อัยการสูงสุดตั้งคณะทำงานดำเนินคดีบอส วรยุทธ สั่งพนักงานสอบสวน สอบเพิ่มเติม ประเด็นความเร็วรถ ขีดเส้นให้แล้วเสร็จภายใน 20 สิงหาคมนี้…
นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา, นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดีอัยการสูงสุด, นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าวความคืบหน้าการแจ้งให้พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดี นายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ที่ สำนักงานอัยการสูงสุด หลังแถลงข่าวเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา อัยการสูงสุดได้ตั้งคณะทำงานดำเนินคดี เพื่อพิจารณาคำสั่งคดีอาญา ทั้งหมด 6 คน มีนายอิทธิพร เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และมี นายชาญชัย เป็นรองคณะทำงาน ซึ่งให้คณะทำงานมีหน้าที่ในการเรียกสำนวนคดีของ นายวรยุทธ มาเพื่อพิตารณาสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมหากมีการซักถาม โดยคณะทำงานได้เรียกประชุม และตรวจสำนวนโดยละเอียดแล้ว
นายอิทธิพร ระบุว่า จากการที่คณะทำงานได้ตรวจสอบกรณีความเร็วรถของ นายวรยุทธ ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน ว่าความเร็วที่ปรากฏในสำนวนอาจจะไม่ใช่ความเร็วที่จะทำให้สำนวนยุติได้ คณะทำงานพิจารณาแล้ว จึงมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนพยาน เพิ่มเติม คือ ดีสธร วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในประเด็นเรื่องเคยร่วมตรวจสอบความเร็วของรถ ณ จุดที่ชนหรือไม่ หากเคย ความเร็ว ณ จุดที่ชนอยู่ที่เท่าไร, มีวิธีการคำนวณความเร็วรถอย่างไร และเคยส่งรายงานให้กับพนักงานสอบสวนหรือไม่ ทั้งนี้หากมีเอกสารการคำนวณให้จัดส่งมาเพื่อประกอบในสำนวนด้วย
คณะทำงาน ยังมีความให้สอบสวนเพิ่มเติม นายกสภาวิศกร ถึงประเด็นใบประกอบวิชาชีพของ รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ที่ขาดการต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ จะมีผลต่อการออกเอกสารรับรองมากน้อยเพียงใด และการคำนวณของ รศ.ดร.สายประสิทธิ์ มีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด
ส่วนกรณีพบสารโคเคนในร่างกาย นายวรยุทธ นั้นเห็นว่าในสำนวนมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดี ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ได้ จึงให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับ นายวรยุทธ เป็นคดีใหม่ โดยคำสั่งทั้งหมดคณะทำงานได้สั่งให้ พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จภายใน 20 ส.ค.นี้
ขณะที่ นายชาญชัย กล่าวด้วยว่า กรณีดังกล่าวเป็นการที่พนักงานอัยการมีความเห็นให้พนักงานสอบสวน สอบสวนเพิ่มเติมใน 2 ประเด็นสำคัญ คือ ประเด็นการตรวจวัดความเร็ว เนื่องจากมีเหตุเชื่อได้ว่า หากได้พยานหลักฐานใหม่ จะสามารถดำเนินคดีลงโทษผู้ต้องหาได้ ส่วนพยานหลักฐานในการตรวจสอบความเร็ว จะใช้ผลตรวจที่เผยแพร่ตามสื่อมวลชนหรือใช้วิธีการอื่นในการคำนวณความเร็วใหม่สามารถกระทำได้ รวมทั้งหากพบคลิปภาพความเร็วของรถ จะสามารถนำมาตรวจวัดใหม่ สามารถทำได้เช่นกัน เพราะจะถือเป็นพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งการที่ความเร็วเปลี่ยนแปลงไม่ได้หมายความว่า ความเห็นเดิมจะเป็นเท็จ ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นกระบวนการเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ยุติในการคำนวณความเร็วที่น่าเชื่อถือได้ พร้อมยืนยันไม่มีธงในการทำสำนวน แต่จะเป็นการแสวงหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ.