โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

ดูคำกล่าว ปธน.ปาเลสไตน์ มีท่าที-ความเห็นอย่างไรต่อสงครามอิสราเอล-ฮามาส

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 14 ต.ค. 2566 เวลา 19.09 น. • เผยแพร่ 14 ต.ค. 2566 เวลา 02.43 น.
Plalestine_president
ฉนวนกาซาหลังการโจมตีโต้กลับของอิสราเอล วันที่ 9 ตุลาคม 2023/ มาห์มูด อับบาส ปธน.ปาเลสไตน์ (ภาพโดย AFP)

สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธ “ฮามาส” ชาวปาเลสไตน์ ไม่ได้ถือว่าเป็นสงครามระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ เพราะฮามาสไม่ใช่ตัวแทนของรัฐ แต่เป็นกลุ่มหัวรุนแรงที่อยู่คนละขั้วกับรัฐบาลปาเลสไตน์ที่บริหารปาเลสไตน์ในเวสต์แบงก์

เมื่อ “ฮามาส” ไม่เท่ากับ “ปาเลสไตน์” แต่ “ปาเลสติเนียน” ส่วนหนึ่งเป็นฮามาส หรือเชียร์ฮามาส ในสถานการณ์สงครามรอบใหม่ที่จุดชนวนโดยฮามาสซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตของชาวปาเลสไตน์จำนวนมาก จึงน่าจะเป็นภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกพอสมควรสำหรับรัฐบาลปาเลสไตน์

น่าสนใจว่าผู้มีอำนาจปกครองปาเลสไตน์คิดเห็นอย่างไรต่อสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสในครั้งนี้

ประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส (Mahmoud Abbas) ของปาเลสไตน์แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2023 ระหว่างที่เขาพบกับแอนโทนี บลินเคน (Antony Blinken) รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ ในการเยือนกรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน

เมื่อพบกับแอนโทนี บลินเคน ประธานาธิบดีอับบาสของปาเลสไตน์กล่าวกับบลิงเคนว่า ตัวเขาปฏิเสธ “การบังคับย้ายถิ่นฐาน” ที่กระทำต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา

เขากล่าวว่า การอพยพของชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาครั้งนี้จะถือเป็น “นักบาห์ครั้งที่สอง” ซึ่งหมายถึงการพลัดถิ่นครั้งใหญ่ของชาวปาเลสไตน์ในสงครามปี 1948 ซึ่งเกี่ยวกับการกำเนิดของประเทศอิสราเอล

พร้อมทั้งเสริมว่า จะต้องมีการอนุญาตให้สร้างช่องทางเพื่อมนุษยธรรม (humanitarian corridor) ในฉนวนกาซาทันที เพื่อป้องกันหายนะด้านมนุษยธรรม

ก่อนการพบกับบลิงเคนหนึ่งวัน รอยเตอร์ (Reuters) รายงานอ้างอิงสำนักข่าววาฟา (WAFA) ของทางการปาเลสไตน์ว่า อับบาสได้ประณามความรุนแรงที่กระทำต่อพลเรือนของทั้งสองฝ่าย ทั้งการโจมตีอย่างรุนแรงของกลุ่มฮามาสต่ออิสราเอล และการโจมตีอย่างไม่หยุดยั้งของอิสราเอลในฉนวนกาซา

ประธานาธิบดีอับบาสของปาเลสไตน์กล่าวในวันที่ 12 ตุลาคมว่า รัฐบาลปาเลสไตน์ซึ่งมีอำนาจปกครองอย่างจำกัดในเขตเวสต์แบงก์และต่อต้านกลุ่มฮามาสขอยืนหยัดต่อต้านความรุนแรง และจะดำเนินการทางการเมืองเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการต่อต้านความรุนแรงนี้

“เราไม่ยอมรับแนวปฏิบัติในการสังหารหรือการข่มเหงพลเรือนของทั้งสองฝั่ง พวกเขาละเมิดศีลธรรม ศาสนา และกฎหมายระหว่างประเทศ” รอยเตอร์รายงานคำพูดของอับบาส

ความคิดเห็นสองครั้งหลังสุดของมาห์มูด อับบาส ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีจากก่อนหน้านี้ โดยเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 อับบาสบอกกับรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐว่า ชาวปาเลสไตน์มีสิทธิที่จะปกป้องตนเองจาก “ความน่าหวาดกลัวของผู้ตั้งถิ่นฐานและกองทหารยึดครอง”

เขาบอกว่า “ความอยุติธรรม” ต่อชาวปาเลสไตน์กำลังผลักดันความขัดแย้งระหว่างปาเลสไตน์กับอิสราเอลไปสู่ “การระเบิด” และเขายังกล่าวอีกว่า การยกระดับ (ความขัดแย้ง) ขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นขึ้นอยู่กับ “การปฏิบัติของพวกนักล่าอาณานิคมและกองกำลังยึดครองของอิสราเอล และการรุกรานต่อความศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลามและคริสเตียน”

ซึ่งหากตีความจากคำพูดของเขา ณ วันนั้น ก็ดูเหมือนว่าประธานาธิบดีปาเลสไตน์เป็นอีกคนหนึ่งที่มองว่าชาวปาเลสไตน์มีความชอบธรรมที่จะลุกฮือขึ้นสู้อิสราเอลทุกเมื่อ

ต่อมา ในวันที่ 9 ตุลาคม หลังจากอิสราเอลโจมตีโต้กลับอย่างหนักต่อพื้นที่ฉนวนกาซา ส่งผลให้มีพลเมืองเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ประธานาธิบดีมาห์มุด อับบาส ของปาเลสไตน์ได้เรียกร้องให้สหประชาชาติ (UN) เข้าแทรกแซงสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับฮามาสทันที เพื่อป้องกันการเกิดหายนะด้านมนุษยธรรมอันเนื่องมาจาก “การรุกรานอย่างต่อเนื่องของอิสราเอล โดยเฉพาะในฉนวนกาซา”

ถ้าสรุปตามไทม์ไลน์ช่วง 7 วันที่ผ่านมา ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ ซึ่งถือว่าพูดในนามรัฐบาลปาเลสไตน์ เริ่มจากบอกว่า ชาวปาเลสไตน์ (ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นฮามาสหรือกลุ่มไหน) มีสิทธิที่จะปกป้องตนเองจากความน่าหวาดกลัวของผู้ยึดครองดินแดน ต่อมาได้เรียกร้องให้ UN เข้าแทรกแซงเพื่อยุดติสงคราม และตามมาด้วยการประณามทั้งสองฝ่ายที่โจมตีพลเมือง

ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าอิสราเอลเข้าใจดีว่าฮามาสไม่ได้เท่ากับปาเลสไตน์ และเขตเวสต์แบงก์ก็ไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของฮามาส ซึ่งดูเหมือนว่าความขัดแย้งของอิสราเอลกับฮามาสครั้งนี้ไม่น่าจะถูกเหมารวมมาถึงชาวปาเลสไตน์ในเวสต์แบงก์ แต่ลำพังเพียงชาวอิสราเอลกับปาเลสไตน์ที่อยู่ร่วมกันของในเวสต์แบงก์นั้นก็หาใช่ว่าจะอยู่กันอย่างสงบสุข เพราะมีการกระทบกระทั่งกันอยู่เป็นธรรมดาของคนสองชาติที่มีประวัติศาสตร์ความขัดแย้งกันมานาน

ตามการรายงานของรอยเตอร์บอกว่า ในเขตเวสต์แบงก์ซึ่งชาวปาเลสไตน์ต้องการให้เป็นแกนกลางของรัฐในอนาคตก็ได้เห็น “คลื่นแห่งความรุนแรง” มาเป็นเวลานานกว่า 18 เดือนแล้ว ซึ่งความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นกระตุ้นให้เกิดความกังวลว่า “ปาเลสติเนียน อินติฟาดา” (Palestinian Intifadas) หรือการลุกฮือของชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ที่อิสราเอลยึดครองจะเกิดขึ้นซ้ำอีก หลังจากที่เคยเกิดขึ้นแล้วสองครั้งในช่วงทศวรรษ 1980 และต้นทศวรรษ 2000

ในขณะที่อิสราเอลเจอการโจมตีระดับรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนโดยฝีมือของกลุ่มฮามาส และขณะที่ฉนวนกาซาตกอยู่ภายใต้การโจมตีโต้กลับที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา เขตเวสต์แบงก์จึงมีความเสี่ยง และผู้คนในพื้นที่ก็รู้สึกว่ามีลางไม่ดี

ทั้งนี้ นับตั้งแต่เกิดเหตุโจมตีเมื่อวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคมมาถึงวันที่ 13 ตุลาคม ในเขตเวสต์แบงก์และเยรูซาเลมตะวันออกก็มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 30 ราย

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ความเห็น 20

  • Jamkad BSK.
    แล้วปล่อยให้เขาอยู่ในดินแดน ปล่อยให้เขาผสมพันธ์กับคนของตัวเอง สร้างครอบครัวบนดิน ใต้ดินเป็นก่อการร้าย ใครจะยอ วะ
    14 ต.ค. 2566 เวลา 23.26 น.
  • Anan S.
    ความจริงก็คือความจริง ทีแรกก็บอกดีๆๆๆ เอาตัวประกันเป็นโล่มนุษย์ คิดว่าปลอดภัย ไหนได้อิสราเอล ยิงถล่ม ไม่สน ทีนี้รัองจ้ากๆ โธ่ถังพระถังสามถังก็อยู่ไกล
    14 ต.ค. 2566 เวลา 09.39 น.
  • FocusMan-virach
    ทำไม ปาเลส ไม่คิดแยกตัวออกจากฮามาส นานมากแล้ว ให้ชาวโลกรู้ก่อนสิว่า คัดค้านฮามาส ต่อต้านฮามาส.. ตอนนี้ ดูเหมือน เพิ่งมาออกตัว เพราะเห็นเพลี่ยงพล้ำ ทำเกินเหตุไปแล้ว.. คิดถึง ครอบครัวที่โดนวันที่ 7ตุลาสิ..เขาทุกข์ขนาดไหน
    14 ต.ค. 2566 เวลา 08.09 น.
  • Nit
    ดูคำกล่าวปธน เห็นด้วยกับกลุ่มฮามาส อิสราเอลถล่ม ก็สมควร
    14 ต.ค. 2566 เวลา 07.35 น.
  • aoun
    ฆ่ากลุ่มฮามาสให้หมดสิ้นแล้วค่อยมาอยู่อย่างสันติระหว่างปาเลสไตรน์กับอิสลาเอลแยู่ร่วมกัน
    14 ต.ค. 2566 เวลา 07.03 น.
ดูทั้งหมด