วันนี้ (2 เม.ย.2563) นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Puworawan ระบุว่า COVID-19 การลดการแพร่กระจายของโรคในประเทศไทยมาตรการต่างๆ ที่ออกมา สามารถลดการแพร่กระจายของโรคมาได้ระดับหนึ่ง
จากอำนาจการแพร่กระจายปกติ R0 = 2.5 หรือ 1 คน แพร่โรคต่อ 2.5 คน ลดลงเหลือ R0 = 1.5 หรือ 1 คนแพร่ไป 1.5 คน
อัตราดังกล่าวยังไม่เป็นที่พอใจ เราจะต้องลดให้เป็น 1 หรือน้อยกว่า 1 ให้ได้ เราต้องมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้น จึงจะควบคุมโรคได้ มาตรการทั้งหมดจะต้องประกอบไปด้วย
+1.วินิจฉัยโรคให้ได้รวดเร็ว และให้ได้มากที่สุด +
โดยการตรวจผู้สัมผัส ผู้ต้องสงสัยเพิ่มขึ้น และต้องออกผลให้รวดเร็ว ตรวจจำนวนผู้ต้องสงสัยเพิ่มขึ้น เพื่อควบคุม กักกัน ไม่ให้โรคแพร่กระจาย ผู้ติดเชื้อทุกคนจะต้องได้รับการดูแล ควบคุม ไม่ให้เกิดอาการมาก หรือรุนแรงโดยรักษาแต่เริ่มแรกรวดเร็ว และต้องการลดการแพร่กระจายโรคได้ รวมทั้งผู้ที่รักษาหาย จะต้องมั่นในว่า จะพ้นระยะและไม่ไปแพร่กระจายโรคได้
+2.ลดความเสี่ยงในการติดโรคของคนทั่วไป +
ตั้งแต่สุขอนามัย ล้างมือ กินร้อนที่รู้จัดกันดี ไปจนถึง physical distancing กำหนดระยะห่างของบุคคล สังคม ไม่น้อยกว่า 2 เมตร ไม่ว่านอกบ้าน ในบ้าน การใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรคและ ลดการติดต่อ
+3.ลดการเคลื่อนที่ของประชากร +
ลดการสัมผัสโรคด้วยการอยู่บ้าน และจะต้องทำให้มากที่สุด ในการลดประชากรที่จะไปสัมผัสโรค การเลื่อนวันหยุดสงกรานต์ การมีมาตรการเข้มงวดในการเคลื่อนที่ การเดินทางของประชาชน เพื่อลดการแพร่กระจายโรค
+4.การมีระเบียบวินัย +
เมื่อเปรียบเทียบ จีน กับประเทศประชาธิปไตยทางตะวันตกแล้ว จีนมีระเบียบวินัยมากกว่า สามารรถควบคุมโรคได้จนไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ ยกเว้นผู้ป่วยนำเข้าจากต่างประเทศ เพราะความมีระเบียบวินัย
มาตรการทั้งหมดต้องเข้มข้นขึ้น ก่อนเข้าฤดูฝนที่จะเป็นฤดูกาลของโรคทางเดินหายใจ แล้วเราจะยิ่งแยกยากระหว่างโรค COVID-19 กับโรคทางเดินหายใจอื่น จะสร้างปัญหากับประเทศไทยเป็นอย่างมาก