‘ทางเท้ามันควรจะเป็นทางที่ คน จะต้องเดิน’
‘ฟุตบาท’ หรือในภาษาอังกฤษคือ Footpath ที่แปลตรงตัวว่า ทางเท้า(ที่มีไว้สำหรับคนเดิน) แต่ทำไมในเมืองไทยของเรา มันถึงประสบปัญหาแผ่นปูนแตก เผลอเหยียบลงไปบางทีต้องวัดดวง น้ำขังปริ๊ดออกมาบ้างละ โคลนบ้างละ อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจฟุตบาทไทย ถ้าเดินเล่นโทรศัพท์จนเพลิน มีต้องชนกับตอเหล็กอะไรซักอย่าง หรือไม่ก็เกือบวัดพื้นเพราะเสาไฟฟ้าเป็นแน่ แม้จะเห็นว่ามีการรื้อออ ซ่อมใหม่อยู่บ่อยครั้ง แต่ ‘ฟุตบาทไทย’ ก็ไม่ได้รับการพัฒนาให้ได้เดินเท้าดี ๆ เสียที
ทางเท้าไทย ดังไกลถึงต่างแดน
ตอนเด็ก ๆ ใครทันเกม Minesweeper บทคอมพิวเตอร์กันมั้ยคะ? เกมคลิกสุ่ม ๆ วัดดวงอย่ากดไปโดนระเบิดไม่งั้นก็แพ้ ฟุตบาทไทยก็เช่นนั้น เพราะเสียงจากโซเชียลที่ยืนยันว่า‘เหมือนเล่นเกมทายกับดักทุ่นระเบิด’ ‘เจอประจำในวันที่ใส่ผ้าใบสีขาว ซักมาใหม่ๆ’ บางคนเจอจนมองออกเลย ‘สังเกตถ้ามันเอียงๆ หรือขอบรอยต่อชื้นๆ นี่ ใช่เลย ถ้ามีคนเหยียบมาก่อนสังเกตไม่ยาก แต่ถ้าฝนหยุดตกใหม่ๆ แล้วแต่ดวง’ ถึงกับมีคนนำภาพฟุตบาทไปทำเป็นเกม Minesweeper ให้ได้แชร์ต่อกันไปเรื่อย ๆ เพราะไม่ว่าใครที่เดินถนน ก็คงคิดเหมือนกัน!
เรื่องราวทางเท้าไทย ไม่ได้ถูกพูดถึงแค่ในประเทศ ชาวต่างชาติที่เคยมาเที่ยวไทยก็เจอเข้าให้กับ ‘ฟุตบาท Thailand only’ ถึงกับบัญญัติศัพท์ใหม่ไว้เลยว่า ‘BRICKFLICKED’ ที่หมายความประมาณว่า ทางเท้าของกรุงเทพมหานคร ที่พร้อมจะมีน้ำเน่าพุ่งขึ้นมาเสมอ
วัฒนธรรมการเดินเท้า
'ประเทศไทย มีวัฒนธรรมที่ปลูกฝังกันมาว่า รถยนต์เป็นใหญ่เสมอ เรามีสะพานลอย มากกว่าทางม้าลาย ซึ่งชี้วัดได้ว่าเมืองนี้ เอื้อประโยชน์ให้กับคนขับรถยนต์ มากกว่าคนเดินเท้า' – จากคำให้สัมภาษณ์ของ Goodwalk Thailand
ถ้าย้อนกลับไป วัฒนธรรมการเดิน ที่เราได้เคยอ่านจาก the 101.World เขาสรุปไว้พอเข้าใจว่า ‘สมัยก่อนโน้นลักษณะชุมชนเอื้อให้การเดินเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่ละชุมชนจะมีทุกอย่างอยู่ใกล้ๆ อาศัยกันอยู่เป็นแคลน (clan) หรือกลุ่มเครือญาติ ศูนย์กลางของชุมชนอาจเป็นสถานที่ทางจิตวิญญาณ ไม่ก็พื้นที่ส่วนกลางที่คนสามารถแลกเปลี่ยนสิ่งของกันได้ เช่น ท่าน้ำ เป็นต้น’ นั่นก็คือการจัดโซน วางแผนผังเมืองให้เอื้อกับการเดินถึงกันได้ง่าย ซึ่งมันก็ต้องหวังว่าคนที่สร้างทางเท้า จะเข้าใจกิจวัตร เรียนรู้สภาพแวดล้อม ความเป็นอยู่ของแต่ละย่านให้เข้าใจจริง ๆ เสียก่อน ถึงจะสร้าง และ ใช้วัสดุที่ทนทานต่อการใช้งานจริง ๆ
การเดินเท้า ก้าวแรกสู่การเปลี่ยนเมือง
ฟุตบาทที่เดินไม่ได้ ก็ทำให้เราไม่อยากใช้งาน นำมาซึ่งระบบขนส่งสาธารณะที่ไม่เอื้อต่อคนเดินเท้า จึงทำให้เราไปเจอโครงการดี ๆ ที่ดูมีความหวังให้ฟุตบาทไทย ใช้งานได้จริง อย่าง‘GoodWalk’ โครงการที่ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (UddC) ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่มุ่งหมายให้เกิดการเดินของผู้คนในพื้นที่เมืองในชีวิตประจำวัน
ในทุกมุมโลกต่างมุ่งเปลี่ยนแปลงให้เมืองของตน ‘Walkable city’ ที่จะคนส่วนใหญ่หันมาเดิน ปั่นจักรยาน และขนส่งสาธารณะ เพราะไม่ใช่แค่พลเมืองจะสุขภาพดี ภูมิทัศน์ของเมืองก็รื่นรมณ์อีกด้วย
สถาปนิก นึกอะไร?
ดร.นิรมล กุลศรีสมบัติ หัวหน้าโครงการเมืองเดินได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า 'เพราะการเดินเท้าเป็นการสัญจรที่เป็นอิสระมากที่สุดโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ที่แม้แต่จักรยานก็ยังมีเงื่อนไขในการหาที่จอด คือ การเดินเท้านั้นเป็นการประหยัด ออกกำลังกาย และไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสภาพแวดล้อม นอกจากนี้ยังเป็นประโยชน์ทางด้านสังคม เศรษฐศาสตร์ คือ เป็นมิตรกับธุรกิจเล็กๆ ข้างทาง เป็นตัวส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาระดับท้องถิ่น ทำให้คนสามารถพบปะกับผู้คน พบปะกับสิ่งรอบกาย ทำให้เกิดความเท่าเทียมกันในสังคม ดังนั้นจึงมีคนพูดกันบ่อยว่าเมืองใดที่ขาดพื้นที่ทางเท้า หรือพื้นที่สาธารณะที่มีคุณภาพ เมืองนั้นยากที่จะสร้างประชาธิปไตยขึ้นได้ เพราะฉะนั้น "เมืองที่เดินได้และเดินดี" จึงเป็นเมืองที่ดีและเป็นที่มาของโครงการที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม'
ไม่นานมานี้ เราเริ่มเห็นการปรังปรุงภูมิทัศน์ของถนนข้าวสาร ให้มีระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น พร้อมตั้งรับนักท่องเที่ยวหลังโควิด19 ที่จะหายไป ในอนาคตอันใกล้ ประเทศไทยจะมี ‘ฟุตบาที่เดินได้จริง’ จริง ๆ แต่มีหนึ่งสิ่ง นั่นก็คือ อย่าลืมความร่วมใจของชาวไทยเดินเท้าทุกท่าน รักษาฟุตบาทให้ยังคงสวยงาม น่าเดิน จะได้เดินได้เดินดีแฮบปี้กันทุกท่าน : )
.
อ้างอิง