ความคืบหน้าปฏิบัติการกู้คราบน้ำมันระยอง เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2565 พล.ร.ต.วิจณุ ถูปาอ่าง ผู้อำนวยการสำนักกิจการความมั่นคง กรมยุทธการทหารเรือ กองทัพเรือ เปิดเผยว่า ได้มีการปรับแผนไม่ใช้สารเคมี dispersant ในการกำจัดคราบน้ำมัน แต่จะใช้ทุ่นล้อมกักน้ำมันขนาดใหญ่และใช้เครื่องดูดหรือ Skimmer เก็บในถัง 200 ลิตร และเพื่อส่งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมทำลาย ส่วนกลุ่มคราบน้ำมันที่มีทิศทางเคลื่อนเข้าสู่ฝั่งและพื้นที่เปราะบางจะใช้ทุ่นล้อมเบี่ยงทิศออกสู่ทะเลเปิด จากนั้นล้อมดักและดูดไปทำลาย
ขณะเดียวกันได้เตรียมแผนการขจัดคราบน้ำมันกรณีเคลื่อนเข้าฝั่ง ดังนี้ 1) พื้นที่ชายฝั่งในทะเลให้ทางจังหวัดใช้ทุ่นล้อมป้องกันขึ้นฝั่ง เพราะจะอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมมาก 2) พื้นที่ชายฝั่งบนบกที่เป็นหินจะใช้การฉีดน้ำให้คราบน้ำมันรวมตัวกัน แล้วตักเก็บไปทำลาย 3) บริเวณหาดทรายจะใช้รถแบ็คโฮลตักคราบน้ำมันที่ปะปนกับทรายแล้วนำไปทำลาย
พล.ร.ท.โทปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า บริษัทสตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC คงไม่ปกปิดข้อมูลปริมาณน้ำมันดิบรั่วไหล โดยหลังจากกองทัพเรือและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นดูสภาพจริงแล้วปริมาณคราบน้ำมันลดลงเยอะ และเบากว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ยังไม่รู้ตัวเลขแน่ชัด แต่จากใช้เครื่องบินบินสำรวจด้วยสายตาคาดว่าตัวเลข 20,000 ลิตร น่าจะใกล้เคียงกับข้อเท็จจริง
อย่างไรก็ตาม กองทัพเรือคาดการณ์ว่าจะใช้ระยะเวลา 5 วันเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย แต่ขึ้นอยู่กับสภาพของทะเลในขณะนั้น ส่วนความผิดใครเป็นผู้ทำให้รั่วไหลก็ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย ซึ่งจะมีการประชุมเพื่อคำนวนค่าเสียหาย แผนฟื้นฟูทรัพยากร โดยอาจจะใช้โมเดลน้ำมันรั่วปี 2556
ทั้งนี้จากโมเดล Oilmap ของกรมควบคุมมลพิษ พบว่าในวันที่ 28 มกราคมนี้คราบน้ำมันอาจจะเคลื่อนที่เข้าชายฝั่งหาดแม่รำพึง และหมู่เกาะเสม็ดในเวลา 17.00 น. ซึ่งสอดคล้องภาพถ่ายดาวเทียมของจิสดาที่พบว่าคราบน้ำมันมีขนาด 2 เท่าของหมู่เกาะเสม็ด และทิศทางลมเคลื่อนเข้าฝั่งหาดแม่รำพึง และพื้นที่ใกล้เคียง
พล.ร.ท.ปกครอง กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการจัดตั้ง "ศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการในการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน ทัพเรือภาคที่ 1" (ศคปน.ทรภ.1) หรือ On Scene Commander เพื่อทำหน้าที่กำหนดแผน และยุทธวิธีในการขจัดคราบน้ำมัน ปฏิบัติการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันที่เกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบ ตลอดจนอำนวยการประสานกับส่วนราชการ และหน่วยงานภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด
ขณะที่ บริษัท SPRC ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4 เมื่อวันที่ 27 มกราคม ว่า พบน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SPM) อยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร โดยล่าสุดมีปริมาณน้ำมันดิบรั่วไหลอยู่ที่ประมาณ 20-50 ตันและสามารถควบคุมคราบน้ำมันให้อยู่ในวงจำกัด เหลือปริมาณน้ำมันอยู่ในทะเลประมาณ 5.3 ตัน
อนึ่ง เหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วจากท่อขนส่งใต้ทะเลในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เมื่อคืนวันที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมาทางบริษัท SPRC ได้แจ้งทางกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ว่ามีปริมาณน้ำมันรั่ว 400,000 ลิตร และต่อมาทาง คพ.ได้แจ้งต่อสื่อมวลชนว่าทางบริษัทได้ขอแก้ไขตัวเลขเป็น 160,000 ลิตร และเหลือคราบน้ำมันบนผิวน้ำทะเลแค่ 20,000 ลิตร ซึ่งสาเหตุที่ตัวเลขมีความไม่ชัดเจนเนื่องจากเป็นการประมาณการหน้างานให้เอื้อต่อการทำแผนเผชิญเหตุและการทำงาน
