก็คงเห่านำแล้วกัดตามอะไรแบบนั้น
“ฉันพูดภาษาคนอยู่ชัดๆ ฉันไปเห่าให้นายฟังตอนไหนกันมัวแล้ว” ถ้าขนมถ้วยเห่าจริงๆอีกฝ่ายไม่มีทางจะเข้าใจสิ่งที่ขนมถ้วยพูดแน่ๆ เอาอะไรมามั่นใจกันว่าเขาจะรู้ว่าเขเห่าด่าหรือเห่าชื่นชมกัน
“ไอ้!”
แต่เขายังไม่ทันจะได้แสดงท่าทางเกรี้ยวกร๊าด ประตูห้องก็ถูกเลื่อนเปิดขึ้นอีกครั้ง ทีมที่ดูอยากจะพูดคำหยาบคายออกมาจึงจำต้องเก็บปากเก็บคำกลับไป เขาเม้มปากแน่นอดกลั้นอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ภายใน
“ทางนี้เลยครับคุณหมอหนมรู้สึกตัว…แล้ว นี่มีอะไรกันหรือเปล่า?” เซฟเปิดประตูและเดินนำคุณหมอเข้ามาชะงักไปเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ดูไม่ค่อยเป็นมิตรเช่นนี้
“ไม่มีอะไร นายมาแล้วฉันขอตัวไปซ้อมก่อนแล้วกัน ใกล้จะต้องขึ้นเวทีแล้ว นายก็ควรไปซ้อมนะ อย่าให้อะไรเล็กๆน้อยมาถ่วงแข้งถ่วงขาจนเสียเวลา” น้ำเสียงเรียบเฉยผิดกับคำพูดคำจาที่ดูถูกอย่างเจาะจงแม้ไม่ได้พูดชื่อก็ทำเอาคนได้ยินอย่างเซฟหรือแม้กระทั่งคุณหมอที่ตามเข้ามาถึงกับนิ่วหน้าด้วยความไม่ชอบใจ ส่วนคนพูดไม่ได้รอจนกระทั่งได้คำตอบก็เดินแทรกตัวออกจากห้องพยาบาลไปเสียแล้ว
“หนมอย่าไปสนใจเลย นายให้หมอตรวจหน่อยดีกว่า” ดูเหมือนเซฟจะพยายามทำให้เรื่องถูกปล่อยผ่านไป เพราะไม่ต้องการทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่โต และเลือกที่จะไม่สนใจคำพูดไม่ดีและหันมาใส่ใจอาการของคนป่วยที่อยู่บนเตียงมากกว่า
“อืม…หืม…หมอ…หมอเหรอ?” ขนมถ้วยที่นั่งฟังชาวบ้าน 1 ด่าตัวเองไปเรื่อยเปื่อยก่อนที่มนุษย์ที่ชื่อเซฟนี่จะเข้ามาปลอบ ถึงกับดึงสติขึ้นมาแทบไม่ทัน ดวงตาของขนมถ้วยถลึงตาจนแทบหลุดออกจากเบ้าเหมือนได้ยินคำว่า ‘หมอ’
ชุดขาวๆแบบนี้ กลิ่นเหมือนยาขมกับน้ำฉุนๆที่เคยราดแผลแล้วแสบหางไปหมดแบบนี้ ถ้ามีของชิ้นเล็กๆที่เอาไว้แทงเนื้อผมก็เด๊ะเลย นี่มันใช่เลย มนุษย์ที่ชอบเรียกตัวเองว่า ‘หมอ’ ที่ผมเกลียดชัดๆ
“ไม่! ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องทำอะไรฉันหรอก” ขนมถ้วยยกมือยกไม้โบกไปมาเป็นพัลวัน อะไรก็ได้แต่ไม่ใช่ ‘หมอ’ ต่อให้เป็นหมอรักษามนุษย์เขาก็ไม่ชอบอยู่ดีนั่นแหละ!
“จะกลับแล้ว ต้องไปซ้อมไม่ใช่เหรอ ไปเถอะ!” ขนมถ้วยสะบัดผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้นยืนตรงแน่วราวกับไม่เคยเจ็บปวดอะไรมาก่อน ทั้งๆที่ในความทรงจำมนุษย์เจ้าของร่างนี้สะดุดบันไดทางขึ้นเวทีแล้วล้มลงหัวฟาดพื้นจนสลบไปมองยังไงก็ต้องมีช้ำแน่ๆก็ตาม
ถ้าขนมถ้วยวิ่งสี่เท้าได้เหมือนในอดีตเขาก็จะทำ แต่ร่างกายที่เป็นมนุษย์ไปเสียแล้วในตอนนี้กลับไม่สันทัดในการวิ่งสี่เท้าเอาเสียเลย ขนมถ้วยจึงจำใจหนีทั้งๆที่มีอยู่แค่ 2 ขานี่แหละ พอแทรกตัวออกมาได้ขนมถ้วยก็เร่งฝีเท้าจนเกือบจะวิ่งกลับไปยังเส้นทางที่จำได้จากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมด้วยความหางลู่หูตกไปหมด
การที่ขนมถ้วยต้องข้ามตึกโดยการใช้ขาสองขา และมุมมองที่สูงขึ้นมากกว่าเก่าหลายเท่าตัวทำให้ขนมถ้วยอดตื่นเต้นและแปลกใจไม่น้อย ไหนจะสีสันที่เขามองเห็นก็ดูสดใสกว่าตอนอยู่ในร่างของหมาหลายเท่า การได้ชมทิวทัศน์มุมสูงทำให้ขนมถ้วยพาตัวเองมาถึงสถานที่ในความทรงจำโดยไม่รู้สึกเหนื่อยเท่าไหร่ “รอก่อนสิหนม!”
ยังไม่ทันจะได้ก้าวเท้าเข้าไปในห้องสตูดิโอถ่ายทำ เสียงของเซฟก็ตะโกนไล่หลังมาพร้อมกับใช้ฝ่ามือของเขาแตะลงที่ไหล่ของขนมถ้วยและแหบแฮ่กๆ
“นายเป็นอะไรของนาย ทำไมอยู่ๆถึงทำตัวประหลาดแบบนี้กัน หรือว่าหัวฟาดจนเป็นอะไรหรือเปล่า?” ขนมถ้วยมองคนที่หอบไปพูดไปอย่างเห็นใจ ขอโทษด้วยที่เขาทำตัวประหลาดไปหน่อย เพราะยังไม่ชินกับสถานะความเป็นมนุษย์สองขาก็เลยพาลทำตัวพิลึกออกมา
“ไม่เป็นไร…”
“นายทำตัวแปลกชะมัด ไม่อยากไปหาหมอแล้วตรวจดูจริงเหรอ” มนุษย์ที่ชื่อเซฟพูดตัดบทของขนมถ้วยอย่างเป็นห่วง ดูจากสีหน้าแล้วก็น่าจะหวังดีกับเจ้าของร่างเดิมจริงๆ
“ฉันไม่ไป!” แต่มันจะดีกว่านี้มากถ้ามนุษย์เซฟนี่เลิกพูดถึงหมอไปซะ ขนมถ้วยส่ายหัวอย่างหนัก เขาเกลียดหมอแล้วถ้าอีกฝ่ายยังเอาแต่เซ้าซี้ให้ตนไปหาหมอเขาจะพาลเกลียดมนุษย์คนไปด้วยอีกคนแล้วนะ
“โอเคไม่ไปก็ไม่ไป ไม่ต้องโวยวายแล้ว” เซฟมองขนมถ้วยด้วยสายตาตำหนิ ก่อนจะเป็นคนผลักประตูเดินเข้าไปภายในห้องสตูดิโอถ่ายทำรวม
ทันทีที่ประตูถูกเปิดออกสายตาหลายสิบคู่ก็หันควับมองมาโดยพร้อมเพรียงกันจนขนมถ้วยถึงกับรู้สึกเขินขึ้นมาเล็กๆ มนุษย์นี้ขี้ใส่ใจจริงๆ เขาจำได้เลยขนาดยายน้อมที่อายุมากแล้ว เพราะมีกลิ่นคนแก่ออกมาจากตัวก็ยังเดินไปเกาะรั้วดูบ้านตรงข้างตอนได้ยินเสียงมนุษย์ผัวเมียตีกัน แล้วนับประสาอะไรกับมนุษย์ที่อายุน้อยพวกนี้ ที่ยังไม่มีกลิ่นคนแก่จะไม่ใส่ใจคนอื่นกันล่ะเนอะ
พวกเขาบางคนก็เอาแต่มอง และบางคนก็ทักทายหรือสอบถามอาการของขนมถ้วย ส่วนขนมถ้วยก็ทำเพียงแค่ยิ้มรับและตอบกลับว่าไม่เป็นไร สบายดี ขณะที่เดินตีคู่ไปกับเซฟตลอดทางจนถึงที่นั่งตัวเอง “นายโอเคไหม จะแสดงความสามารถส่วนตัวไหวหรือเปล่า?”
ขนมถ้วยกวาดสายตาไปทั่วในระหว่างที่เซฟถาม เอาตามตรงหัวสมองของขนมถ้วยตอนนี้โล่งโจ้งไปหมด ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับการเตรียมการแสดงอะไรของเจ้าของร่างเดิมนี่เลยสักนิด ทำเอาหมาอย่างขนมถ้วยถึงกับมึนตึบ “นายพอจำได้ไหมว่าฉันจะแสดงอะไรก่อนหน้านี้?”
“…ยะ อย่าบอกนะว่าลืมว่าตัวเองจะโชว์อะไรเพราะหัวกระแทกน่ะ” สายตาของมนุษย์ที่ชื่อเชฟดูแตกตื่นกว่าขนมถ้วยอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่เชิง แค่จำไม่ได้ว่าจะร้องหรือเต้น ซ้อมไว้หลายอย่างน่ะ” พูดไปก็หลบสายตาไปด้วย เขาจะรู้ไหมนะว่าขนมถ้วยกำลังโกหกอยู่ เพราะตอนที่ขนมถ้วยเป็นเพียงหมาแล้วโกหก ‘เจ้านาย’ ด้วยท่าทางไม่รู้ไม่ชี้เขาแบบนี้ ขนมถ้วยก็ถูกจับได้ตลอดเลย
“ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่เห็นว่าวอร์มเสียงก่อนขึ้นเวที แต่ก็ดันลื่นตกบันไดลงมาก่อนเลยยังไม่ได้โชว์อะไร รายการก็หยุดพักถ่ายชั่วคราวประมาณ 3 ชั่วโมงด้วยเพราะหลายคนตกใจกับอุบัติเหตุมาก” ดูเหมือนเซฟจะจับไม่ได้จริงๆด้วย เพราะเขาแค่หรี่ตามองเล็กน้อยแล้วหันกลับไปสนใจเวทีตรงหน้าต่อเท่านั้น
“อ้อ” ขนมถ้วยลากเสียงยาวๆแค่นั้นแล้วก็เงียบลงเพราะเขายังคงนึกอะไรไม่ออกอยู่ดี
“แล้วจะเอายังไง อีกไม่กี่นาทีจะเริ่มอัดใหม่อีกรอบแล้วนะ นายลองเอาเพลงที่นายถนัดไปร้องสิ ยังไงนายมันก็สายโวคอลอยู่แล้วนี่ โชว์เสียงยังไงก็เด่นกว่าเต้นอยู่แล้วถ้าเป็นนาย โชว์สิ่งที่ตัวเองถนัดไปเลยหนม” เซฟออกความคิดเห็นเพื่อช่วยเหลือขนมถ้วยอยากเต็มที่ ระหว่างที่เซฟเองก็ขยับแขน หมุนข้อมือไปด้วย ขนมถ้วยค้นความทรงจำก็พบว่ามนุษย์เซฟคนนี้เป็นเมนแดนซ์ถึงได้วอร์มอัพร่างกายเช่นนั้น
“อื้อ นายไปซ้อมของตัวเองเถอะ ไม่ต้องห่วงฉัน” เขาไล่ให้เพื่อนมนุษย์คนนี้ไปเทคแคร์ตัวเองเสีย ขณะที่คิดไปด้วยว่าควรจะทำอย่างไรกับเรื่องตรงหน้าดี แม้ว่าขนมถ้วยจะไม่อยากทำมันเลย แต่ภายในใจกลับมันรู้สึกซับซ้อนขึ้นมา หัวใจเขาไม่ต้องการที่จะละทิ้งเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าและหนีไป ดูเหมือนเจตจำนงของเจ้าของร่างเดิมคือการได้ทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้สำเร็จเป็นครั้งสุดท้าย
“น้องหนมสภาพร่างกายโอเคแล้วหรือยังคะ?” มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาขนมถ้วยที่นั่งเงียบๆอยู่ที่เดิม ถ้าจำไม่ผิดเธอน่าจะเป็นผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ที่ตัวเจ้าของร่างเดิมเองก็จำชื่อไม่ได้เช่นกัน เธอมาถามขนมถ้วยด้วยท่าทางเป็นกังวลเล็กน้อยน่าจะกลัวว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเจ้าของร่างเดิมจะทำให้มีปัญหากับรายการในอนาคต
“ไม่เป็นไรแล้วครับ หัวโนนิดหน่อยแต่ไม่มีเลือดออกครับ ขอโทษด้วยที่ทำให้เป็นห่วง” พอได้ยินคำตอบแบบนั้นผู้ช่วยคนนี้ก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจทันที คงกลัวเรื่องจะออกมาไม่ค่อยดีสินะ
“โอเค งั้นเดี๋ยวอีก 15 นาทีเราจะเริ่มถ่ายทำใหม่อีกครั้งนะ น้องหนมแสดงไหวใช่ไหม ไหวครับ” ขนมถ้วยพยักหน้ารับ ในขณะที่ตัวเธอก็ตบไหล่ขนมถ้วยรัวๆจนเกือบช้ำด้วยสีหน้าที่พึงพอใจเป็นอย่างมาก
“โอเคๆ งั้นเดี๋ยวพี่จะได้แจ้งทีม แจ้งครูฝึก ละก็โปรดิวเซอร์หลักเลยว่าน้องหนมไม่มีปัญหาอะไร เดี๋ยวพี่จะย้ายช่วงน้องหนมไปไว้ท้ายๆหน่อยแล้วกัน จะได้พักยาวกว่านี้อีกหน่อย แล้วอาศัยการตัดต่อมาช่วยเอา” เธอพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น และรีบลุกเดินไปจัดการงานอื่นๆที่ต้องทำให้เสร็จอย่างเร่งรีบ
ขนมถ้วยมองตามหลังของหญิงสาวไปจนลับสายตาก่อนจะหันกลับมานั่งขบคิดอีกครั้งว่าความทรงจำช่วงสำคัญที่หายไปอย่างการแสดงที่เจ้าของร่างเดิมเตรียมเอาไว้มันคืออะไรกันแน่ แต่ก็คิดไม่ออกเลยแม้แต่น้อย เขาจึงเริ่มคิดถึงเพลงต่างๆที่ตัวเองก็ไม่รู้จักเลย ทว่าดันมีความทรงจำเกี่ยวกับพวกมันอยู่มากมาย หรือเขาควรจะเลือก 1 ในบทเพลงพวกนั้นมาร้องดีนะ ไม่ ไม่ดี ขนมถ้วยไม่แน่ใจเลยสักนิดเดียวกับการร้องเพลง ต่อให้เจ้าของร่างเดิมจะพอมีทักษะก็เถอะ ให้ขนมถ้วยหอนยังง่ายเสียกว่า
“หืม หอนงั้นเหรอ?” ขนมถ้วยหยุดกึกเมื่อคิดมาถึงตรงนี้
‘โชว์เสียงยังไงก็เด่นกว่าเต้นอยู่แล้วถ้าเป็นนาย โชว์สิ่งที่ตัวเองถนัดไปเลยหนม’
คำพูดของเพื่อนมนุษย์อย่างเซฟแล่นผ่านเข้ามาในความทรงจำอีกครั้ง งั้นก็แค่โชว์สิ่งที่ตัวเองถนัดไปซะ เรื่องร้องเพลงเอาไว้ก่อน ขอไปทวนความมั่นใจสักหน่อยแล้วค่อยว่ากันใหม่ก็ไม่สาย!
‘เอาวะ เป็นไงเป็นกัน’
ตอนที่ 01 (2/2)
คำพูดของเพื่อนมนุษย์อย่างเซฟแล่นผ่านเข้ามาในความทรงจำอีกครั้ง งั้นก็แค่โชว์สิ่งที่ตัวเองถนัดไปซะ เรื่องร้องเพลงเอาไว้ก่อน ขอไปทวนความมั่นใจสักหน่อยแล้วค่อยว่ากันใหม่ก็ไม่สาย!
‘เอาวะ เป็นไงเป็นกัน’
“เดี๋ยวเราจะเริ่มอัดกันใหม่แล้วนะครับ น้องๆทุกคนกลับมานั่งประจำที่ได้เลย รอครูฝึกมาเดี๋ยวเราจะถ่ายต่อ แต่จะให้คิวน้องหนมขยับลงไปล่างๆหน่อยนะ เพราะเพื่อนยังบาดเจ็บที่หัวอยู่”
หัวหน้าโปรดิวเซอร์หรือรู้จักกันในนามโปรดิวเซอร์แว่นในความทรงจำเดินไปตะโกนเรียกสมาชิกคนอื่น ขณะที่มองกระดาษเช็กคิวในมือไปด้วยในตัว โดยมีเด็กฝึกคนอื่นๆพยักหน้าว่าโอเค ไม่มีใครจะคิดทำตัวเป็นคนไม่มีน้ำใจกับคนที่ล้มหัวฟาดช่วงเวลาแบบนี้แน่ๆ
อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอโชคดีแล้วที่ไม่ใช่พวกเขาที่เป็นคนเจ็บ หลายๆคนหันไปมองหนมอย่างเห็นอกเห็นใจจนคนถูกมองถึงกับทำตัวไม่ถูกไปเลยทีเดียว
พวกเขาทุกคนรออยู่ไม่เกิน 5 นาทีเหล่าครูฝึกทั้ง 3 คนที่แยกย้ายไปพักผ่อนชั่วคราวก็เดินกลับขึ้นมาที่โพเดียมประจำแหน่ง
‘น้ำอุ่น’ ไอดอลสาวรุ่นพี่ของวง Sleepy ที่เดบิวมานาน 4 ปี มารับบทเป็นครูฝึกประจำซีซั่นนี้ของรายการโดยรับหน้าที่เป็นครูสอนเต้นและแรป เธอหันกลับไปมองที่ด้านหลังซึ่งมีเหล่ารุ่นน้องกำลังนั่งรอคอยที่จะขึ้นไปแสดงอย่างมุ่งมั่น ขณะที่สายตาของเธอก็กวาดไปทั่วจนกระทั่งเจอคนที่มองหาในที่สุด “ขนมถ้วย!”
ด้านเจ้าของชื่อที่ยืดยาวในชีวิตนี้ก็กำลังนั่งขมุบขมิบปากราวกับกำลังบริกรรมคาถาอย่างมุ่งมั่น จึงไม่มีแก่จิตแก่ใจจะสนใครใดๆทั้งสิ้นเดือดร้อนเซฟที่กลับมานั่งประจำที่อยู่ข้างๆต้องสะกิดเพื่อนเป็นพัลวันเพราะกลัวรุ่นพี่และครูฝึกอย่างพี่น้ำอุ่นจะมองว่าเพื่อนตนได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองจนไม่รู้เรื่องรู้ราวเอา
“หนม รุ่นพี่น้ำอุ่นเรียก!” คราวนี้เจ้าของชื่อรู้สึกตัวเพราะถึงสะกิดอย่างแรง ใบหน้าใสหันไปมองตามนิ้วมือของเพื่อนมนุษย์ไป
“ครับ?” หน้าตาเหลอหลาของขนมถ้วยดูเหมือนจะทำให้คนที่มองอยู่ถึงกับหลุดขำออกมา “นายโอเคแล้วใช่ไหม?”
หญิงสาวถามออกมาด้วยความเป็นห่วง แม้จะขำกับหน้าตาของรุ่นน้องคนนี้แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงขึ้นมาเบาๆ “ผมโอเคครับ”
“โอเค ดีแล้วที่ไม่เป็นไรฉันรอดูการแสดงของนายอยู่นะ” ไอดอลรุ่นพี่อย่างน้ำอุ่นโบกมือให้กำลังใจอีกครั้งก่อนจะหันกลับมานั่งตามปกติ เธอจำได้ดีกว่าก่อนหน้านี้ที่จะเกิดเรื่องขึ้นเด็กหนุ่มที่ชื่อ ‘ขนมถ้วย’ ดูเครียดจนหน้าซีดมากแค่ไหน และด้วยความอยากแสดงความเป็นห่วงใย และมีน้ำใจในฐานะรุ่นพี่แม้มันจะไม่ได้มากมายอะไร แต่เธอก็อยากจะให้กำลังใจเด็กหนุ่มจริงๆ
สายตาของเพื่อนเด็กฝึกคนอื่นๆหลายคู่พากันส่งรังสีอิจฉาขนมถ้วยออกมาอย่างไม่ปิดบัง หลังจากที่ไอดอลสาวอย่างน้ำอุ่นพูดให้กำลังใจเขาเช่นนั้น ส่วนพ่อหนุ่มขนมถ้วยน่ะเหรอ ตอนนี้ก้มหน้าก้มตากลับไปขมุบขมิบปากบริกรรมคาถาแบบไร้เสียงอีกครั้งเสียแล้ว
ในขณะที่เซฟก็เอาแต่มองเพื่อนพลางเอียงหูฟังไปด้วยว่าอีกฝ่ายกำลังซ้อมร้องอะไรอยู่ ทำไมรู้สึกเหมือนมันดูห่างไกลจากคำว่าร้องเพลงไปไกลโขอย่างประหลาด แต่พยายามแอบฟังให้ตายก็กลับไม่ได้ยินกลับมาสักคำเลยถอดใจเลิกฟังในที่สุด
“เด็กคนที่ล้มไปก่อนหน้านี้เหรอ” ครูฝึกฉาย 1 ในครูฝึกสอนร้องเพลงประจำซีซั่นนี้เองก็หันไปมองภาพเมื่อครู่อย่างเงียบๆด้วย
“ใช่ค่ะ เขานั่นแหละ” น้ำอุ่นพยักหน้ารับ
“ดูไม่น่าเป็นอะไรแล้วละ หน้าตาดูไม่ซีดเลย ปากก็ขยับไม่หยุดคงจะซ้อมร้องเพลงเร็วหรือไม่ก็แรปอยู่ละมั้ง?” ครูฝึกคนสุดท้ายอย่างครูโย เป็นคนที่มารับหน้าที่ดูเรื่ององค์รวมทั้งหมดเพราะครูโยเป็นนักแต่งเพลงที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในยุคนี้พอสมควรจึงสามารถดูทั้งการร้องเพลง แรป หรือกระทั่งท่าเต้นแบบคร่าวๆได้ด้วยเช่นกัน
“เดี๋ยวเราจะมาเริ่มกันเลยนะครับ เดี๋ยวตีสเลดแล้ว ก็ขึ้นต่อจากเมื่อกี้ได้เลย ส่วนเด็กฝึกทุกคนใครไม่ไหวให้รีบบอก จะขึ้นลงเวทีก็ช่วยระหว่างกันด้วย ถ้ามีอุบัติเหตุอีกรอบอาจจะต้องใช้เวลาถ่ายกันถึงวันพรุ่งนี้เช้าเลยก็ได้นะครับ!” โปรดิวเซอร์แว่นคนเดิมประกาศผ่านโทรโข่งหลังจอประจำตัวด้วยเสียงอันดังก้อง คราวนี้ทีมงานเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยอย่างหนัก เพราะตัวอย่างที่ผ่านมาทำเอาพวกเขาทั้งตกใจและเสียเวลาไปมากแล้ว
“5-4-3-2-1 แอคชั่น!”
คาเมร่าดอลลี่เริ่มขยับทันทีที่สิ้นเสียง หน้าจอขนาดใหญ่ยักษ์ก็ฉายภาพค่ายที่จะต้องขึ้นมาแสดงใหม่อีกครั้งนั้นก็คือ ‘GEM’
“เดี๋ยว! ฉันบอกไปแล้วนี่ว่าเราจะถ่ายค่าย GEM ไว้ที่หลัง ใครไม่ยอมเปลี่ยนสไลด์รูปกัน”
เสียงผู้ช่วยโปรดิวเซอร์กัดฟัน กระซิบขึ้นมาเบาๆพร้อมกับมองไปยังทีมที่ดูแลรับผิดชอบส่วนนี้อย่างหงุดหงิด เธอกำลังจะไปแจ้งเฮดโปรดิวเซอร์อีกครั้งแต่ทว่า 3 หนุ่มเด็กฝึกของค่าย GEM โดยเฉพาะขนมถ้วยกลับพากันชักแถวเดินไปที่เวทีโดยไม่มีสีหน้าอิดออดใดๆ นั้นจึงทำให้หญิงสาวยอมสงบลง เลือกดูท่าทีอีกครั้ง หากมีปัญหาก็ค่อยสั่งเทคอีกครั้งน่าจะยังไม่สาย
.
.
.
“รอบนี้ฉันจะขึ้นไปแสดงความสามารถก่อนแล้วกัน ขืนปล่อยให้นายไปก่อนเกิดรอบนี้หัวใจวายตายขึ้นมา คนอื่นคงไม่ต้องแสดงอะไรกันแล้ว” เพื่อนร่วมค่ายอย่างทีมที่เดินหายต๋อมไปตั้งแต่ทิ้งอีกสองคนไว้ที่ห้องพยาบาล เดินกลับมานั่งประจำที่ไม่นานก่อนที่จะมีการถ่ายอีกครั้ง เด็กหนุ่มไม่แม้แต่จะมองหน้าหรือปรึกษาเพื่อนอีกสองคนที่เหลือ ทั้งเลือกที่จะลัดคิวก่อนในรอบนี้ทั้งๆที่รอบก่อนหน้าเป็นคนบังคับให้ขนมถ้วยเริ่มก่อนแท้ๆ
โชคยังดีที่ตอนนี้พวกเขายังไม่ได้ติดไมค์ไวเลสไว้กับตัว ทีมจึงไม่ถูกคนอื่นๆจับได้ถึงนิสัยส่วนตัวที่ค่อนข้างแย่กับเพื่อนร่วมค่ายเช่นนี้ ส่วนสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะจำนวนเด็กฝึกที่มีเยอะเกินไป จึงเลือกให้ไมค์ไว้เฉพาะเด็กฝึกที่เด่นมากๆก่อน เน้นที่เด็กฝึกจากค่ายใหญ่หรือคนที่ถูกแฟนๆจับตามองว่าเป็นตัวตึงเป็นหลัก ส่วนคนที่เหลือก็ใช้กล้องใหญ่ถ่ายภาพและเสียงช่วงที่เข้าไปใกล้ๆเท่านั้นก็พอ
“นายไม่ควรพูดแบบนี้นะ!” เซฟมองแรงใส่อีกฝ่าย แต่ก็ต้องข่มอารมณ์โมโหลงอย่างเสียไม่ได้เพราะการปรากฏตัวของตากล้องที่เดินเข้ามาเก็บภาพตรงหน้า
“เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปแสดงก่อน นายก็ขึ้นต่อนะ ให้หนมเป็นคนขึ้นคนสุดท้ายเพราะเขาดูตื่นเต้นมาก ให้เวลาเพื่อนตั้งตัวหน่อย” คำพูดของทีมถูกปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดพร้อมด้วย ใบหน้าที่ค่อยห่วงใยและเต็มเปี่ยมไปด้วยมิตรไมตรีเสียจนคนฟังอย่างเฟซอดไม่ได้ที่ยิ้มเจื่อน ในขณะที่ขนมถ้วยนั้นสัมผัสได้ถึงความขนลุกในน้ำเสียงจนเขาถึงกับตัวสั่น
“เมื่อกี้ที่หายไปนายหัวฟาดเหมือนฉันหรือเปล่าทำไมแปลกไป?” ไม่พูดเปล่าขนมถ้วยยังเอียงตัวมองหลังหัวของเพื่อนเพื่อสังเกตดูให้แน่นอน เผื่อว่าจะมีเพื่อนใหม่มาสิงร่างคนตรงหน้าเหมือนที่ตนกำลังเผชิญอยู่
“หยุดล้อเล่นได้แล้ว ฉันไปนะ” ทีมเบี่ยงตัวหนีพร้อมกัดฟันยิ้มหวานให้เพื่อน เขารีบหันกลับและเดินขึ้นเวทีไปอย่างรีบเร่ง ด้วยกลัวจะเผลอตัวสบถด่าท่าทางกวนประสาทของไอ้ปัญญาอ่อนที่หัวฟาดพื้นอย่างขนมถ้วยเข้า
ทีมเดินขึ้นเวทีอย่างมั่นอกมั่นใจ เขาจัดได้ว่าเป็นคนหน้าตาดีสไตล์หนุ่มหล่อแบบพิมพ์นิยม แม้ว่าเขาจะเด่นที่สุดยามเมื่ออยู่ในค่าย GEM และทางค่ายเองก็ให้ความสำคัญจนเลี้ยงดูปูเสื่อ กระทั่งส่งเด็กฝึกคนอื่นๆมาช่วยดันเขาให้โดดเด่นในรายการนี้ก็ตาม
แต่ทว่าพอมาอยู่ท่ามกลางเด็กฝึกจากหลายๆค่าย ที่มีทั้งความสามารถและหน้าตาดีที่ไต่ขึ้นแรงค์บนๆเพียงแค่ปรากฏตัวไม่กี่วิ ทีมก็ไม่อาจจะทำให้ตัวเองโดดเด่นมากถึงขั้นทำให้ผู้คนจดจำอะไรมากตามที่หวังเอาไว้ในครั้งแรก คุณภาพของเขาถูกลดลงจากหล่อ เป็นดูโอเคไปเสียเฉยๆ นั้นทำให้ทีมอารมณ์เสียไม่น้อยตอนที่เห็นโพลข่าวที่หลุดว่าจะมีใครบ้างมาออกรายการในช่วงแรกๆ
ดังนั้นเพื่อที่จะถีบตัวเองให้เด่นมากพอ ทีมจึงจำเป็นต้องพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองได้รับความสนใจทั้งจากหน้ากล้อง จากครูฝึกและที่สำคัญจากแฟนๆที่รอดูอยู่ทางหน้าจอ
ชายหนุ่มขึ้นไปยืนอยู่หน้าเวทีด้วยความมั่นใจ เขาสวัสดีครูฝึกทุกคนด้วยความนอบน้อม พร้อมกับแนะนำตัวด้วยเสียงอันดัง
“สวัสดีครับผมทีม ทีรภัทร จาก GEM ครับ เป็นเด็กฝึกที่ GEM มาได้ 1 ปีครึ่งแล้วครับ”
เหล่าบรรดาครูฝึกยิ้มรับก่อนจะก้มลงดูประวัติของเด็กหนุ่มอย่างสนใจ “เพิ่งฝึกได้ 1 ปีนิดๆเอง แสดงว่าต้องเด่นมากพอสมควรเลยนะเนี่ย ในนี้เขียนว่าความสามารถคือเป็นเมนโวคอลสินะ” ครูฝึกฉายมองกระดาษสลับกับใบหน้าของเด็กหนุ่มไปด้วย
“ใช่ครับ ผมเป็นเมนโวคอล”
“โอเค งั้นวันนี้เธอจะมาโชว์อะไรให้พวกครูดูกันล่ะ?” ครูฝึกโยเคาะนิ้วลงกับโต๊ะเบาๆ เพื่อรอคอยการแสดงด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
“ผมจะร้องเพลงครับ” พอพูดเช่นนั้นไอดอลสาวอย่างน้ำอุ่นก็พยักหน้าส่งสัญญาณว่าให้เริ่มได้ในทันที เธอจะไม่ถามว่าเป็นบทเพลงของใคร ครูฝึกทั้งหมดตัดสินใจที่จะฟังก่อนแล้วค่อยวิจารณ์ทั้งหมดที่หลัง
ดนตรีเริ่มขึ้นอย่างเรียบง่ายไร้เสียงร้อง ถูกทีมเติมแต่งเสียงลงไปอย่างสุดพลัง เขางัดทุกอย่างที่สามารถทำได้มาลงที่ตรงหน้าเวทีเพราะไม่ต้องการได้รับการตัดเกรดที่ ‘F’ และถ้าเขาไม่หวังสูงเกินไปอย่างน้อยๆเขาจะถีบตัวเองให้ไปถึงการตัดเกรดระดับ ‘A’ ให้จงได้
หลังเพลงจบลงครูฝึกทั้ง 3 คนก็พากันปรบมือให้ชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆให้ทีมได้รู้สึกใจชื้นขึ้นมา และยืนรอบทวิจารณ์จากคุณครูด้วยความตื่นเต้นทีมเชื่อว่าเขาทำได้ดี และมันดีจนต้องพาตัวเองปีนขึ้นไปที่การตัดเกรดระดับ A ได้ไม่ยากอย่างแน่นอน
ครูฝึกโยเป็นคนแรกที่หยิบไมค์ขึ้นมาวิจารณ์ “ร้องดีนะ เสียงร้องไม่สั่นดูมีพลังเลยแต่ขาดเสน่ห์ไปหน่อย”
คำพูดของครูฝึกทำเอาทีมที่ย่ามใจถึงกับสะอึก เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะถูกพูดว่าเสียงไร้เสน่ห์แบบนี้มาก่อน แต่ก็กลืนคำวิจารณ์ลงไปและพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มแทน “ครับ”
“การตัดเกรดเดี๋ยวจะแจ้งพร้อมเพื่อนๆอีก 2 คนแล้วกันนะคะ” น้ำอุ่นยิ้มให้อีกครั้ง ก่อนจะส่งสัญญาณชายหนุ่มลงไปรอข้างล่างก่อน
พอเห็นว่าทีมกำลังเดินลงไป เซฟก็ขยับตัวขึ้นเป็นคิวถัดไปอย่างต่อเนื่อง เหลือเพียงแค่ขนมถ้วยที่ยืนมองอยู่เพียงลำพังโดยมีทีมที่ปั้นหน้ายิ้มลงเดินลงมารอที่ข้างล่างอีกครั้ง
ระหว่างพวกเขาไม่มีคำพูดใดหลุดขึ้นแม้แต่คำเดียว สิ่งที่ทีมทำมีเพียงยืนอยู่ข้างกายขนมถ้วยพร้อมกับมองขึ้นไปบนเวที ในขณะที่ขนมถ้วยนั้นยืนเหม่อคิดอะไรอยู่ภายในใจมากมายไปหมด
เซฟใช้เวลาแสดงการเต้นที่พลิ้วไหวอยู่บนเวทีไม่นาน ก็เดินกลับลงมาพร้อมกับเหงื่อที่ไหลซึมตามไรผมอย่างเบาบาง ชายหนุ่มยิ้มตาหยีให้เพื่อนพร้อมกับตบลงบนบ่า และพูดให้กำลังใจอีกฝ่ายไปด้วย
“หนมตานายแล้ว สู้ๆนะ!”
“อืม ขอบใจ”
ในขณะที่ทีมนั้นยืนนิ่งเฉย เพราะตากล้องเดินจากไปตั้งแต่เมื่อ 2-3 นาทีก่อน เพื่อไปรอเก็บภาพเด็กฝึกค่ายใหญ่ค่ายดังที่จะรอขึ้นเป็นคิวถัดไป ทีมจึงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรที่ดูฝืนใจออกมา
ขนมถ้วยถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาก้าวเท้าเดินขึ้นไปบนเวทีด้วยสีหน้าที่ทำเอาเซฟและทีมถึงกับแปลกใจ เพราะครั้งนี้ชายหนุ่มกลับไม่มีทางทีตื่นเวทีหน้าซีดปากสั่นเหมือนก่อนหน้านี้เลย ท่าทางที่เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนก็ว่าได้ หรือการที่ล้มหัวฟาดจะทำให้เราสมองสั่นจนมีความกล้าหาญขึ้นมาจริงๆกันนะ?
แสงไฟสาดสว่างไปทั่วทั้งเวที ตรงหน้าของขนมถ้วยมีคนที่เรียกตัวเองว่าครูฝึกนั่งนิ่งอยู่ตรงหน้าในความทรงจำ เบื้องหลังพวกเขาก็ยังมีเหล่าเพื่อนเด็กฝึกจากค่ายต่างๆที่ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมเองก็จำได้บ้างจำไม่ได้บ้างกำลังจ้องตรงมายังเวทีที่ตัวเขากำลังยืนอยู่
ความรู้สึกภายในใจของขนมถ้วยรู้สึกแปลกประหลาดมาก มันสั่นเบาๆราวกับกำลังหวาดกลัวอะไรอยู่ แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่ขนมถ้วยรู้สึก ขนมถ้วยแน่ใจว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่ความรู้สึกของเขาเองและตัดสินใจที่จะสลัดมันทิ้งโดยไม่ไยดี
ภาพที่คนอยู่เยอะๆ ไม่ได้ทำให้ขนมถ้วยกลัวเลย ทั้งชีวิตของขนมถ้วยก่อนหน้านี้เขาเคยพบเจอกับมนุษย์ที่เยอะแยะมากกว่านี้หลายเท่า งานวัด งานลิเก งานฝังลูกนิมิต งานแสดงโขน งานแข่งชกมวย หรือกระทั่งงานแข่งเรือยาว ต่างก็มีผู้คนหลั่งไหลกันมาไม่ขาดสายมากยิ่งกว่านี้ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่
ขนมถ้วยที่มุดรั้วหนีออกจากบ้าน ว่ายน้ำข้ามคลองเพื่อมุ่งตรงไปเที่ยวเล่นตามสถานที่ที่ว่ามาเพราะชื่นชอบผู้คนและเสียงคึกคักตัวนี้ไม่กลัวหรอกนะจะบอกให้ สิ่งที่เขากลัวมีแค่อย่างเดียวเท่านั้นแหละคือการที่ถูกเจ้านายถือไม้เรียวมาตามกลับบ้าน นี่ต่างหากที่เรียกว่ากลัวของจริง
“สวัสดีจ้า ชื่ออะไรเอ่ย?” เพราะเห็นว่าก่อนหน้านี้ขนมถ้วยล้มหัวฟาดจากความตื่นเต้นก่อนขึ้นเวที ครั้งนี้น้ำอุ่นจึงเป็นฝ่ายทักทายขึ้นมาก่อน เพราะเธออยากให้ชายหนุ่มลดความตึงเครียดของตัวเองลง
“สวัสดีครับ ผมชื่อ ขนมถ้วยครับ แต่ผมชอบให้เรียกเฉยๆว่า ถ้วยครับ” ขนมถ้วยหรือถ้วย ไม่ลืมมารยาทที่มนุษย์ควรมีชายหนุ่มพนมมือไหว้ย่อลงต่ำจนเกือบถึงพื้น
“ตายแล้วมือไม้อ่อนมาจะถึงพื้นแล้ว ฮ่าๆๆ” ครูฝึกฉายหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้เหมือนเห็นสิ่งที่เด็กหนุ่มทำ อะไรจะเวอร์ขนาดนี้กันนะ
“ชื่อน่ารักเชี่ยว แต่ทำไมในประวัติบอกว่าให้เรียกว่า หนม ล่ะ?” น้ำอุ่นอ่านกระดาษตรงหน้าแล้วถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ผมเพิ่งอยากเปลี่ยนให้มาเรียกว่าถ้วยแทนเมื่อ 2 นาทีก่อนเองครับ ยังไงก็รบกวนเพื่อนๆทุกคนเรียกว่าถ้วยแทนหนมด้วยนะครับ ส่วนขนมถ้วยยาวไปครับเรียกถ้วยพอแล้ว” เขาให้เหตผลอย่างง่ายๆ ชาติที่แล้วเขาเองก็ชื่อว่าขนมถ้วยเหมือนกัน แต่เจ้านายชอบเรียกเขาว่าถ้วยเฉยๆ จนเขาชิน ถ้าชาตินี้จะต้องกลับมาใช้ชื่อเดิมก็อยากให้เรียกแบบเดิมจะคุ้นหูกว่ามากกลัวว่าเรียกหนมแล้วจะพาลจะจำชื่อตัวเองไม่ได้จนพาลไม่หันไปตามเสียงเรียกเอาในอนาคตเข้า
“โอเคๆ ในนี้เขียนว่าตำแหน่งของเราคือเมนโวคอลเหมือนกับทีมเพื่อนเราเลยใช่ไหม แสดงว่าวันนี้ก็จะมาร้องเพลงเหมือนกันหรือเปล่า?” ครูฝึกโยพลิกกระดาษไปมา พร้อมถามอย่างสนใจ
“ผมเป็นเมนโวคอลครับ แต่วันนี้ไม่ได้จะมาร้องเพลงครับ” ขนมถ้วยส่ายหน้าปฏิเสธ
“แล้วจะแสดงโชว์อะไรงั้นเหรอ ยังเกี่ยวกับการโชว์เสียงอยู่หรือเปล่า?” ครูฝึกฉายแสดงสีหน้าแปลกใจออกมา
“ครับ ผมยังจะโชว์พลังเสียงอยู่ครับ” ครั้งนี้เขาพยักหน้าตอบรับ
“แล้วจะแสดงอะไรล่ะ?” ดวงตาของน้ำอุ่นด้วยแวววาว เธอดูจะเริ่มสนใจการแสดงครั้งนี้ของเด็กหนุ่มขึ้นมาบ้างแล้ว
“ผมจะพากย์แข่งเรือยาวครับ”
จบประโยคทั่วทั้งสตูดิโออัดก็เงียบงันไปทันที
ตอนที่ 02 (1/2)
“ผมจะพากย์แข่งเรือยาวครับ”
ใบหน้าและคำพูดที่สุดจะมั่นใจนั้นทำเอาคนฟังทั่วทั้งสตูดิโอถึงกับอ้าปากค้าง อะไรนะยังไงซิ ไอ้หมอนี่มันเป็นอะไรของมัน หัวฟาดจนสมงสมองไปหมดแล้วหรือยังไง?
“ทำบ้าอะไรของนาย!” เซฟยืนมองเพื่อนตัวเองพูดเรื่องบ้าๆอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา หมอนี่เห็นการแข่งเป็นเรื่องตลกไปแล้วเหรอไงวะ
เขาทำได้แค่ยืนกุมหัวเพราะไม่รู้ว่าจะควรจะทำอย่างไรดีกับเหตุการณ์ตรงหน้า ในขณะที่เพื่อนร่วมบริษัทอีกคนอย่างทีมทำเพียงแค่มองคนที่กำลังเป็นบ้าอยู่บนเวทีด้วยท่าทีที่คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะขาดสติได้ถึงขนาดนี้
“คุณบอกว่าอะไรนะ?” คุณฝึกฉายเป็นคนแรกที่ได้สติก่อนคนอื่นๆ เธอลองถามใหม่อีกครั้งเผื่อว่าจะเป็นแค่มุกตลกของเด็กหนุ่มตรงหน้า
ขนมถ้วยเอียงคอมองคนถามเล็กน้อยพลางคิดว่าพวกมนุษย์น่าจะหูไม่ค่อยดีจริงๆ ถึงเอาแต่ถามว่า ‘อะไรนะๆ’ กันหลายต่อหลายคนแล้วทั้งๆที่เขาก็พูดเสียงดังฟังชัดแท้ๆ “ผมจะพากย์แข่งเรือยาวครับ”
โอเค เป็นอันรู้กันว่าอีกฝ่ายไม่ได้เล่นมุกจริงๆ “ทำไมถึงอยากจะมาพากย์แข่งเรือให้ฟังล่ะ?” ครูฝึกโยแปลกใจมากแต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยขัดอะไรออกมา กลับถามด้วยความสนอกสนใจแทน
“ก็มันเป็นการแสดงความสามารถ ผมเก่งใช้เสียงจริงๆ อีกอย่างมันไม่จำเป็นต้องแสดงแค่การร้องเพลงนี่ครับ ทุกคนที่ออกมาโชว์ก็พากันเอาแต่ร้องเพลง ผมเองก็ร้องได้ แต่แค่ผมใช้เสียงในการพากย์เก่งกว่าเลยอยากโชว์มากกว่าครับ”
อันที่จริงเขาหอนเก่งที่สุดต่างหาก แต่คิดว่าถ้าจะแสดงความสามารถในการหอนแบบไม่หยุดหายใจ มนุษย์พวกนี้ไม่น่าจะยอมรับได้แน่ๆ เลยต้องเปลี่ยนมาพากย์แข่งเรือยาวเอาแทน เพราะจังหวะหายใจน้อยพอๆกับยามหอนไม่แตกต่าง
จริงๆแล้วเรื่องของเรื่องก็คือแถวบ้านเจ้านายผมมีมักจะมีงานกันอยู่บ่อยๆ หนึ่งในงานที่จัดได้ว่าใหญ่โตที่สุดงานหนึ่งก็คืองานแข่งเรือนี่แหละ เพราะคลองแถวนั้นเป็นคลองที่ทั้งกว้างและก็ยาว
แถมติดๆกับวัดสำคัญๆที่พวกชาวบ้านนิยมไปทำบุญกันเสมอ ดังนั้นเวลาที่จะจัดงานทีก็มักจะจัดกันแถวนี้ งานแข่งเรือก็เป็นหนึ่งงานที่จัดตรงนี้เช่นกัน และผมก็เป็นแขกตัวสำคัญของงานบ่อยๆ เพราะเจ้านายมักจะจูงผมไปด้วยตอนเปิดงานแข่งขันพวกนั้นและผมก็จะได้นั่งมองในจุดที่เห็นชัดที่สุดและได้ยินเสียงพากย์ดังที่สุดอีกด้วย
ส่วนผมที่นอนอยู่ข้างเก้าอี้ของเจ้านายตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอกครับ แต่พอสักพักเสียงพากย์เหล่านั้นมันมักดึงดูดให้ผมขยับปากอยากหอนสู้ยังไงไม่รู้ จนกระทั่งผมทนไม่ได้สุดท้ายก็เลยลุกขึ้นนั่งแล้วก็หอนแข่งกับพวกเขาออกไปจริงๆ
เจ้านายเองตอนแรกๆที่ผมหอนก็ดุพร้อมขำไปแต่หลังๆก็ปล่อยให้ผมทำไปด้วยเห็นว่าชาวบ้านที่นั่งอยู่พากันชอบใจ ไม่มีคำติติง ไอ้ผมมันก็ฮึกเหิมเสียไปดิ เห็นเจ้านายให้ท้าย มนุษย์ชาวบ้านชอบใจ และตัวผมเองก็เพราะคิดว่ามันท้าทายดี ก็เลยไปต่อ
แรกๆผมก็หอนยาวๆแข่งกับเขาไม่ไหวหรอกครับ แต่พอจัดหลายๆปีเข้าผมก็แก่กล้าวิชามากขึ้น ปีสุดท้ายก่อนที่ผมจะจากเจ้านายมาผมก็หอนได้ยาวเป็นหลายนาทีไม่มีพักจนชาวบ้านแถวนั้นถึงกับปรบมือให้ด้วยซ้ำ เพราะงั้นงานพากย์แข่งเรือยาวของผมเลยสามารถมั่นใจได้ว่าต้องแข็งแกร่งไม่แพ้พวกมนุษย์ที่ขึ้นไปร้องเพลง ไปเต้นแปลกๆ ก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน
“อ่า…เอาจริงสินะ?” ขนมถ้วยมองผู้หญิงที่ชื่อน้ำอุ่นนวดหัวตาแล้วก็ได้แค่สงสัย ก็พูดอยู่แถมพูดไปสองรอบแล้วว่าจะพากย์เรือแข่ง ทำไมถึงยังถามแบบนี้กันนะ “ครับ” ผมพยักหน้ารับพร้อมเดินไปหยิบไมค์ที่วางอยู่ข้างหน้ามาถือตามคนที่พากันเดินขึ้นไปก่อนหน้านี้
“เอาก็เอา เพราะมันเป็นการแสดงความสามารถพากย์เรือแข่งก็ถึงเป็นการแสดงความสามารถทางเสียงได้จริงๆนั่นแหละ” ครูฝึกโยยอมรับความต้องการของเด็กหนุ่มตรงหน้าโดยมีครูฝึกอีก 2 คนที่เงียบไปสักพักก่อนจะพยักหน้ายอมตกลงเอาด้วยในที่สุดแม้จะรู้สึกแปลกๆไปบ้างก็ตาม
“เริ่มได้เลยค่ะ” ในเมื่อชายหนุ่มรุ่นน้องตรงหน้าอยากที่จะทำสิ่งที่แหวกแนวกว่าชาวบ้านและเธอรวมถึงกรรมการคนอื่นๆเองก็ตกลงยินยอมแล้ว จึงไม่มีอะไรที่ต้องทักท้วงอีกต่อไป น้ำอุ่นจึงเปิดทางให้การแสดงครั้งนี้อย่างเต็มที่
สิ่งที่ขนมถ้วยทำหลังจากได้รับสัญญาณการอนุมัติ ชายหนุ่มยืดตัวตรงพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับขยับไมค์ขึ้นเพื่อที่จะจ่อไปที่ริมฝีปากของตนเอง ดวงตากลมโตแวววาวราวกับลูกหมาจับจ้องไปยังภาพตรงหน้าโดยไม่มีความหวาดเกรง ก่อนจะมองเหล่าเพื่อนมนุษย์หน้าเป็นเพียงทีมเรือยาวที่เรียงแถวกันท่ามกลางแม่น้ำเส้นใหญ่ที่ทอดยาวไปหลายกิโลเมตร
‘แววตาของเขามุ่งมั่นดีมาก ดูไม่มีความกลัวเลย’ แม้จะยังไม่ทันได้เริ่มโชว์อะไรแต่ครูฝึกฉายก็กลับนึกชื่นชมท่าทางแบบนี้ของอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก
ภาพในสายตาของขนมถ้วยตอนนี้ คือร่างของกรรมการที่ยกมือขึ้นเพื่อเริ่มเป่านกหวีดพร้อมเรือยาวเริ่มไสตัว เหล่าทีมฝีพายที่จวกน้ำจนสาดกระเซ็นไปทั่วคุงน้ำ ส่วนตัวของขนมถ้วยที่สวมบทเป็นนักพากย์เองก็ฮึบลมหายใจหนึ่งครั้งพร้อมปลดปล่อยเสียงพากย์อันดังกึกก้องไปทั่วสตูดิโออย่างแข็งแกร่งทันที
“เอาล่ะครับกรรมการเป่านกหวีด
เริ่มให้สัญญาณปล่อยตัวกันออกมาแล้ว
ตอนนี้ผ่านไปได้ค่อนทาง หัวเรือของทีมนิมนต์หลวงพ่อจักษ์
ในลู่ที่ 4 ออกตัวทิ้งห่างเล็กน้อย
ตามมาติดๆด้วยเทพยุตนันท์ในลู่ที่ 1 สมความเป็นเทพในตัวท่าน
และเสืออีสานลู่ที่ 6 เองก็จวกยับสู้ไม่ถอย ผาดโผนโจรทะยาน
จนขึ้นมาเป็นที่ 3 ไปได้ทั้งแปดทีมไสลำขับเคี่ยวกันอุตลุด
ไม่ถอดใจ ถอดไส้เหมือนแม่สาวกระสือสมัยใหม่ ที่ถอดหัวตามหารักแท้
…อุ๊บ๊ะๆๆๆ ว่าไม่ได้ ถึงไม่ใช่กระสือแต่คนสวยเมืองสิงห์ลู่ 7
ก็แผลงความสวยเข้าให้แล้ว เบียดเข้ามา เบียดเข้ามา
เกือบเบียดหลวงพ่อจักษ์ตกจากอันดับ 1 ไปได้แล้ว
ดีที่หลวงพ่อจักษ์สู้ไม่ถอย ใช้ตาลปัตรพัดเรือให้ทิ้งห่างสีกาคนสวยไปได้
ตายแล้ว หันไปมองทางพรพระเจ้าตากกลับตกไปอยู่ที่สุดท้าย
น่าจะขอพรท่านมากไป ท่านให้ไม่ไหวเลยได้แห้วมาแทะ
ส่วนทาง ไม้ประดู่ ลู่ 2 ไม้น่าจะหนักจวกเท่าไหร่ ก็ไม่ไปไปไกลกว่าที่ 7
แม่เศรษฐีเรือเพชร ลู่ 6 ชื่อดูรวยมาก แต่ซื้ออันดับให้ตัวเองไม่ได้
น่าเศร้าเหลือเกิน ไม่เป็นไรอย่างน้อยเราก็รวย
หันกลับไปมอง นิมนต์หลวงพ่อจักษ์
หลวงพ่อจักษ์หยิบไม้มาเคาะหัวโป๊กๆ
พร้อมพรมน้ำมนต์จนเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1
ตามมาด้วย คนสวยเมืองสิงห์ ที่ยิ้มหวานโชว์ฟันขาวปากแดง
ที่ตามเข้ามาเป็นอันดับ 2
และ เทพยุตนันท์ เป็นอันดับที่ 3 แบบสมกับความเป็นเทพ
ในขณะที่เสืออีสานถึงกับซึมโดนแซงหน้าตกอันดับจากที่ 3 เป็นที่ 4 เฉย
เสียดายแท้ ถ้าไม่เจอความสวยของ คนสวยเมืองสิงห์
คงจะได้ที่ 3 ไป แบบเสืออีสานติดปีก
ผู้ชนะของรอบนี้ได้แก่ นิมนต์หลวงพ่อจักษ์ จากลู่ที่ 4
เดี๋ยวนิมนต์ขึ้นเรือมาพักผ่อนตามอัธยาศัยรอขึ้นแท่นรับถ้วยรางวัล
พร้อมลำดับที่ 2 และ 3 อย่าง คนสวยเมืองสิงห์ และ เทพยุตนันท์ นะครับ
สำหรับอีก 2 สายที่เหลือจะเป็น
ประเภท 40 ฝีพาย และ 30 ฝีพาย เดี๋ยวเราจะกลับมา
ในอีกอึดใจขอคนพากย์ไปดื่มน้ำปัสสาวะสักครู่ครับ”
เสียงพากย์ของขนมถ้วยระรัวราวกับปืนกล ไม่มีเสียงตก เสียงหลบใน สระพยัญชนะ มาครบ ฟังรู้เรื่องทุกตัวอักษร จังหวะจะโคนไม่มีหลุด ดวงตากลมโตฉ่ำแววมองตรงมายังหน้าเวที ดูสนุกสนาน จนจมูกรั้นๆบานออกด้วยความตื่นเต้น หมาน้อยดึงเอาความทรงจำที่เคยประสบในชีวิตก่อนมาใช้ เขาพากย์มันราวกับกำลังอยู่ในงานแข่งเรือยาวของจริงไม่มีผิดเพี้ยน และจบประโยคลงด้วยมุกเก่าๆแต่ก็ยังทำให้คนฟังยิ้มได้
ในขณะที่ทั้งสตูดิโอพากันเหวอแดก กับทักษะการพากย์ที่ดุดันไม่เหมือนใครและไม่คิดว่าจะมีไอดอลคนไหนอยากเหมือนจบลง พร้อมกับที่เหล่าครูฝึกพากันก้มหน้าลงต่ำพยายามหักห้ามตัวเองไม่ให้หัวเราะออกมาจนไหล่สั่น
‘นี่มันเป็นการแสดงความสามารถพิเศษที่สมชื่อจริงๆ’
น้ำอุ่นเม้มปากอย่างหนักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบสายตาที่ดูจริงจังอย่างถึงที่สุดของเด็กหนุ่ม ตั้งแต่เกิดมาเป็นไอดอลเธอไม่เคยเห็นใครพยายามเป็นแบบนี้มาก่อนจริงๆ รุ่นน้องคนนี้มีภาพลักษณ์ที่ แปลกใหม่ จริงๆนั่น