ประธานาธิบดีของฝรั่งเศส มาโครนหวั่นเกิด 'สงครามกลางเมือง' ในระหว่างการเลือกตั้งสมาชิกสภาในฝรั่งเศสที่กำลังจะมาถึง
ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอมมานูเอล มาโครงเตือนว่านโยบายของฝ่ายต่อต้านทางขวาสุดและซ้ายสุดอาจทำให้เกิด "สงครามกลางเมือง" ซึ่งประเทศฝรั่งเศสกำลังเตรียมตัวสู่การเลือกตั้งที่เป็นที่แตกต่างกันมากในหลายทศวรรษ
การเมืองของฝรั่งเศสถูกทำให้ยุ่งเหยิงโดยการเรียกใช้เลือกตั้งสมาชิกสภาโดยไม่คาดคะเนหลังจากพรรคซานต์รันเนลเบ็กซ์ซึ่งเป็นพรรคกลางที่ถูกพ่ายแพ้อย่างถึงของในการเลือกตั้งรัฐสภายุโรปเดือนนี้
สำรวจที่ดำเนินการในสุดสัปดาห์แสดงให้เห็นว่า พรรคซานต์รันเนลเบ็กซ์มีโอกาสชนะในรอบแรกในวันอาทิตย์นี้ด้วยอัตราส่วนประมาณ 35-36 เปอร์เซ็นต์ นำหน้าพันธมิตรทางซ้ายที่ได้รับ 27-29.5 เปอร์เซ็นต์ และพรรคกลางของมาโครนที่ต่ำกว่าเป็นอันดับสามด้วยอัตราส่วน 19.5-22 เปอร์เซ็นต์
การเลือกตั้งรอบที่สองจะตามมาในวันที่ 7 กรกฎาคม ในเขตเลือกตั้งที่ไม่มีผู้สมัครได้รับมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ในรอบแรก
ในการพูดในรายการพอดแคสต์ "Generation Do It Yourself" มาโครงที่อายุ 46 ปี ตำหนิทั้งพรรคซานต์รันเนลเบ็กซ์ (RN) ทางขวาสุดและพรรค France Unbowed ทางซ้ายสุด
เขากล่าวว่าพรรคฝ่ายขวาสุด "แยกแยะและผลักดันไปสู่สงครามกลางเมือง" ในขณะที่พรรค France Unbowed ทางซ้ายสุดที่เป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตร New Popular Front มีการเสนอ "รูปแบบของความร่วมชุมชน" และเพิ่มเติมว่า "สงครามกลางเมืองก็มาจากนั้นด้วย"
ในช่วงเช้าของวันจันทร์ ผู้นำฝ่ายขวาสุดของฝรั่งเศส จอร์แด็น บาร์เดลล่ากล่าวว่าพรรค RN ของเขาพร้อมที่จะปกครอง พร้อมประกาศว่าจะลดการย้ายถิ่นฐานและแก้ไขปัญหาค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
"ในสามคำ: เราพร้อมแล้ว," บาร์เดลล่า ประธานพรรค RN ที่อายุ 28 ปี กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อเปิดเผยโปรแกรมพรรคของเขา
บาร์เดลล่าที่ได้รับเครดิตในการช่วย RN ทำให้ภาพลักษณ์สิ่งที่เสียแล้วของพรรคดูดีขึ้น ได้เรียกร้องผู้ลงคะแนนเสียงให้พรรคที่ต่อต้านยุโรปให้ได้มาโครนีมีอำนาจส่วนใหญ่เพื่อให้สามารถดำเนินการโปรแกรมต่อต้านการย้ายถิ่นฐานและดำเนินการตามกฎหมายได้
"มี Macronism เป็นเวลาเจ็ดปีย่อยเสียงทำให้ประเทศอ่อนแอ," เขากล่าวเสียงสู้โครงการให้กำลังซื้อ "คืนความเรียบร้อย" และเปลี่ยนกฎหมายเพื่อทำให้ง่ายขึ้นในการเนรเทศชาวต่างชาติที่ต้องการให้มี罪
เขาได้ทักทายแผนที่จะสุดยกเข้มข้อแนะให้ขัดข้องและทำให้ยากมากขึ้นสำหรับเด็กที่เกิดในฝรั่งเศสถึงพ่อแม่ชาติต่างดินและได้รับสัญชาติ
เขายังให้คำมั่นว่าจะมีการปฏิรูปวินัยในโรงเรียนอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการห้ามใช้โทรศัพท์มือถือและลองนำเครื่องแบบนักเรียนมาใช้ ซึ่งเป็นข้อเสนอที่มาก่อนหน้านี้โดยมาครง
นายกรัฐมนตรีกาเบรียล อัตทาลจากพรรครุ่งเรืองของมาครง ได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายเศรษฐกิจของพรรค RN โดยกล่าวกับวิทยุยุโรป 1 ว่าประเทศกำลัง "มุ่งตรงไปสู่หายนะ" หากพรรค RN ชนะ
ในวันอังคาร อัตทาลจะโต้วาทีกับบาร์เดลลาในรายการโทรทัศน์
ในด้านนโยบายต่างประเทศ บาร์เดลลากล่าวว่าพรรค RN คัดค้านการส่งทหารฝรั่งเศสและขีปนาวุธพิสัยไกลไปยังยูเครน ตามที่มาครงเสนอ แต่จะยังคงให้การสนับสนุนด้านลอจิสติกส์และวัสดุ
เขายังกล่าวว่าพรรคของเขาซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัสเซียก่อนการรุกรานยูเครน จะ "ระมัดระวังอย่างยิ่ง" ต่อความพยายามของมอสโกในการแทรกแซงกิจการของฝรั่งเศส
มาครงยืนยันว่าว่าฝรั่งเศสจะสนับสนุนยูเครนในระยะยาว ในการพบกับเลขาธิการนาโต้ เจนส์ สโตลเตนเบิร์ก
"เราจะยังคงระดมกำลังเพื่อรองรับความต้องการเร่งด่วนของยูเครน" เขากล่าวข้างๆ สโตลเตนเบิร์กที่ทำเนียบเอลิเซ่
การเลือกตั้งกำลังก่อตัวขึ้นเป็นการประลองระหว่างพรรค RN และแนวร่วมประชาชนใหม่ฝ่ายซ้าย ที่นำโดยพรรคฝรั่งเศสไม่ก้มหัวฝ่ายซ้ายสุดโต่ง
บาร์เดลลาอ้างว่าพรรค RN ซึ่งพรรคกระแสหลักในอดีตได้รวมตัวกันเพื่อขัดขวาง ปัจจุบันเป็น "ทางเลือกที่รักชาติและสาธารณรัฐ" เมื่อเผชิญกับสิ่งที่เขากล่าวหาว่าเป็นการต่อต้านชาวยิวของพรรคของฌอง-ลุค เมลองชง
ฝรั่งเศสไม่ก้มหัวที่คัดค้านสงครามของอิสราเอลในกาซาและปฏิเสธที่จะเรียกการโจมตีของฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมว่าเป็น "การก่อการร้าย" ปฏิเสธข้อกล่าวหาการต่อต้านชาวยิว
ในการเรียกการเลือกตั้งภายในเวลาเพียงสามสัปดาห์ มาครงหวังที่จะทำให้คู่แข่งสะดุดและจับพวกเขาไม่ทันตั้งตัว
แต่นักวิเคราะห์เตือนว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจย้อนกลับมาถ้าประธานาธิบดีที่ไม่เป็นที่นิยมอย่างยิ่งถูกบังคับให้แบ่งปันอำนาจกับนายกรัฐมนตรีจากพรรคฝ่ายค้าน
มารีน เลอแปง ผู้มีอิทธิพลในพรรค RN ซึ่งมุ่งมั่นจะสืบทอดตำแหน่งต่อจากมาครง เรียกร้องให้เขาละทิ้งตำแหน่งหากเขาสูญเสียการควบคุมรัฐสภา
มาครงยืนยันวาเขาจะไม่ลาออกก่อนสิ้นสุดวาระที่สองในปี 2027 แต่ได้สัญญาว่าจะรับฟังข้อกังวลของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
ในการกล่าวเมื่อวันจันทร์ มาครงปกป้องการตัดสินใจเรียกการเลือกตั้งอีกครั้ง
"มันยากมาก ฉันตระหนักถึงมัน และหลายคนก็โกรธฉัน" เขากล่าวในพอดคาสต์
"แต่ฉันทำเพราะไม่มีสิ่งใดยิ่งใหญ่และยุติธรรมในระบอบประชาธิปไตยมากกว่าความไว้วางใจในประชาชน"