โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

สัมภาษณ์เจาะลึก: โด่งดังจากบท “บอส วศิน” แต่จริง ๆ ผมชื่อ “ฟิล์ม ธนภัทร”

TheHippoThai.com

เผยแพร่ 03 ก.ย 2561 เวลา 05.00 น.

โด่งดังจากบท “บอส วศินแต่จริง ๆ ผมชื่อฟิล์ม ธนภัทร” 

“…ตอนแรกอ่ะโดนด่ายับเลย (หัวเราะ) จริงๆไม่ได้ด่าหรอกครับคือโดนตำหนิว่าคิดอย่างนี้ได้อย่างไรทำไมตัวละครถึงแสดงออกแบบนี้คือฉากเปิดตัวในเรื่องที่ไปซื้อรถผมเล่นได้แย่มากภาพมันอาจจะออกมาดีในระดับหนึ่งแต่เพราะเราเล่นไปหลายเทคไงครับ(หัวเราะ) กว่าจะมาเป็นตัวละครวศินได้ พวกเราทุกคนทำงานกันหนักมากครับ…”

นี่คือสิ่งแรกที่ “ฟิล์ม- ธนภัทร กาวิละ บอกกับเราเมื่อถามถึงการรับบท บอส วศิน แห่งละคร เมีย 2018 รักเลือกได้ ที่เพิ่งจะอำลาจอไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาพร้อมกระแสการตอบรับอย่างถล่มทลาย ด้วยเรตติ้งสูงสุดจนทุบทุกสถิติละครทุกเรื่องในยุคทีวีดิจิตอล และส่งให้ บอส วศิน ก้าวผ่านความเป็นพระรองเดิมๆ สู้พระเอกของเรื่อง ไปพร้อมๆ กับชีวิตที่เปลี่ยนจากนักแสดงธรรมดาไปสู่ Spotlight สาดส่งมาจากทุกทิศทุกทางของผู้รับบทนี้ 

แต่ใครจะไปรู้ว่า กว่าจะมีวันนี้ ฟิล์ม ธนภัทร ต้องใช้เวลากว่า 11 ปี ติดตามความฝันบนเส้นทางบันเทิง ! วันนี้จึงเป็นโอกาสพิเศษที่เขาได้เคลียร์คิวงานล้นมือมา ร่วมพูดคุยสบายๆ กับเราในยามบ่าย ถึงเบื้องหลังชีวิต และมุมมองใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยได้เล่าที่ไหนมาก่อน พร้อมเป้าหมายต่อไปของ ฟิล์ม ธนภัทร คนนี้ หลังจากที่เขาได้ส่งให้ชีวิตของ บอส วศิน ได้เดินทางไปต่อกับ อรุณา ในตอนจบของเรื่องแล้ว ขอเชิญทุกท่านติดตามได้ในบทสัมภาษณ์นี้ ที่ไม่แน่ว่า อาจจะเปลี่ยนให้คุณได้มองฟ้าหม่นๆ ของบ่ายวันฝนพรำอย่าในช่วงนี้ในอีกมุมหนึ่งอย่างที่เขาได้มองไปเลยก็ได้…

บอส วศินไม่ได้เกิดขึ้นเพราะฟิล์มธนภัทร

“…ก่อนอื่นต้องบอกว่ากระแสของ บอส วศินนี่ผมว่าเป็นเพราะทุกๆคนในทีมเมีย2018 เลยครับมันเริ่มจากคนเขียนบท "พี่เจี๊ยบ (วรรธนา วีรยวรรธน)"  ที่เขียนบทได้เก่งมาก (เน้นเสียง) บทของพี่เจี๊ยบทำให้ตัวละครมีชีวิตเป็นคนจริงๆ  ไม่ใช่แค่คำพูดของวศินแต่เป็นคำพูดของทุกๆคนที่เป็นภาษาคนปัจจุบันจริงๆคนดูก็จะรู้สึกว่าเออใช่ว่ะ! เออจริงว่ะ! เออแม่งโดนว่ะ! ใส่ใจรายละเอียดทุกอย่างมากอีกอย่างคือผู้กำกับการแสดงถ้าไม่ได้ "พี่สันต์ (สันต์ ศรีแก้วหล่อ)" และนักแสดงทุกคน "พี่บี (น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์)"  "พี่ป้อง (ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์)"  ทีมงานช่างไฟเสื้อผ้าทุกอย่างถ้าไม่มีทีมนี้ก็ไม่มี บอส วศินหรือ ฟิล์มธนภัทรที่เป็นที่รู้จักอย่างในทุกวันนี้ผมพูดตรงๆว่าถ้าเป็นฝีมือผมเองอย่างเดียวในตอนนี้ผมไม่สามารถมาถึงจุดนี้ได้เลย…”

การเปลี่ยนแปลงตัวเอง”  เกิดขึ้นเพราะคุณแม่และสระว่ายน้ำ

“…ชีวิตวัยเด็กของผมไม่มีความเป็นบอสใดๆเลยนะครับ (หัวเราะ) ไม่มีเลยเป็นหัวหน้าชั้นเป็นตัวแทนนักเรียนอะไรกับเค้าเป็นเด็กหลังห้องครับ (ยิ้ม)ตอนนั้นจะซนระดับหนึ่งเลย(ยิ้มกริ่มเหมือนเกรงใจที่จะพูดว่าซนมาก) ตอนเด็กๆผมก็จะอ้วนแล้วก็เตี้ยด้วยนะแม่ก็จะพาผมไปว่ายน้ำในสระก็จะมีคนรู้จักกันทั้งนั้นแหละครับแล้วตอนเด็กๆเราก็จะเป็นคนที่ไม่มีความอดทนว่ายๆไปก็จะโวยวายตะโกนลั่นสระเถียงแม่ในสระว่ายน้ำเข้าใจใช่มั้ยครับ(หัวเราะ) คือทำให้แม่อายแต่ตอนนั้นนี่ไม่ได้รู้สึกจะอายอะไรเลยนะเราไม่อยากว่ายน้ำอ่ะเราว่าเราเหนื่อยแล้วก็งอแงเลยคนที่รู้จักกับแม่ก็เป็นที่รู้กันว่าผมเป็นเด็กดื้อตัวแสบเลยแหละ แต่ไม่ถึงขั้นเอาแต่ใจนะ 

เราเป็นคนที่เชื่อมั่นในความคิดของตัวเองแต่ตอนนั้นยังเป็นเด็กก็เชื่อแต่ตัวเองอย่างเดียวไงครับไม่ได้มีประสบการณ์หรือความคิดอะไรมากมายเลย(หัวเราะ) แล้วยังไม่มีความคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเลยนะครับการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งแรกก็เกิดจากแม่จับเราว่ายน้ำนี่แหละครับเปลี่ยนจากเด็กอ้วนเตี้ยคนหนึ่งมาเป็นเด็กที่ตัวยืดขึ้นผอมลงช่วงนั้นเลยครับแม่ก็จะควบคุมอาหารแต่ก่อนชอบกินขนมชอบกินของหวานทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เด็กอ้วนได้ผมกินหมดเลยคือถ้าแม่ไม่เคี่ยวเข็ญวันนั้นผมอาจจะเป็นเด็กอ้วนเตี้ยแล้วก็ไม่มีทุกวันนี้เลยก็ได้นะนั่นคือจุดที่ทำให้เราเริ่มรู้จักการพัฒนาตัวเอง(ยิ้ม)…”

ชีวิตที่เคยนิยามตัวเองว่า “โคตรไร้ค่า” 

“…ผมมาทำงานกับช่องวันได้ด้วยโครงการรักฝุ่นตลบCasting Project ครับเราดีใจเหมือนเด็กได้ของรางวัลเลยนะเราผ่านกว่าร้อยคนพันคนมาเป็นที่หนึ่งได้ตอนนั้นก็ยากนะแต่ไม่เท่าตอนที่เข้าช่องแล้วมาถึงวันนี้(ยิ้ม) เราบอกตัวเองว่าเราจะไม่ขอหยุดพัฒนาตัวเองอะไรที่เราทำได้ก็ทำให้สุดในขีดจำกัดของเราตอนนั้นมีอะไรเราก็พยายามเต็มที่การมาเข้าช่องของเราก็เลยมาพร้อมๆกับการเป็น "สจ๊วต" ครับคือเราไปสมัครสจ๊วตทิ้งไว้แล้วก็มาเข้าร่วมโครงการแต่โครงการประกาศผลก่อนแล้วสจ๊วตก็ประกาศตามก็เลยเข้ามาควบคู่กันทำสลับกันประมาณปีกว่าเรื่องความเหนื่อยเราสู้ตายเราต้องจัดการเวลาเองทุกอย่างหาแลกตารางเพื่อให้มีวันว่างไปถ่ายละครหรือบางทีบินลงมาก็มาถ่ายละครต่อสจ๊วตนี่เราทำเพราะอยากมีเงินไป Support ครอบครัวตอนนั้นก็เลยตัดสินใจเอาเงินเก็บก้อนสุดท้ายในชีวิตตัวเองไปเรียนภาษาอังกฤษแล้วก็บังเอิญ (เสียงสูง) สายการบินเปิดเราก็เลยไปสมัครไปสอบ TOEIC (Test of English for International Communication )แล้วก็ผ่านมาด้วยคะแนนทุกอย่างที่คาบเส้น (หัวเราะ)

จริงๆตอนเรียนจบใหม่ๆผมใช้ชีวิตแบบเรียกได้เลยว่าโคตรไร้ค่าพูดจริงๆนะตอนนั้นเรายังฝันที่จะทำงานในวงการบันเทิงอยู่แต่ด้วยความจริงครอบครัวเราก็ไม่ได้มีเงินผมใช้ชีวิตเตะฝุ่นทิ้งๆขว้างๆอยู่ประมาณหลายเดือนไม่ทำอะไรเล่นเกมเข้าฟิตเนสตาม Cast งานอยู่แค่นั้นโดยที่บ้านก็มีภาระมีหนี้สินจนวันหนึ่งที่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตคือการที่ได้คุยกับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งตัวเค้าเองก็บอกว่าตัวเองไม่ได้เรียนเก่งอะไรแต่เค้ายังกล้าที่จะเรียนภาษาอังกฤษเพื่อจะไปเป็นสจ๊วตได้แล้วทำไมเราไม่ทำอะไรให้ตัวเองแบบนั้นบ้างในเมื่อเพื่อนทำได้ทำไมเราจะทำไม่ได้…”

การตัดสินใจแม้จะต้องอยู่กับความเสี่ยง

“…เคยคิดก่อนที่จะตัดสินใจลาออกว่าเราจะทำไปด้วยกันได้มั้ยแต่ว่าตอนนั้นเราไม่ได้มีงานทางด้านการแสดงเยอะขนาดนี้ก็เลยว่าทำไปก่อนแล้วกันวันหนึ่งถ้ามันมีเยอะมากจริงๆก็คงต้องเลือกแต่ในเมื่อเรามีโอกาสที่จะทำตามความฝันของตัวเองแล้วมันอยู่ตรงหน้าเราแล้วอ่ะคือเราก็ไม่รู้ว่ามันจะประสบความสำเร็จไหมนะแต่ผมรู้สึกว่าครั้งหนึ่งในชีวิตของเราถ้าได้ทำตามความฝันของตัวเองมันจะไม่เสียดายเวลาตอนที่เราแก่ตัวไปแล้วว่าตอนที่เรามีเวลามีโอกาสทำไมเราไม่ทำผมใช้ชีวิตบนความเสี่ยงมาโดยตลอด(หัวเราะ)ด้วยความที่เป็นเด็กขี้เกียจบ้านไม่ได้มีฐานะSupport อะไรมากก็เลยตัดสินใจลาออกมาแล้วทำให้เต็มที่

มาถึงวันนี้ยอดFollow ในInstagram พุ่งแบบก้าวกระโดดมากแล้วก็ไปไหนมาไหนเกือบทุกที่เลยก็มีคนรู้จักเราสองเรื่องแรกที่ผ่านมาเราเหมือนคนธรรมดาคนหนึ่งแต่เมื่อกระแส บอส วศิน ออกไปมีแต่คนรู้จักมีแต่คนมาขอถ่ายรูปแต่สำหรับตัวผมเองมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเพราะผมยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมทุกอย่างการที่ชีวิตผมเปลี่ยนไปมันไม่ได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของตัวเองทุกวันนี้ก็ยังกินข้าวกล่องได้คิดย้อนกลับไปในมุมที่เรายังไม่มีเงินไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตวันนั้นเรายังกินข้าวกล่องแบบนี้ได้เลยโดยที่เราก็กินมันได้อร่อยทำไมพอเรามีชื่อเสียงแล้วเราต้องมานั่งเลือกว่ามันถูกอ่ะไม่อร่อยเราคิดว่าเรากินเพื่ออะไรเพื่อให้มีชีวิตต่อไปได้ทำงานต่อได้ถ้าเรามีโอกาสได้กินของดีๆมันก็คือโบนัสของเราแต่ถามว่าถ้าไม่มีล่ะเราก็ไม่รู้สึกว่าจะต้องกินอาหารหรูๆอะไร…”

 เตือนตัวเองขอบคุณตัวเองและให้กำลังใจตัวเอง 

ความเหมือนกัน (ที่บังเอิญเหลือเกิน) ที่หลายคนได้เห็นในช่วงท้ายของละครเมีย 2018 นันก็คือ การตั้ง Caption ให้กำลังใจ หรือสื่อสารความรู้สึกผ่าน Instagram จาก บอส วศิน ถึง อรุณา ในละครนั้น ช่างเหมือนกับลักษณะการใช้ข้อความใน Social Media ของฟิล์มเหลือเกิน และข้อสงสัยนี้ของพวกเรา ก็มีคำตอบจากปากของเขาเช่นกัน

"ผมอยากให้เป็นการอวยพรให้กับทุกคนแล้วก็ตัวเราด้วยบางทีผมอยากให้Caption เป็นเหมือนข้อคิดดีๆบางอย่างผมรู้สึกว่าคนก็รู้อยู่แล้วแต่ว่าเค้าก็แค่เผลอแล้วก็ลืมว่าจริงๆแล้วชีวิตที่มันง่ายหรือชีวิตที่ดีมันไม่ได้เกิดจากเงินแต่จุดตั้งต้นของมันกว่าทุกคนจะรวยจะสบายได้มันเกิดจากทัศนคติหรือความคิดของเราก่อนว่าเราจะทำอย่างไรให้เรามีชีวิตแบบนั้นให้ได้แล้วเราต้องลงมือทำคิดอย่างเดียวก็ไม่ได้แต่ก่อนที่เราจะลงมือทำเราต้องมีความคิดดีๆที่จะทำมันก่อนหลายๆครั้งเราก็ลงเป็นเหมือนข้อคิดดีๆเตือนสติของตัวเองและทุกคนให้กลับไปที่จุดเริ่มต้นว่าจริงๆแล้วถ้าเรามีความคิดที่ดีไม่ว่าจะกับเรื่องอะไรกับการใช้ชีวิตหรือการทำงานมันก็จะช่วยเป็นแรงผลักดันได้เยอะ  สำหรับผมนะเคยมีคนบอกว่า เมื่อตื่นมาให้ขอบคุณตัวเองก่อนขอบคุณร่างกายเราที่ยังหายใจขอบคุณที่ยังมีบ้านให้อยู่ขอบคุณที่ยังมีงานให้ทำแล้วเราจะรู้สึกว่าชีวิตเราจะมีคุณค่าตั้งแต่ตื่นนอนเราก็จะออกไปใช้ชีวิตแบบวันดีๆไม่มานั่งรู้สึกว่าวันนี้มันแย่มากเจอแต่ปัญหาไม่อยากตื่นนอนเลย…” 

เป้าหมายต่อไปในบทบาทของ “นักแสดงมืออาชีพ”

“…ทุกวันนี้ผมรู้สึกว่า24 ชั่วโมงมันไม่พออยากให้วันหนึ่งมีร้อยมีพันชั่วโมงด้วยซ้ำทุกวันนี้ค่าน้ำค่าไฟที่พักเหมือนคนไม่ได้อยู่ค่าน้ำใช้ตอนอาบน้ำเช้าเย็นค่าไฟใช้ตอนนอนTV ผมแทบไม่ได้เปิดเลยเรามาถึงจุดนี้ผมไม่ได้อยากมามีชื่อเสียงอะไรอย่างเดียวคือผมเข้ามาเพื่ออยากทำงานอยากมีชีวิตที่ทำงานแล้วคนเห็นคุณค่าจากงานของเรามากกว่าผมก็จะPlan ตัวเองว่าเราต้องทำอะไรบ้างถึงแม้จะมีพี่ๆผู้จัดการจากต้นสังกัดมาช่วยดูแลเราแต่เราก็ต้องมีวินัยกับตัวเองช่วยกันกับพี่เค้าด้วยเพื่อให้ทุกคนทำงานได้ง่ายที่สุดไม่ใช่ผลักภาระไปให้เค้าเรามาทำงานเราต้องทำงานหน้าที่ดูแลตัวเองเป็นภาระของเราความเหนื่อยคือสิ่งที่เราต้องจัดการนอนไม่พอมีจังหวะไหนที่จะนอนได้ก็นอนเก็บแต้มไปก่อนเลยมีเวลาว่างช่วงเช้าก็ปรึกษาพี่เค้าว่าเราขอฟิตเนสนะ 

มันเริ่มจากจุดเริ่มต้นของตัวเองว่าวันแรกที่เราก้าวเข้ามาก็ไม่ได้มีคนที่Support เรามากขนาดนี้เราก็ต้องเตือนตัวเองผลักดันตัวเองอยู่เสมอแล้วทำไมวันที่มีเราก็ไม่ควรลืมจุดเริ่มต้นว่าเรามาจุดนี้ได้เพราะเราผลักดันตัวเองด้วยแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆอะไรที่พัฒนาตัวเองได้ก็ทำผมไม่ได้อยามาเป็นนักแสดงแค่ตามกระแสมีชื่อเสียงแค่แป๊ปเดียวละครจบก็ไปแต่ผมอยากให้ทุกคนยอมรับในฐานะที่เป็นนักแสดงที่มีฝีมือคนหนึ่งในฐานะที่ผู้จัดหรือผู้กำกับหรือคนทำงานเวลานึกถึงนักแสดงอยากให้นึกถึงเราว่าไม่ใช่การที่รูปร่างหน้าตาดีแต่อยากให้นึกว่ามันเล่นเก่งมันเล่นดีมันเล่นเหมาะมันเล่นได้ไม่ว่าจะกับใครก็ตามและถ้าเป็นไปได้ก็อยากก้าวไปถึงจุดที่เราได้รับรางวัลทางการแสดงคือไม่รู้ว่าได้ไหมแต่เราก็จะทำให้เต็มที่ผมก็อยากไปถึงจุดนั้นให้ได้…”

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็คงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเราถึงไม่ได้รักแค่บอส วศินแต่ยังส่งใจไปให้ฟิล์มธนภัทรคนนี้ไปอย่างไม่รู้ตัว 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0