โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ผลสำรวจ "คู่รักวัยเรียน" ประสบการณ์เซ็กซ์ และการป้องกันโรคทางเพศสัมพันธ์

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 14 ก.พ. เวลา 08.13 น. • เผยแพร่ 14 ก.พ. เวลา 08.08 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

ผลสำรวจ "คู่รักวัยเรียน" ประสบการณ์เซ็กซ์ และการป้องกันโรคทางเพศสัมพันธ์ พบเด็กอยากให้ผู้ใหญ่ ผู้ปกครอง เข้าใจเรื่องการพกถุงยางว่าเป็นการป้องกัน ไม่ใช่เพราะใจแตก รวมถึงเปลี่ยนเป็นการสอนมากกว่าห้าม

เนื่องใน "วันวาเลนไทน์" 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ร็อกเกต มีเดีย แล็บ ร่วมกับ มูลนิธิแพธทูเฮลท์ (p2h) ทำการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ ความรู้ความเข้าใจ และปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์/ความรัก/ความสัมพันธ์ ในกลุ่มนักเรียนมัธยมศึกษา (ม.1-6) และ ปวช.1-3 ผ่านทางแบบสอบถามออนไลน์ ระหว่างวันที่ 7-12 ก.พ. ที่ผ่านมา จากผู้ตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 3,678 คน แบ่งเป็นเพศหญิง 2,181 คน หรือคิดเป็น 59.3% เพศชาย 1,073 คน หรือคิดเป็น 29.17% ตามด้วย LGBTQ+ 322 คน หรือคิดเป็น 8.75% และไม่ต้องการระบุ 102 คน คิดเป็น 2.77% โดยผู้ตอบมีอายุระหว่าง 11-20 ปี ซึ่งมีผลสำรวจที่น่าสนใจหลายข้อดังนี้

เมื่อถามว่า ปัจจุบันอยู่ในความสัมพันธ์รูปแบบใด นักเรียนที่ตอบแบบสอบถาม ระบุว่า เป็นโสดมากที่สุด 53.83% มีแฟน 34.20% มีสถานะเป็นคนคุย 8.97% Friends with benefits 1.36% One-night stand 0.68% และอื่นๆ 0.95% อยู่ใน Friend zone ซื้อ-ขายบริการ และมือที่สาม

ที่น่าสนใจก็คือคำตอบ Friends with benefits 50 คน เป็นนักเรียน ม.ต้น 11 คน, ม.ปลาย 21 คน, ปวช. 18 คน และ One-night stand 25 คน เป็นนักเรียน ม.ต้น 4 คน, ม.ปลาย 9 คน และ ปวช. 12 คน

จากนั้นเมื่อถามนักเรียนบอกว่าตัวเองไม่โสด ว่าเจอกับคู่ของตัวเองได้อย่างไร มีผู้ตอบว่า เจอกันที่โรงเรียน 47.41% ผ่านทางเฟซบุ๊ก 18.11% มีเพื่อนแนะนำ 7.86% เจอกันในที่สาธารณะ เช่น สวน ห้าง คอนเสิร์ต ฯลฯ 6.58% ผ่านแอปหาคู่ 6.12% อินสตาแกรม 5.59% เกมออนไลน์/ร้านเกม 2.91% นอกนั้นเป็นสถานที่ และแอปฯ อื่นๆ

จากคำถามที่ว่า คุณเคยมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ โดยในจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด ตอบว่าเคย 1,087 คน คิดเป็น 29.55% และไม่เคย 2,591 คน คิดเป็น 70.45%

และเมื่อพิจารณาลงไปอีกว่า กลุ่มที่ตอบว่าเคยนั้น ปัจจุบันมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใด จะพบว่าเป็นแฟนมากที่สุด รองลงมาก็คือโสด และคนคุย นอกจากนี้ยังพบว่าในกลุ่มที่ตอบว่าเคยนั้นเจอคู่ของตัวเองได้อย่างไร พบว่า เจอจากโรงเรียนมากที่สุด รองลงมาก็คือ เฟซบุ๊ก และเพื่อนแนะนำ

จากคำถามว่าอะไรที่ทำให้เกิดการมีเซ็กซ์ครั้งแรก พบว่านักเรียนมีการตกลงกันทั้งสองฝ่ายมากที่สุด 65.87% ตามมาด้วยบรรยากาศพาไป 23.46% เมา 4.23% ถ้าไม่ให้ กลัวมีปัญหากับความสัมพันธ์ 2.67% ถูกบังคับ 2.48% อยากรู้อยากลอง 1.01% และอื่นๆ 0.28%

ทั้งนี้ เมื่อสอบถามคนที่เคยมีเพศสัมพันธ์ เคยคุมกำเนิดด้วยวิธีใดบ้าง พบว่าการใช้ถุงยางอนามัยเป็นวิธีที่นักเรียนเลือกมากที่สุด รองลงมาเป็นการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ตามมาด้วย การหลั่งนอก การใช้ยาคุมกำเนิดรายเดือน การนับหน้า 7 หลัง 7 และการคุมกำเนิดแบบอื่นๆ โดยนักเรียน ม.ต้น ม.ปลาย และ ปวช. ต่างตอบเหมือนกันว่าเคยคุมกำเนิดด้วยการใช้ถุงยางอนามัยมากที่สุด รองลงมาเป็นยาคุมฉุกเฉิน และการหลั่งนอก

เมื่อถามว่า ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างไร จากคำตอบพบว่า มีใช้ถุงยางอนามัยมากที่สุด 84.03% ไม่ป้องกัน 6.72% ยาเพร็พ (PrEP) คิดเป็น 3.28% ยาเป็ป (PEP) คิดเป็น 2.38% และแผ่นยางอนามัย (dental dam) คิดเป็น 1.88%

ต่อข้อถามถึง การเข้าถึงอุปกรณ์คุมกำเนิด/ป้องกันโรคจากช่องทางไหน พบว่า ซื้อด้วยตัวเอง ผ่านร้านขายยา/ร้านสะดวกซื้อมากที่สุด 72.31% รองลงมาคือ ซื้อด้วยตัวเอง ผ่านทางออนไลน์ 15.36% รับฟรี ผ่านสถานพยาบาลรัฐ 6.26% ไม่คุมกำเนิด 3.68% ผู้ปกครองหาให้ และอื่นๆ เท่ากันที่ 1.20% ได้จากเพื่อน 0.28% ได้จากแฟน คิดเป็น 0.18%

ส่วนคำถามที่ว่า รู้หรือไม่ว่าสามารถรับถุงยางอนามัย/ยาคุม ได้ฟรี พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดตอบว่า "รู้" 64.87% และ "ไม่รู้" คิดเป็น 35.13% และเมื่อถามว่า คิดอย่างไรกับการต้องให้เลขบัตรประชาชน 13 หลักเพื่อรับอุปกรณ์คุมกำเนิดฟรี 58.02% ตอบว่า เห็นด้วย 21.75% ไม่เห็นด้วย แต่ต้องให้เพราะต้องการอุปกรณ์คุมกำเนิดฟรี อีก 20.23% ไม่เห็นด้วย ไม่ใช้ช่องทางนี้

ในส่วนของคำถามที่ว่าหากสามารถรับอุปกรณ์คุมกำเนิดได้ฟรี อยากรับผ่านช่องทางไหน พบว่า สถานพยาบาล/ร้านขายยา โดยไม่ต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคล มากที่สุด 57.69% รองลงมาคือ โรงเรียน 18.19% ช่องทางเดิมที่มีอยู่แล้ว 14.68% นอกนั้นเป็นช่องทางอื่นๆ อาทิ ห้องน้ำสาธารณะ สถานที่ซื้อขายบริการ ขอรับทางออนไลน์ ฯลฯ

ส่วนคำถามที่ว่า หากคุณ หรือคู่ของคุณตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจ จะทำอย่างไร พบว่า เลือกที่จะตั้งครรภ์ต่อ โดยเรียนต่อ 49.13% เลือกที่จะยุติการตั้งครรภ์ 29.77% เลือกที่จะตั้งครรภ์ต่อ โดยลาออกจากโรงเรียน 14.60% ไม่รู้ ไม่แน่ใจ 1.71% และอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นปรึกษาผู้ปกครอง ดูความพร้อม ฯลฯ

และเมื่อถามว่า รู้หรือไม่ กฎกระทรวงห้ามสถานศึกษาไล่นักเรียนที่ตั้งครรภ์ออก 54.57% บอกว่ารู้ และอีก 45.43% บอกว่าไม่รู้ และเมื่อถามว่ารู้หรือไม่ว่า สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้อย่างถูกกฎหมายโดยบุคลากรทางการแพทย์ หากอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ 61.53% บอกว่า "รู้" และ 38.47% บอกว่าไม่รู้

ส่วนความรู้สึกเมื่อเห็นคนที่ตั้งครรภ์แล้วยังมาเรียน ส่วนใหญ่บอกว่าเฉยๆ ทั้งยังชื่นชม ที่รู้จักรับผิดชอบชีวิตของตัวเอง ขณะที่มีกลุ่มเล็กๆ ที่รู้สึกแปลก เพราะคนส่วนใหญ่ เลือกที่จะลาออก และกังวลหากมาเรียนแล้วได้รับอันตรายระหว่างทาง

ในส่วนของคำถามที่ว่า เมื่อเกิดปัญหาด้านความสัมพันธ์ เลือกปรึกษาใคร พบว่าส่วนใหญ่เลือกปรึกษาผู้ปกครอง, เพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้องที่สนิท, คู่ของตัวเอง, ไม่ปรึกษา, แพทย์ นักจิตวิทยา คนในโซเชียล และอื่นๆ ตามลำดับ

เมื่อถามว่า เรื่องอะไรที่อยากให้สังคมเข้าใจในเรื่องเซ็กซ์/ความรัก/ความสัมพันธ์ของวัยรุ่น ซึ่งเป็นคำถามปลายเปิด พบว่ามีหลายความเห็นที่น่าสนใจ อาทิ นักศึกษาหญิง ปวช.ปี 2 อยากให้ผู้ปกครองเข้าใจเรื่องการพกถุงยาง เพราะส่วนใหญ่ยังไม่ยอมรับ และมองว่าเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ โดยเฉพาะผู้หญิง ซ้ำยังโดนมองว่า เป็นเด็กใจแตก

ขณะที่ นักเรียนชาย ม.6 ระบุว่า สมัยนี้ไม่จำเป็นต้องคบแค่เพศตรงข้าม เราสามารถคบกับเพศเดียวกันได้ แค่เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุข และนักเรียนชาย ม.4 บอกด้วยว่า ควรสอนให้ป้องกันมากกว่าห้าม

ขณะที่เมื่อถามว่า อยากได้การสนับสนุนเรื่องใดมากที่สุดในเรื่องเซ็กซ์/ความรัก/ความสัมพันธ์ของวัยรุ่น (คำถามปลายเปิด) มีหลายความเห็นที่น่าสนใจ อาทิ นักศึกษาหญิง ปวช. อายุ 18 ปี ระบุว่า การแจกถุงยางอนามัย อาจจะไม่ได้เป็นการสนับสนุน แต่ให้คิดว่าเป็นการป้องกัน ขณะที่ LGBTQ+ อายุ 16 ปี อยากได้รับการสนับสนุน ในเรื่องของความรักแบบไม่จำกัดเพศ.

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0