โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

กรณีศึกษาเจ้าของ KFC และ Pizza Hut ในจีน ขยายร้านอีก 1,000 สาขา แต่ไม่เพิ่มคน เพิ่มแค่ ‘หุ่นยนต์’ เท่านั้น

TODAY

อัพเดต 11 ก.พ. 2565 เวลา 09.01 น. • เผยแพร่ 11 ก.พ. 2565 เวลา 08.37 น. • workpointTODAY
กรณีศึกษาเจ้าของ KFC และ Pizza Hut ในจีน ขยายร้านอีก 1,000 สาขา แต่ไม่เพิ่มคน เพิ่มแค่ ‘หุ่นยนต์’ เท่านั้น

หรือนี่จะเป็นยุคทองของหุ่นยนต์? พาไปดูกรณีศึกษาของ Yum China ที่ขยายธุรกิจ เพิ่มสาขา แต่ไม่เพิ่มคน กลับนำเอาหุ่นยนต์มาใช้เพิ่มมากขึ้น 

ถ้าดูสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกตอนนี้ ภาษาเศรษฐศาสตร์เขาเรียกว่า ‘เศรษฐกิจขาดแคลน’ (shortage economy) ซึ่งหมายถึงการที่ทุกสิ่งอย่างกำลังขาดแคลนหนักมาก ตั้งแต่สินค้าเครื่องใช้ในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า ลามไปถึงภาคแรงงาน ที่ขาดแคลนคนในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยสาเหตุหลักๆ มาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นสูง และเศรษฐกิจไม่สามารถฟื้นตัวได้จากโควิด-19

ปัจจุบัน ปัญหาขาดแคลนแรงงาน เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ โดยเฉพาะตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงทำให้เกิดกระแส The Great Resignation ที่คนทยอยกันลาออกจากงานประจำของตัวเอง เนื่องจากการตั้งคำถามว่างานที่ทำอยู่ปัจจุบันมันดีจริงมั้ย หรือแม้กระทั่งว่างานที่ทำอยู่จะสามารถเลี้ยงชีพตัวเองได้หรือไม่

ปัญหานี้เองก็ยังส่งผลกระทบต่อเจ้าของธุรกิจหลายๆ องค์กรด้วย เนื่องจากตอนนี้ขาดแคลนแรงงานเป็นอย่างมาก ถึงแม้บางบริษัทสร้างข้อเสนอต่างๆ เช่น การเพิ่มเงินเดือน เพื่อที่จะยังยื้อพนักงานปัจจุบันไว้อีกด้วย

[ ในเมื่อขาดแคลนแรงงาน ก็ไปเพิ่มหุ่นยนต์แทน ]

แม้ว่าโลกจะอยู่วิกฤตขาดแคลนแรงงานทั่วโลก แต่เชนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด Yum China เจ้าของเชนร้านอาหารชื่อดังอย่าง KFC และ Pizza Hut ในประเทศจีน ออกมาเปิดเผยว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา จำนวนพนักงานไม่ได้ลดลงไปเลย แต่ก็ไม่ได้เพิ่มจำนวนขึ้นด้วย เพราะทางแบรนด์ได้นำการใช้หุ่นยนต์ และจอสัมผัสมาใช้งาน ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นบุคลากรแรงงานคนหนึ่งเลย

เนื่องจากในปัจจุบัน ร้านอาหารในเครือ Yum China ส่วนมาก จะมีการใช้ตู้คีออส (kiosk) หรือเครื่องจอสัมผัสที่ให้บริการอัตโนมัติ ลูกค้าสามารถสั่งอาหารและเครื่องดื่ม และยังสามารถชำระเงินผ่านตู้คีออสด้วยตนเอง อีกทั้งยังสามารถรับสินค้าได้ด้วยตัวเองผ่านตู้ล็อคเกอร์ นอกจากนี้้ KFC บางสาขาในหัวเมืองใหญ่ ยังมีการเสิร์ฟไอศกรีมผ่านหุ่นยนต์อีกด้วย 

โจอี้ วัต ซีอีโอของ Yum China เผยว่า จากปี 2016 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันนี้ จำนวนพนักงานประจำและพาร์ทไทม์ ยังคงจำนวนเท่าเดิมอยู่ที่ 420,000 คน โดยในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา จำนวนร้านอาหารเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 56% ซึ่งในปี 2021 จำนวนร้านอาหารเพิ่มขึ้นสุทธิอยู่ที่ 1,282 สาขา ส่วนกำไรสุทธิต่อปี เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 990 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 2 เท่า

โดยในปีนี้ โจอีเผยเพิ่มเติมว่า เขามีแผนที่จะขยายจำนวนร้านอาหารอีก 1,000 ถึง 1,200 สาขา ภายใต้แบรนด์ของเขา ซึ่งไม่ได้มีแค่ KFC กับ Pizza Hut แต่ยังรวมไปถึงร้านอาหารฟาสต์ฟู้ตเม็กซิกันอย่าง Taco Bell, เชนร้านอาหารฮอตพอต Little Sheep และ Huang Ji Huang, รวมไปถึงร้านกาแฟ COFFii & JOY และ Lavazza อีกด้วย

หนึ่งสิ่งที่ โจอี้ กล่าวไว้ในการลงทุนครั้งนี้คือ ‘สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ประสิทธิภาพ (the key is efficiency)’ และยังเชื่ออีกว่าทางแบรนด์ยังจะสามารถลงทุนในการออกแบบการวิจัยและพัฒนา (R&D) มากขึ้นอีกด้วย โดยในช่วงตุลาคมปีนี้ ทางแบรนด์จะลงทุน 200 ล้านดอลลาร์ เพื่อที่จะเปิดสาขาเพิ่มใน เซี่ยงไฮ้ ซีอาน และ หนานจิง

ถึงแม้ว่าสถานการณ์ของ Yum China ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากนัก แต่เมื่อไตรมาสที่ผ่านมา ยอดขายของสาขาที่สามารถเปิดบริการทานในร้านได้ ลดลงอยู่ที่ 11% เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ และยังมีร้านอาหารในเครือที่ปิดตัวไปมากกว่า 500 สาขา จากการแพร่ระบาดของโอมิครอน นอกจากนี้ ค่าแรงยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อยู่ที่ 2.25 พันล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 31% จากปี 2020 เนื่องจากค่าประกันสุขภาพของพนักงานที่มีราคาสูงขึ้น และยังเพิ่มเบี้ยประกันให้กับผู้จักการร้านอีกด้วย 

แอนดี้ หยาง ซีเอฟโอของ Yum China เผยว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา จำนวนยอดขายลดลงเมื่อเทียบกับเทศกาลตุรษจีนของปี 2021 ถึงแม้ว่าภาพรวมอาจจะไม่ได้รับผลกระทบมากขนาดนั้น แต่สถานการณ์โลกตอนนี้ยังไม่มีอะไรแน่นอน ทุกอย่างยังไม่นิ่งมากนัก

การนำหุ่นยนต์มาใช้ในอุตสาหกรรมร้านอาหาร อาจจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ และในอนาคตอาจจะลดค่าใช้จ่ายของธุรกิจได้อีกด้วย ถ้าตัดภาพมาที่ประเทศไทย ตอนนี้ทาง “เอ็มเค กรุ๊ป” ก็เริ่มต้นนำเข้านวัตกรรมหุ่นยนต์ เพื่อมาช่วยแนะนำโปรโมชั่นต่างๆ และเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าแบบไร้สัมผัส แถมยังเดินเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มได้แบบไม่สะดุดเพราะมีเซนเซอร์ที่ทันสมัย  

ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า การนำหุ่นยนต์มาใช้แทนที่จะมีประสิทธิภาพจริงๆ หรือไม่ แล้วจะยังสามารถแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานในระยะยาวได้หรือมั้ย เพราะสุดท้ายแล้ว บางทีมนุษย์อาจจะต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับพนักงานที่เป็นคนเหมือนกันก็เป็นได้ 

ที่มา

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 0

ยังไม่มีความเห็น